เรือหลวงสายบุรี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เรือหลวงสายบุรี (FFG-458)
ในฐานทัพเรือสหรัฐซาเซโบะ ประเทศญี่ปุ่น
ประวัติ
ประเทศไทย
ชนิดเรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา (ฟริเกต ไทป์ 053 เฮชที ชั้นเจียงหู III)
ชื่อเรือหลวงสายบุรี
ตั้งชื่อตามแม่น้ำสายบุรี
อู่เรืออู่ต่อเรือหูต่ง, เซี่ยงไฮ้
ปล่อยเรือพ.ศ. 2533
เดินเรือแรก27 สิงหาคม พ.ศ. 2534
เข้าประจำการ4 สิงหาคม พ.ศ. 2535
รหัสระบุ
ลักษณะเฉพาะ
ขนาด (ระวางขับน้ำ): 1,676 ตัน (1,650 long ton) ปกติ
1,924 ตัน (1,894 long ton) เต็มที่
ความยาว: 103.2 เมตร (338 ฟุต 7 นิ้ว)
ความกว้าง: 11.3 เมตร (37 ฟุต 1 นิ้ว)
กินน้ำลึก: 3.1 เมตร (10 ฟุต 2 นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน: 4 × เครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 20V1163 TB83
2 × ใบจักร ควบคุมด้วยระบบปรับพิทช์ใบจักร
ความเร็ว: 30 นอต (56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) สูงสุด
พิสัยเชื้อเพลิง: 3,500 ไมล์ทะเล (6,500 กิโลเมตร) ที่ 18 นอต (33 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
อัตราเต็มที่: 168
ระบบตรวจการและปฏิบัติการ:
  • ตอนที่ต่อเรือ
  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ/อากาศ แบบ 354 Eye Shield
  • เรดาร์ตรวจการณ์พื้นน้ำ แบบ 352C Square Tie
  • เรดาร์ควบคุมการยิง แบบ 343 Sun Visor (สำหรับปืน 100 มม.)
  • เรดาร์ควบคุมการยิง แบบ 341 Rice Lamp (สำหรับปืน 37 มม.)
  • เรดาร์เดินเรือ Racal-Decca 1290 A/D ARPA
  • เรดาร์เดินเรือ Anritsu RA 71CA
  • ระบบพิสูจน์ฝ่าย (IFF) แบบ 651
  • ระบบอำนวยการรบ แบบ ZKJ-3 หรือ STN Atlas mini COSYS
  • โซนาร์ แบบ SJD-5A
สงครามอิเล็กทรอนิกส์และเป้าลวง:
  • ESM แบบ 923-1 intercept
  • ECM แบบ 981-3 deception jammer
  • 2 × แท่นยิงเป้าลวง สะท้อนคลื่นเรดาร แบบ 945 GPJ
  • ยุทโธปกรณ์:
  • 1–2 × ปืนใหญ่เรือ 100 มม./56 แบบ 79 แท่นคู่
  • 4 × ปืนใหญ่กล 37 มม. แท่นคู่
  • 8 × แท่นปล่อย C-802A SSM
  • 2 × แท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ แบบ 86
  • 2 × จรวดปราบเรือดำน้ำ BMB
  • อากาศยาน: 1 × เบลล์ 212
    อุปกรณ์สนับสนุนการบิน: ดาดฟ้าบิน

    เรือหลวงสายบุรี (FFG-458) (อังกฤษ: HTMS Saiburi) เป็นเรือลำที่สี่ในเรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา สังกัดกองเรือฟริเกตที่ 2[2] กองเรือยุทธการ ของกองทัพเรือไทย โดยใช้แบบของเรือฟริเกต แบบ 053 เฮชที ชั้นเจียงหู III ของจีน

    การออกแบบ[แก้]

    เรือหลวงสายบุรี มีความยาว 103.2 เมตร (339 ฟุต) ความกว้าง 11.3 เมตร (37 ฟุต) กินน้ำลึก 3.1 เมตร (10 ฟุต) ระวางขับน้ำปกติ 1,676 ตัน ระวางขับน้ำเต็มที่ 1,924 ตัน มีใบพัดสองเพลาและขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MTU 20V1163 TB83 สี่เครื่องที่มีกำลัง 29,440 แรงม้า (21,950 กิโลวัตต์) เรือมีระยะทำการ 3,500 ไมล์ทะเล (6,500 กม.) ขณะแล่นด้วยความเร็ว 18 นอต (33 กม./ชม.) และมีความเร็วสูงสุด 30 นอต (56 กม./ชม.) เรือหลวงสายบุรี ใช้กำลังพลทั้งหมด 168 นาย ซึ่งรวมถึงนายทหาร 22 นาย[3]

    ชั้นเรือแบบ 053 เฮชที ซึ่งเป็นแบบเรือของเรือหลวงสายบุรีนั้น ติดตั้งปืนใหญ่เรือขนาด 100 มม./56 แบบ 79 แท่นคู่ ที่บริเวณส่วนหน้า และปืนใหญ่กลแบบ 76 ขนาด 37 มม. แท่นคู่ จำนวนสี่กระบอก สำหรับการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ นอกจากนี้เรือได้แท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ แบบ 86 จำนวนสองแท่น และจรวดปราบเรือดำน้ำ BMB น้ำลึก จำนวนสองแท่น สำหรับสงครามผิวน้ำ เรือหลวงสายบุรีนั้นได้ติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือ C-801 แปดแท่นเป็นอาวุธหลักประจำเรือ[3] พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับดาดฟ้าบิน และสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้หนึ่งลำ[3]

    การปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพ[แก้]

    เรือแบบ 053 เฮชที (เฮช) อีกสองลำ คือ เรือหลวงสายบุรี และเรือหลวงสายบุรี ได้รับการปรับปรุงระบบให้ทันสมัยขึ้นในปี พ.ศ. 2552 การปรับปรุงนี้นี้รวมถึงการเปลี่ยนระบบอาวุธและระบบอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบไปด้วยปืนใหญ่เรือแบบ 100 มม./56 แบบ 79A และเรดาร์ควบคุมการยิงแบบ TR47C และแบบ FCU17C-2, ระบบอำนวยการรบ Poseidon III แทนที่ระบบเก่าคือ ZKJ-3, ปืนใกญ่กล 37 มม. แบบ 76A แท่นคู่ ควบคุมระยะไกลด้วยเรดาร์ควบคุมการยิง TR47C พร้อมระบบควบคุมการยิง FCU17C-1, ระบบระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (ESM) ES-3601-10 แทนที่ ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ แบบ 923-1 และ แบบ 981-3, เรดาร์ตรวจการพื้นน้ำ/อากาศ SR-60 และติดตั้งขีปนาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำใหม่ คือ C-802A[3][4][5]

    การต่อเรือ[แก้]

    เรือหลวงสายบุรี ได้รับการสั่งต่อพร้อมกันกับเรือลำอื่น ๆ ในเรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา รวม 4 ลำ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 ณ อู่ต่อเรือหูต่ง เซี่ยงไฮ้ โดยวางกระดูกงูเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2533[6] ปล่อยลงน้ำในวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554 เพื่อทดสอบและส่งมอบ

    เมื่อเรือเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อส่งมอบ ได้มีการตรวจสอบคุณภาพและพบว่าตัวเรือยังไม่เป็นที่น่าพอใจในการทำไปใช้งานและจำเป็นจะต้องแก้ไขปรับปรุงเกี่ยวกับการควบคุมความเสียหายของตัวเรือ[7] เมื่อได้ปรับปรุงในส่วนของส่วนควบคุมความเสียหายและส่วนอื่น ๆ ที่ต่ำกว่ามาตรฐานให้ได้มาตรฐาน[7]แล้วจึงได้นำเรือเข้าประจำการในกองทัพเรือไทยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2535[7][3]

    ภารกิจ[แก้]

    เรือหลวงสายบุรีมักจะได้รับภารกิจร่วมกับเรือน้องสาวในการฝึกประจำวงรอบและสับเปลี่ยนกำลังไปปฏิบัติหน้าที่ยามฝั่งเป็นประจำทุก ๆ เดือน[7] โดยมีภารกิจในยามสงบคือรักษาความสงบเรียบร้อยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในน่านน้ำไทย[8]

    ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2558 เรือหลวงสายบุรีได้ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมด้วยการส่งอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง และความช่วยเหลือทางการแพทย์ให้กับผู้อพยพชาวโรฮิงญาและชาวเบงกาลีที่อยู่บนเรือลอยลำในทะเลอันดามัน เพื่อช่วยเหลือให้ผู้อพยพดังกล่าว และป้องกันไม่ให้ขึ้นสู่ชายฝั่งประเทศไทย[9]

    เมื่อวันที่ 21 - 30 มีนาคม พ.ศ. 2565 เรือหลวงสายบุรี เรือหลวงนเรศวร พร้อมด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบ S-76B ของกองทัพเรือได้เข้าร่วมการฝึก Singsiam 2022 ร่วมกับกองทัพเรือสาธารณรัฐสิงคโปร์ บริเวณช่วงช่องแคบมะละกาและทะเลอันดามัน[10][11]

    อ้างอิง[แก้]

    1. https://www.marinetraffic.com/en/ais/details/ships/shipid:6095834/mmsi:567021200/imo:0/vessel:RTN_458
    2. "ฉะเชิงเทรา - 'ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ' ตรวจเยี่ยมการฝึกทบทวนเรือที่จะไปปฏิบัติราชการ ทัพเรือภาคที่ 3 และการยิงอาวุธของเรือในกองเรือฟริเกตที่ 2". THESTATESTIMES (ภาษาอังกฤษ).
    3. 3.0 3.1 3.2 3.3 3.4 Saunders 2004, p. 735.
    4. "ร.ล.สายบุรี". fleet.navy.mi.th. 8 October 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-12-26. สืบค้นเมื่อ 26 December 2022.
    5. ""บิ๊กลือ"ปลื้มทดสอบยิงอาวุธนำวิถี C-802A ระยะยิงไกลที่สุดผ่านฉลุย (คลิป)". www.thairath.co.th. 2019-04-05.
    6. "Royal Thai Navy - Detail Today". www.fleet.navy.mi.th.
    7. 7.0 7.1 7.2 7.3 Saunders 2009, p. 803.
    8. "เกาะถังลอยคอ! เรือหลวงสายบุรี ช่วยชีวิต 7 พม่า หลังอับปางกลางอันดามัน". www.thairath.co.th. 2015-12-31.
    9. "Thai ships, planes head out to assist boat people". Bangkok Post. 26 May 2015. สืบค้นเมื่อ 26 December 2022.
    10. "Singapore and Thailand Navies Conduct Bilateral Exercise Singsiam". mindef.gov.sg. 28 March 2022. สืบค้นเมื่อ 26 December 2022.
    11. "Navies of Singapore and Thailand participate in Exercise Singsiam". naval-technology.com. 29 March 2022. สืบค้นเมื่อ 26 December 2022.

    บรรณานุกรม[แก้]

    • Gardiner, Robert; Chumbley, Stephen, บ.ก. (1995). Conway's All the World's Fighting Ships 1947–1995. Annapolis, Maryland, USA: Naval Institute Press. ISBN 1-55750-132-7.
    • Saunders, Cdre. Stephen (2004). Jane's Fighting Ships 2004-2005. Jane's Information Group. ISBN 978-0710626233.
    • Saunders, Stephen, บ.ก. (2009). Jane's Fighting Ships 2009-2010. Jane's Information Group. ISBN 9780710628886.