เดวิด น็อต

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เดวิด น็อต

น็อตเมื่อปี 2013
เกิดเดวิด มัลคอล์ม น็อต (David Malcolm Nott)
ค.ศ. 1956 (อายุ 67–68 ปี)
คาร์มาร์เตน เวลส์
การศึกษาโรงเรียนแกรมมาร์ฮัลมี, มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์, มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์
มีชื่อเสียงจากการทำงานเป็ยศัลยแพทย์จิตอาสาตามเขตสงคราม
อาชีพการงานทางการแพทย์
วิชาชีพศัลยแพทย์
สถาบันชาริงครอส; เชลซีและเวสต์มินสเตอร์; เซนต์มารีส์; รอยัลมาร์สเดิน
เฉพาะทางศัลยศาสตร์ทั่วไป, ศัลยศาสตร์เส้นเลือด
รางวัลรางวัลมนุษยธรรมรอเบิร์ท เบินส์ (2016)

เดวิด มัลคอล์ม น็อต (อังกฤษ: David Malcolm Nott OBE OStJ FRCS, เกิดปี 1956) เป็นศัลยแพทย์และที่ปรึกษาศัลยศาสตร์ชาวเวลส์ ผู้ทำงานหลักอยู่ในโรงพยาบาลหลายแห่งในลอนดอนเป็นศัลยแพทย์ทั่วไป และ ศัลยแพทย์เส้นเลือด และเป็นจิตอาสาทำงานทางการแพทย์ตามเขตภัยพิบัติและเขตสงคราม น็อตพบว่าการช่วยสอนคนอื่นให้ช่วยทำงานนั้นเป็นประโยชน์อย่างมากทางการแพทย์ จึงได้จัดตั้งมูลนิธิเดวิด น็อต เพื่อฝึกสอนการผ่าตัดด่วนให้กับผู้ที่ทำงานในเขตสงครามและเขตภัยพิบัติ[1] ด้วยบทบาทในการทำงานเหล่านี้ เขาได้รับการขนานนามให้เป็น "อินเดียนาโจนแห่งวงการศัลยศาสตร์"[2][3]

การศึกษาและครอบครัว[แก้]

น็อตเกิดที่คาร์มาร์เตินในปี 1956 และอยู่อาศัยกับปู่ย่าตายายที่เตรเลชจนอายุได้สี่[4] เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียนแกรมมาร์ฮัลมี[5][6] พ่อของเขา จอร์จ น็อต (Malcolm George Nott) เกิดที่พม่าและได้รับการศึกษาในมัทราส เป็นลูกครึ่งพม่าและอินเดีย[7] และเป็นศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เฉพาะทางพิเศษด้านการเปลี่ยนสะโพก;[5] ส่วนแม่ วยอน โจนส์ (Yvonne Jones) เป็นพยาบาลจากเวลส์[5][8] พ่อของน็อตซึ่งเป็นแพทย์เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเข้าเรียนแพทย์[8][9] และยังเป็นแรงบันดาลใจให้เขาทำงานในเขตสงครามหลังพาน็อตไปชมภาพยนตร์ปี 1984 เรื่อง The Killing Fields[9]

น็อตไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จในการเรียนที่โรงเรียนมากนักในช่วงแรก แต่ต่อมาก็เข้าศึกษาแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ และ มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ จบการศึกษาในปี 1981[5]

น็อตจบการศึกษาวุฒิบัตรการบิน ได้รับใบอนุญาตการบินเอกชน และการบินพาณิชย์ เขายังทำงานเป็นนักบินขนส่ง (air transport pilot) ให้กับแฮมลินเจ็ต (Hamlin Jet) ในลูตัน เป็นอาชีพเสริมราวสิบปี[4][10][11]

ศัลยแพทย์[แก้]

ขณะเรียนแพทยศาสตร์อยู่ เชามีความสนใจเป็นพิเศษในสายงานศัลยศาสตร์[5] และยิ่งสนใจพิเศษในสายศัลยศาสตร์เส้นเลือดหลังได้ดูศัลยแพทย์ชาวลิเวอร์พูล พีเทอร์ ฮาริส (Peter Harris) ช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการทำศัลยกรรมรักษาภาวะหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง[5] น็อตเข้าฝึกเฉพาะทางด้านนี้ที่โรงพยาบาลในลอนดอน ได้แก่ชาริงครอส, เชลซีและเวสต์มินสเตอร์, เซนต์มารีส์ และรอยัลมาร์สเดิน[5] ในฐานะศัลยแพทย์หลอดเลือด เขาเฉพาะทางด้านเทคนิกส่องกล้องผ่าตัด โดยเฉพาะในการรักษาหลอกเลือดแดงใหญ่ที่ท้องโป่งพอง และ การบายพาสหลอกเลือดส่วนปลาย[10][12] ในปี 1999 เขาเป็นศัลแพทย์คนแรกของโลกที่ทำการบายพาสหลอดเลือดฟีเมอรัล-พอพลีเทียล (femoral-popliteal bypass) ด้วยเทคนิกการส่องกล้องเพียงอย่างเดียว สำเร็จ[10]

เขาเริ่มทำงานในเชตอุบัติภัยและสงครามในปี 1993 หลังเขาได้ชมฟุตเทจเหตุสงครามในซาราเยโว เขาทำงานในเชตสงครามและอุบัติภัยเป็นเวลาหลายสัปดาห์ต่อปีนับแต่นั้น โดยทำงานเป็นศัลยแพทย์อาสาให้กับหน่วยงานเช่นแพทย์ไร้พรมแดน และกาชาด[13]

สถานที่ที่เขาเคยเดินทางไปอาสาเป็นศัลยแพทย์มาแล้ว ได้แก่ อัฟกานิสถาน, บอสเนีย, ช่ด, ดาฟูร์, กาซา, เฮติ, อิรัก, ลิเบีย, เซียราลีโอน และในเขตต่อต้านรัฐบาลของซีเรีย[5][9] ในปี 2013 ถึง 2014 น็อตได้ฝึกสอนและช่วยนักศึกษาแพทย์และแพทย์คนอื่นในการทำศัลยกรรมรักษาแผลจากการกระทบกระเทือนในอะเลปโปตะวันออกภายใต้ปกครองของกลุ่มต้านรัฐบาล[14]

ในระหว่างการโจมตียูเครนโดยรัสเซียเมื่อปี 2022 เขาเดินทางไปยูเครนเพื่อสอนและฝึกวิชาศัลยกรรมให้กับอาสาสมัครที่ยูเครนภายใต้องค์การ UOSSM[15]

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

ในปี 2015 น็อตสมรสกับเอเลนอร์ ยัพ (Eleanor Jupp) ทั้งคู่ให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคนในปีเดียวกัน[3][16] เอเลนอร์เป็นอดีตนักวิเคราะห์ประจำสถาบันการวิจัยเชิงยุทธศาสตร์[3][16]

ในปี 2014 เขามีโอกาสได้เข้าเฝ้าและทานอาหารเที่ยงร่วมกับพระราชินีเอลิซาเบธที่สอง[9][13] เมื่อเขาพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเล่าเรื่องเหตุการณ์เลวร้ายที่เขาเผชิญมา (traumatic experiences) แก่พระองค์ พระราชินีทรงช่วยให้เขาสบายตัวลงด้วยการให้เวลาเขาพักยี่สิบนาทีไปป้อนขนมและเล่นกับสุนัขคอร์กีส่วนพระองค์[17]

ในปี 2016 น็อตได้รับเกียรติเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุของ BBC Radio 4 รายการ Desert Island Discs ตัวเลือกดนตรีของเขาได้แก่ "Gimme Shelter" โดย The Rolling Stones และ "Fix You" โดย Coldplay เขายังระบุเพลงโปรดของเขาว่าคือ "Good Golly, Miss Molly" โดย Little Richard ในขณะที่ตัวเลือกหนังสือของเขาคือ Kallimni Arabi Mazboot เพื่อช่วยให้เชาเรียนรู้ภาษาอาหรับ[4] ในปี 2016 เขายังได้พูดเกี่ยวกับความเชื่อในศาสนาคริสต์ของเขาให้กับรายการช่อง BBC1 รายการ Victoria Derbyshire[18][19]

Publications[แก้]

  • Conflict and Catastrophe Medicine: A Practical Guide, Springer, 2014, ISBN 9781447129271
  • War Doctor: Surgery on the Front Line, Picador, 2019, ISBN 9781509837038 In February 2019, War Doctor was BBC Radio 4's Book of the Week.[20]

อ้างอิง[แก้]

  1. O'Kelly, Lisa (24 February 2019). "War doctor David Nott: 'The adrenaline was overpowering'". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 3 June 2019.
  2. Nott, D. (12 March 2014). "David Nott: Drawn to the sound of gunfire". British Medical Journal. 348: 348. doi:10.1136/bmj.g2016. PMID 24622689. S2CID 206901811.
  3. 3.0 3.1 3.2 "Surgery's Indiana Jones finally gets the girl", The Times, 28 March 2015
  4. 4.0 4.1 4.2 "BBC Radio 4 – Desert Island Discs, David Nott". BBC. 5 June 2016. สืบค้นเมื่อ 11 June 2016.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 5.4 5.5 5.6 5.7 Newton, Charlotte (April 2015). "Interview: David Nott". The Bulletin of the Royal College of Surgeons of England. 97 (4): 166–169. doi:10.1308/147363515X14134529302902.
  6. "Index entry: Nott, David M." Transcription of Birth and death registration for England and Wales. ONS. สืบค้นเมื่อ 10 June 2016.
  7. "Nott, Malcome George". Royal College of Surgeons. สืบค้นเมื่อ 20 September 2016.
  8. 8.0 8.1 "Surgeon carries out op by phone". Manchester Evening News. 19 April 2010. สืบค้นเมื่อ 24 April 2022.
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 Elizabeth Grice (29 January 2015). "'There is a buzz to cheating death', says war zone surgeon David Nott". The Daily Telegraph.
  10. 10.0 10.1 10.2 "Mr David Nott, Consultant General Surgeon". BUPA. 2016.
  11. Nott, David (2019). War Doctor. pp. Flying In chapter. ISBN 9781509837038.
  12. "Mr David M Nott OBE OStJ DMCC BSc MD FRCS". Lister Hospital.
  13. 13.0 13.1 "Queen's 2012 Birthday Honours for Service personnel and Defence civilians". Ministry of Defence. 16 June 2012.
  14. Taub, Ben (27 June 2016). "Syria's War on Doctors". The New Yorker. สืบค้นเมื่อ 20 September 2016.
  15. Faulkner, Doug. "David Nott: The war surgeon helping doctors save lives in Ukraine". BBC News. BBC News. สืบค้นเมื่อ 24 April 2022.
  16. 16.0 16.1 Charlie Cooper (24 January 2016). "David Nott interview: War surgeon reveals how healthcare workers are being 'systematically' targeted in Syria". The Independent.
  17. "Surgeon David Nott recalls how Queen's corgis helped him". BBC News. 5 June 2016.
  18. Victoria Derbyshire Show at 10:05 on 1 November 2016.
  19. Pride of Britain winners 2016 BBC1 Victoria Derbyshire Show, 1 November 2016 – at archive.org
  20. Reader: David Nott; Abridger: Richard Hamilton; Producer: Elizabeth Allard (25 February 2019). "Book of the Week: War Doctor". Book of the Week. [BBC. BBC Radio 4. สืบค้นเมื่อ 28 February 2019.