ข้ามไปเนื้อหา

เฉิน หมิ่นเอ๋อ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เฉิน หมิ่นเอ๋อ
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด17 ตุลาคม พ.ศ. 2502 (65 ปี)
เฉิน หมิ่นเอ๋อ
ฮ่องกง
คู่ครองเลี่ยว ฉี่จื้อ (2530–2564)
อาชีพ-นักแสดง
-พิธีกร
ปีที่แสดงพ.ศ. 2522–2536
ผลงานเด่น-มือปราบจ้าวอินทรีย์ (พ.ศ. 2525)
-ซิติงซาน พิชิตตะวันตก (พ.ศ. 2529)
-ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (พ.ศ. 2530)
- ตำนานอักษรกระบี่ (พ.ศ. 2530)
-ค่าแห่งชีวิต (พ.ศ. 2531)
สังกัดสถานีโทรทัศน์ทีวีบี
ฐานข้อมูล
IMDb

เฉิน หมิ่นเอ๋อ (จีน: 陳敏兒; พินอิน: Chén mǐn'er เฉิน หมิ่นเอ๋อร์; กวางตุ้ง: ฉั่น ม่านหยี่; 17 ตุลาคม พ.ศ. 2502-) มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "บาร์บารา เฉิน" (Barbara Chan) เป็นอดีตนักแสดงหญิงเจ้าบทบาทชาวฮ่องกง ในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในช่วงยุคทศวรรษที่ 80 เธอเคยได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วเอเชีย จนถึงต้นยุคทศวรรษที่ 90 เธอได้ตัดสินใจหันหลังให้กับวงการมายา เพื่อไปเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวให้กับสามีนักแสดงสมทบชื่อดัง "เลี่ยวฉี่จื้อ" (廖啟智) โดยทั้งสองมีลูกชายด้วยกันทั้งหมด 3 คน แต่ปัจจุบันเหลือลูกชาย 2 คน เพราะคนเล็กได้เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่อปีพ.ศ. 2549 [1][2][3][4][5]

บาร์บารา เฉินหมิ่นเอ๋อ หลังจากเรียนจบในชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายแล้ว เธอได้ตัดสินใจไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยและไปลงสมัครคัดเลือกเข้าเรียนการแสดงกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบี ในรุ่นที่ 8 เมื่อปีพ.ศ. 2522 (1979) โดยในรุ่นนั้นมีนักแสดงที่ต่อมามีชื่อเสียง เช่น ทังเจิ้นเยี่ย, เหลียงเจียหัว, จิ่ง ไต้อิง (景黛音), หวงเจ้าสือ (黃造時), โจวซิ่วหลัน (周秀蘭) และนักแสดงสมทบชื่อดัง เลี่ยวฉี่จื้อ (สามีคนปัจจุบันของเธอ) ด้วยผลการเรียนที่ดีเธอจึงได้มีโอกาสเล่นละครในขณะที่ยังเรียนการแสดงไม่จบโดยทางช่องมอบบทตัวประกอบให้เธอได้แสดงประเดิมในละครเรื่อง ชอลิ้วเฮียง (Chor Lau Heung 1979) และดาบมังกรหยก (The Sword of Romance 1979) ซึ่งทั้งสองเรื่องเป็นเวอร์ชันที่ เจิ้งเส้าชิว แสดงนำ หลังจากเรียนจบในปีถัดมาเธอก็เริ่มอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัว และมีโอกาสแสดงเป็นตัวประกอบในละครดัง ๆ หลายต่อหลายเรื่องเช่น เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้(The Bund I), เลือดต่างสี(The Brothers 1980), สองเทพบุตรโลกันต์ (Kung Fu Master of Fat Shan 1981), ไอ้หนุ่มเฮงระเบิด (Brothers Four 1981) เป็นต้น

จนปีต่อมาทางช่องได้ผลักดันบทนางรองให้กับเธอเป็นครั้งแรกในละครกึ่งสากลยอดนิยมเรื่อง เหยี่ยวถลาลม(The Lonely Hunter 1981)โดยมีนักแสดงชายดาวรุ่งมาแรง อย่างหวงเย่อหัว และเหมียวเฉียวเหว่ย ร่วมแสดงนำ ถึงแม้ละครเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จและแจ้งเกิดให้กับทั้งสองนักแสดงชายดาวรุ่งแต่ทว่าตัวเธอเองกลับไม่โด่งดังอย่างที่ควรจะเป็นด้วยปัจจัยหลายอย่างทำให้ในตอนนั้นบทบาทของเธอในเรื่องนี้กลับไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันมากนัก ว่ากันว่าเธอโดนความดังของ เจิ้งอวี้หลิง ที่ร่วมแสดงนำ ขโมยความโดดเด่นจนกลบบทบาทของเธอเสียเกือบหมด จนต่อมาเธอถึงได้มาแจ้งเกิดจริง ๆ กับบทบาทนางเอกเต็มตัวในละครแนวสากลยุคใหม่เรื่อง มือปราบจ้าวอินทรีย์(The Emissary 1982) ที่มีหลิวเต๋อหัวเป็นพระเอก ถือได้ว่าเป็นละครเรื่องแรกที่ทำให้เธอเริ่มเป็นที่พูดถึงกันจริง ๆ

หลังจากนั้นเธอก็มีผลงานละครตามมาอีกหลายเรื่องแต่ทว่าละครเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้เธอมีชื่อเสียงมากนัก เช่น เพื่อนรักนอกพิภพ(The Superpower 1983) ที่มีพระเอกชื่อดัง โจวเหวินฟะ กับเหลียงเฉาเหว่ย แสดงนำ และเรื่อง เทพบุตรทรนง(The Rough Ride 1985) ที่เธอได้มีโอกาสเล่นประกบกับดาราดัง หลี่เหลียงเหว่ย โดยมีเหลียงเฉาเหว่ย และ องเหม่ยหลิง แสดงนำ ถึงแม้บทบาทในละครเรื่องนี้ของเธอจะถูกหลายสื่อชื่นชมว่าดีกว่าบทที่ องเหม่ยหลิงได้รับ แต่ทว่าเธอกลับโดนความดังของดาราสาว องเหม่ยหลิง กลบบทบาทที่โดดเด่นของเธอในละครไปเสียเกือบหมด จนมาถึงละครเรื่อง ซิติงซาน พิชิตตะวันตก (General Father General Son 1986) ที่เธอได้มีโอกาสร่วมแสดงนำกับพระเอกชื่อดัง หวงเย่อหัว ซึ่งบทบาทในละครเรื่องนี้ทำให้เธอมีชื่อเสียงเพิ่มมากขึ้นและได้รับความนิยมขึ้นมา จนมาโด่งดังเป็นอย่างมากกับภาพลักษณ์สาวสมัยใหม่ซอยผมสั้น ในละครแนวสากลสุดฮิตเรื่อง ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย (Foundlings Progress 1987) ซึ่งเป็นละครฟอร์มกลาง ๆ ที่ตอนแรกหลายคนมองข้ามแต่พอได้ลงจอฉายจริงกลับดันฮิตถล่มทลายอย่างไม่น่าเชื่อส่งให้ เฉินหมิ่นเอ๋อ ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของทางช่องด้วยอีกคน อีกทั้งละครเรื่องนี้ยังแจ้งเกิดให้กับดาราชายดาวรุ่งที่ทางช่องกำลังผลักดันส่งเสริมอยู่ในขณะนั้น อย่าง หลี่หมิงและหลินจุ้นเสียน อีกด้วย หลังจากละครเรื่องนี้เป็นต้นมาก็เข้าสู่ยุคทองทางการแสดงของเธออย่างแท้จริง ผลงานของเธอที่ได้รับความนิยมมีหลายเรื่อง เช่น หลินชง แม่ทัพแห่งซ่ง (The Unyielding Master Lim 1986), ยอดทรนง (When Silken Hands Get Rough 1987), จอมจักรพรรดิ จูหยวนจาง (Born to Be a King 1987), จอมยุทธแผ่นดินเลือด (Twilight of a Nation 1988), เลือดรัก เลือดแค้น (For Once in a Life Time 1989), มังกรคะนองรัก (The Legend of the Dragon Pearl 1990), คู่แค้นเลือดต่างสี(The Witness of Time 1990) ทุกเรื่องล้วนแล้วแต่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดี โดยเฉพาะทั้งละครเรื่อง ตำนานอักษรกระบี่ ฉบับปีพ.ศ. 2530 (The Book and the Sword 1987) และ ค่าแห่งชีวิต(And Yet We Live 1988) ที่เรื่องนี้เธอได้แสดงฝีมือเต็มที่ประกบกับดาราชายเจ้าบทบาทว่านจือเหลียง นับได้ว่าทั้งสองเรื่องนี้เป็นผลงานมาสเตอร์พีซในช่วงชีวิตการเป็นนักแสดงของเธอ

เนื่องจากภาพลักษณ์ที่ดีของเธอ จึงทำให้เธอมักได้บทที่เล่นเป็นอาจารย์, นักสังคมสงเคราะห์และทนายความ เป็นส่วนใหญ่ ส่วนบทบาทอื่น ๆ นอกจากงานแสดงแล้ว เธอยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรภาคสนามของรายการกีฬา "สปอร์ต เวิลด์" (Sports World) และเคยทำหน้าที่เป็นพิธีภาคสนามของทางเกาะฮ่องกงร่วมกับนักแสดงหญิง หลิวเหม่ยเจียน ในงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เมื่อปีพ.ศ. 2531 (1988) อีกด้วยซึ่งในตอนนั้นทั้งสองนักแสดงสาวต่างได้รับคำชื่นชมจากสื่อฮ่องกงเป็นอย่างมาก จนกระทั่งในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2536 สัญญาการเป็นนักแสดงครั้งสุดท้ายกับทางสถานีโทรทัศน์ทีวีบีได้หมดลง เธอได้ตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับทางช่องและถอนตัวออกจากวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเพื่อไปทำหน้าที่แม่บ้านให้กับสามี เป็นเหตุให้นับตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของเธอเริ่มจางหายไปจากจอละครโทรทัศน์ ผลงานการแสดงละครเรื่องสุดท้ายเป็นละครแนวซิทคอมเรื่อง ครอบครัวหรรษา ปี 93 (Class Of '93)

ทั้งเลี่ยวฉี่จื้อ และเฉินหมิ่นเอ๋อทั้งคู่ได้เข้าพิธีแต่งงานกันเมื่อวันที่11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 และปัจจุบันทั้งสองยังคงครองรักกันอย่างหวานชื่นอยู่เสมอ ทางฝ่ายชายยังคงทำงานในแวดวงบันเทิงและได้เสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2564

ปัจจุบัน เฉินหมิ่นเอ๋อ ยังคงปรากฏตัวเป็นข่าวครั้งคราวในสื่อของ องค์กรคริสเตียน

ประวัติ

[แก้]

ผลงานการแสดง

[แก้]

ละครโทรทัศน์กับค่ายทีวีบี (TVB)

พ.ศ. ชื่อละครภาษาจีน (ภาษาอังกฤษ) ชื่อละครภาษาไทย
2522 楚留香 (Chor Lau Heung 1979) ชอลิ้วเฮียง
名劍風流 (The Sword of Romance 1979) ดาบมังกรหยก
2523 上海灘(The Bund I) เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
親情 (The Brothers 1980) เลือดต่างสี
2524 无双谱 (Double Fantasies 1981) นางพญาปาฎิหาริย์
風雨晴 (Come Rain Come Shine 1981) มรสุมสายรุ่ง
佛山赞先生 (Kung Fu Master of Fat Shan 1981) สองเทพบุตรโลกันต์
富贵荣华 (Brothers Four 1981) ไอ้หนุ่มเฮงระเบิด
過客(The Lonely Hunter 1981) เหยี่ยวถลาลม
2525 荆途 (Destiny 1982) โชคชะตา
过山车 (Roller coaster 1982) รถไฟเหาะหารัก
獵鷹(The Emissary 1982) มือปราบจ้าวอินทรีย์
2526 天降財神(The Superpower 1983) เพื่อนรักต่างดาว หรือ เพื่อนรักนอกพิภพ
2528 挑戰(The Rough Ride 1985) เทพบุตรทรนง
中四丁班 (Form 4D 1985) นักเรียนรุ่น4
大廈 (Condo 1985) คอนโดมิเนียม
2529 薛丁山征西 (General Father General Son 1986) ซิติงซาน พิชิตตะวันตก
神勇CID (Siblings of Vice and Virtue 1986) ซีไอดี หน่วยล่าล้างจรชน
林冲 (The Unyielding Master Lim 1986) หลินชง แม่ทัพแห่งซ่ง
2530 静待黎明 (When Silken Hands Get Rough 1987) ยอดทรนง
男兒本色 (The Foundlings Progress 1987) ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
大明群英 (Born to Be a King 1987) จอมจักรพรรดิ จูหยวนจาง
書劍恩仇錄 (The Book and the Sword 1987) ตำนานอักษรกระบี่
2531 大都會 (Behind Silk Curtains 1988) คนปาบ
當代男兒(And Yet We Live 1988) ค่าแห่งชีวิต
太平天国 (Twilight of a Nation 1988) จอมยุทธแผ่นดินเลือด
2532 富貴流氓(For Once in a Life Time 1989) เลือดรัก เลือดแค้น
串烧冤家 (Three in Acrowd 1989) สามคนอลเวง
2533 走路新郎哥 (The Legend of the Dragon Pearl 1990) มังกรคะนองรัก
天若有情(The Witness of Time 1990) คู่แค้นเลือดต่างสี
夕阳战士 (The Deserted Warrior 1990) ---
2534 不婚妈咪 1991
2535 愛生事家庭 (Class Of '93) รุ่น 93

อ้างอิง

[แก้]
  1. "ประวัติของเฉินหมิ่นเอ๋อ". baidu. สืบค้นเมื่อ June 14, 2019.
  2. Cherlyn (February 7, 2019). "สามีของเฉินหมิ่นเอ๋อ". honghongworld. สืบค้นเมื่อ June 14, 2019.
  3. หลี่จินหง. "การสูญเสียลูกชายคนเล็กของเฉินหมิ่นเอ๋อ". gnci. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-04-25. สืบค้นเมื่อ June 15, 2019.
  4. 金陵熱線 (June 14, 2019). "บทความเกี่ยวกับเฉินหมิ่นเอ๋อ". read01. สืบค้นเมื่อ June 15, 2019.
  5. Oriental New Land - ข่าวสารบันเทิง (June 28, 2018). "เรื่องราวชีวิตของเลี่ยวฉี่จื้อและเฉินหมิ่นเอ๋อ". orientalsunday. สืบค้นเมื่อ June 15, 2019.

แหล่งข้อมูล

[แก้]