อีซูซุ อาสก้า
อีซูซุ อาสก้า | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | อีซูซุ |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2526 - 2545 |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดกลาง (Mid-Size Car) |
รูปแบบตัวถัง | ซีดาน 4 ประตู |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า โคโรน่า/คัมรี่ ฮอนด้า แอคคอร์ด นิสสัน เซฟิโร่/เทียน่า มิตซูบิชิ กาแลนต์ มาสด้า 626/6 ซูบารุ เลกาซี ซูซูกิ คิซาชิ ฮุนได โซนาต้า/ไอ40 เกีย ออพติมา แดวู เอสเปอโร/เลกันซา/แม็กนัส/ทอสก้า เปอโยต์ 405/406/407/508 ซีตรอง BX/ซองเทีย/C5/DS5 วอกซ์ฮอลล์ คาวาเลียร์ โฟล์กสวาเกน พัสสาท สโกด้า ซูเพิร์บ ฟอร์ด มอนดิโอ/ทอรัส เชฟโรเลต มาลีบู โอเปิล เวคตร้า/ซิกนัม/อินซิกเนีย โฮลเดน คอมมอเดอร์ วอลโว่ S60 |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ | 1.8 และ 2.0 ลิตร I4 |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | อีซูซุ ฟลอเรี่ยน |
รุ่นต่อไป | ไม่มี |
อีซูซุ อาสก้า (อังกฤษ: Isuzu Aska) เป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง (Mid-Size Car) ที่ผลิตโดยอีซูซุ เริ่มการผลิตในปี พ.ศ. 2526 โดยใช้แพลตฟอร์มร่วมกับซูบารุ เลกาซี และฮอนด้า แอคคอร์ดตามลำดับ ออกมาเพื่อทดแทนอีซูซุ ฟลอเรี่ยน (อังกฤษ: Isuzu Florian) ที่ยุติการผลิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2526 และอาสก้าได้เลิกผลิตและวางจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยไม่มีรถรุ่นใหม่เข้ามาทดแทน เนื่องจากอีซูซุเลิกทำตลาดรถยนต์นั่งอย่างถาวรแล้ว โดยเลิกผลิตรถยนต์นั่งด้วยตนเองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เนื่องจากการขาดทุนสะสมต่อเนื่อง และหลังจากนั้นก็มีการพึ่งพาฮอนด้าให้ผลิตรถยนต์นั่งขายมาโดยตลอด และอีซูซุก็ได้ส่งรถเอนกประสงค์และรถกระบะไปให้ฮอนด้าขายเช่นเดียวกัน จนในปัจจุบัน ความร่วมมือระหว่างอีซูซุกับฮอนด้าได้สิ้นสุดลงแล้ว
อีซูซุ อาสก้า รุ่นที่ 1 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2526 ใช้แพลตฟอร์มร่วมกับ GM (แบบ J-Car) มีตัวถังแบบเดียวคือซีดาน 4 ประตูเท่านั้น (เนื่องจากรุ่นเก่าฟลอเรี่ยน เคยทำตัวถังสเตชันวากอนออกมาแล้วขายไม่ดี) ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 และ 2.0 ลิตร และมีรุ่นเทอร์โบในรุ่น 2.0 ลิตรด้วย และเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 4 และ 5 สปีด เกียร์อัตโนมัติ 3 สปีด และเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 3 สปีด
ในช่วงแรก อาสก้าวางจำหน่ายโดยใช้ชื่อ อีซูซุ ฟลอเรี่ยน อาสก้า ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อให้สั้นลง เป็น อีซูซุ อาสก้า และเป็นอาสก้ารุ่นเดียวที่พัฒนาเอง ร่วมกับเจนเนอรัล มอเตอร์ส
ในประเทศไทย บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เคยนำอาสก้าเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เมื่อเดือนมิถุนายนปี พ.ศ. 2527 โดยเปิดตัวที่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว (โรงแรมไฮแอท เซ็นทรัลพลาซา ซึ่งปัจจุบันคือ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว) และในภาพยนตร์โฆษณาของอาสก้าในประเทศไทยก็ถ่ายทำที่เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวเช่นกัน แต่เป็นตึกโรงแรม ไม่ใช่ห้าง มี 2 รุ่นคือ LT 1.8 ลิตร และ LX 2.0 ลิตร และปรับโฉม Minorchange เมื่อปี พ.ศ. 2529 ก่อนจะเลิกจำหน่ายในปี พ.ศ. 2531 เนื่องจากการแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่งสูงขึ้นเรื่อยๆ การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ จากญี่ปุ่นมาจำหน่ายทำให้ต้นทุนสูงขึ้น อีซูซุเองก็ไม่สามารถยืนหยัดในการแข่งขันได้ง่ายๆ โดยรถรุ่นนี้ในสมัยนั้นพอจะขายได้ และมีกลุ่มลูกค้าที่อยากได้อยู่
อีซูซุ อาสก้า รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยรุ่นนี้ทางอีซูซุได้สั่งซื้อซูบารุ เลกาซี มาจำหน่ายในยี่ห้อของตัวเอง ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เนื่องจากผลิตร่วมกับซูบารุ เลกาซี ซึ่งใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออยู่แล้ว มีเครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตร โดยที่ไม่มีรุ่นเทอร์โบแต่อย่างใด ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2534 เป็นปีที่ประเทศญี่ปุ่นประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ยอดขายรถยนต์ต่ำลง อีซูซุที่มีรายได้จากการขายรถยนต์นั่งเพียง 10% และมีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมาก อาสก้ารุ่นที่ 2 ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ก็เริ่มถอดใจกับตลาดรถยนต์นั่ง จนมีข่าวลือจากสื่อมวลชนด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ว่าอีซูซุกำลังตัดสินใจเลิกผลิตรถยนต์นั่ง แล้วในที่สุดอีซูซุก็ทำเช่นนั้นจริงๆ ในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2535 โดยอีซูซุประกาศถอนตัวจากการแข่งขันในตลาดรถยนต์นั่ง เพื่อไปทุ่มเทให้กับตลาดที่ตนเองถนัดและประสบความสำเร็จคือ ตลาดรถกระบะ รถเอนกประสงค์ รถบรรทุก รถบัส และการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลอันเป็นงานที่สร้างกำไรให้พวกเขามากกว่า
นับเป็นการปิดตำนานอีซูซุในฐานะผู้ผลิตรถยนต์นั่งอย่างน่าเสียดาย เพราะในตลาดโลกอีซูซุไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนไม่คุ้มทุนที่จะพัฒนารถยนต์นั่งส่วนบุคคลอีกต่อไป
อีซูซุ อาสก้า รุ่นที่ 3 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2537 ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ระบบเกียร์เป็นเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ความยาว 4,675 มม. ความกว้าง 1,760 มม. ความสูง 1,410 มม.
อาสก้ารุ่นนี้เป็นอาสก้ารุ่นแรกที่ทางฮอนด้าผลิตให้ เป็น 1 ในโครงการความร่วมมือระหว่างอีซูซุกับฮอนด้า เนื่องจากอีซูซุจำเป็นต้องรักษาฐานลูกค้ารถยนต์นั่งของตนเองไว้อยู่ ในขณะเดียวกันฮอนด้าก็คิดได้แล้วว่าตนเองต้องขยายไลน์รถยนต์ออกจากรถยนต์นั่งได้แล้ว ทั้งตลาด MPV ซึ่งฮอนด้าเปิดตัวฮอนด้า โอดิสซีย์ในปี พ.ศ. 2537 แต่สำหรับตลาด SUV ที่ในยุคนั้นคนนิยมใช้รถ SUV ที่สร้างขึ้นบนพิ้นฐานของรถกระบะ ฮอนด้ากลับไม่มีแผนพัฒนารถกระบะขนาดกลางที่ประเทศไทยนิยม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพัฒนา SUV จากพื้นฐานของรถเก๋งไปก่อน ในระหว่างการพัฒนา อีซูซุตัดสินใจส่งรถ SUV ให้กับฮอนด้าในตลาดญี่ปุ่น และรถกระบะในตลาดไทย ส่วนฮอนด้าก็ส่งรถเก๋งและรถ MPV ให้อีซูซุในตลาดญี่ปุ่นและไทย
อีซูซุ อาสก้า รุ่นที่ 4 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ. 2541 ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ 1.8 และ 2.0 ลิตร ใช้เกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ความยาว 4,635 มม. ความกว้าง 1,695 มม. ความสูง 1,420 มม. และเลิกผลิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2545 โดยที่ไม่มีรถรุ่นใหม่เข้ามาผลิตและจำหน่ายต่อ ถือเป็นการปิดตำนานรถยนต์นั่งของอีซูซุตั้งแต่บัดนั้น และแน่นอนแล้วว่าอีซูซุจะไม่มีการกลับมาผลิตรถยนต์นั่งจำหน่ายอีกต่อไป คงเหลือแต่การผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และการผลิตเครื่องยนต์ดีเซลเพื่อป้อนผู้ผลิตรายอื่นๆ โดยเฉพาะ GM เท่านั้น