โตโยต้า คัมรี่
โตโยต้า คัมรี่ | |
---|---|
![]() โตโยต้า คัมรี่ (XV/ACV70) | |
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โตโยต้า |
เรียกอีกชื่อ |
|
เริ่มผลิตเมื่อ | 2525–ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | รถยนต์นั่งขนาดเล็ก (C): 2525–2541 (รหัส V) รถยนต์นั่งขนาดกลาง (D): 2541–ปัจจุบัน (รหัส XV / ACV) |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า |
|
โตโยต้า คัมรี่ เป็นรถยนต์ตระกูลที่ได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ ของรถโตโยต้า มีลักษณะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ในรุ่น V และเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลาง ในรุ่น XV
ในประเทศไทย คัมรี่ เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเฉพาะรุ่น XV โดยก่อนหน้านี้ รถครอบครัวรุ่นที่มีชื่อเสียงของโตโยต้า คือ โตโยต้า โคโรน่า แต่เมื่อคัมรี่ XV เข้ามา คัมรี่เริ่มแย่งความนิยมมาจากโคโรน่า จนในที่สุด ก็กลายเป็นรถครอบครัวที่ขึ้นมามีชื่อเสียงแทนโคโรน่า หลังจากนั้นไม่นาน โคโรน่าก็มีอันต้องเลิกผลิตไป
ปัจจุบัน คัมรี่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับ ฮอนด้า แอคคอร์ด, นิสสัน เทียน่า, ฮุนได โซนาต้า และอื่นๆ ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีขนาดและระดับราคาใกล้เคียงกัน แต่ก่อนที่คัมรี่จะเข้าไทย โตโยต้า โคโรน่า ก็เคยเป็นคู่แข่งของแอคคอร์ดมาก่อน
รถตระกูลคัมรี่ กำเนิดโดยการแตกหน่อออกมาจากรถตระกูลเซลิก้า รถตระกูลเซลิก้ากำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2513 ในเวลานั้น เซลิก้าเป็นรถสปอร์ตที่นั่งตอนเดียว ขับเคลื่อนล้อหลัง เปิดประทุนได้ รูปตัวถัง 3 แบบ คือ Hardtop , Liftback และ Coupe เหมาะสำหรับงานแข่งรถ โดยเฉพาะการแข่งแรลลี่ หลังจากนั้น ก็ได้แยกสายการผลิตออกไปเป็นคัมรี่ สาเหตุของการแบ่งคัมรี่ออกเป็นรุ่น V และ XV เนื่องมาจาก ที่ญี่ปุ่น กำหนดเกณฑ์แบ่งขนาดของรถยนต์โดยสารออกเป็น 3 ประเภท คือ
- Kei Car คือรถที่มีขนาดยาวไม่เกิน 3,400 มิลลิเมตร, กว้างไม่เกิน 1,480 มิลลิเมตร, สูงไม่เกิน 2,000 มิลลิเมตร เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบไม่เกิน 660 ลูกบาศก์เซนติเมตร กำลังสูงสุดไม่เกิน 47 กิโลวัตต์
- 5 Number คือรถที่มีขนาดยาวไม่เกิน 4,700 มิลลิเมตร, กว้างไม่เกิน 1,700 มิลลิเมตร, สูงไม่เกิน 2,000 มิลลิเมตร และใช้เครื่องยนต์ความจุกระบอกสูบไม่เกิน 2,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร กำลังสูงสุดไม่เกิน 147กิโลวัตต์
- 3 Number คือรถที่มีขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ใหญ่กว่าพิกัดของ 5 Number
จากการจำแนกขนาดของรถยนต์นี้ จะนำไปใช้คิดอัตราการจ่ายภาษีในด้านต่างๆ รถยนต์ประเภท Kei Car จะเสียภาษีต่ำที่สุด, 5 Number จะจ่ายภาษีปานกลาง และ 3 Number จะจ่ายภาษีหนักที่สุด ในรุ่นแรกๆ ของคัมรี่นั้น ใช้รหัสตัวถัง V ในยุคนี้โตโยต้าพยายามจะตรึงขนาดตัวถังและเครื่องยนต์ไว้อยู่ที่ระดับ 5 Number เพื่อให้เสียภาษีในอัตราต่ำ ทำให้คัมรี่ในยุคแรกนี้ยังจัดอยู่ในระดับรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรือ C-Segment (ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับที่โตโยต้า โคโรลล่า อัสติส เป็นในปัจจุบัน แต่เนื่องจากในยุคนั้น โคโรลล่าเองยังเป็นรถขนาดเล็กมาก หรือ B-Segment ห่างจากคัมรี่ 1 ขั้นเต็ม คัมรี่จึงมีที่ยืนทางการตลาด)
ต่อมา รถรุ่นใหม่ๆ เริ่มออกมามีขนาดใหญ่ขึ้น ทั้งค่ายโตโยต้า และค่ายอื่น โตโยต้าจึงต้องพยายามออกแบบคัมรี่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อสู้กับกระแสการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แต่คัมรี่รุ่นที่มีอยู่ (รหัส V) ใหญ่จนถึงขีดจำกัดของพิกัด 5 Number ของญี่ปุ่นแล้ว รถที่ใหญ่กว่านี้แม้เพียงเล็กน้อยจะจัดอยู่ในพิกัด 3 Number ทันที และจะทำให้ค่าภาษีของคัมรี่ในญี่ปุ่นสูงขึ้นอย่างมาก โตโยต้าจึงตัดสินใจ แยกเป็นสองคัมรี่ คัมรี่แรก คือคัมรี่ที่พัฒนาต่อจากเดิม ตรึงขนาดไว้ที่ 5 Number ขายเฉพาะในญี่ปุ่น คัมรี่สอง ออกแบบให้ใหญ่ขึ้นไปอยู่ที่ขนาดกลาง หรือ D-Degment ขายในประเทศอื่น (เนื่องจากอัตราภาษี 5 Number, 3 Number มีผลเฉพาะที่ญี่ปุ่น) โดยคัมรี่รุ่นที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ใช้รหัสตัวถัง XV โดย XV รุ่นแรก เปิดตัวใน พ.ศ. 2534 จนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไป รถโคโรลล่าเองก็ได้รับการพัฒนาจนกระทั่งมีขนาดใหญ่ขึ้นใกล้เคียงคัมรี่รหัส V ในขณะที่คัมรี่ XV ก็พัฒนารุ่นใหม่ให้ขนาดใหญ่ขึ้น นั่งสบายขึ้นไปเรื่อยๆ จนคัมรี่รหัส V ไม่มีที่ยืนในตลาดอีกต่อไป ในปี พ.ศ. 2541 จึงได้ยกเลิกการใช้ชื่อคัมรี่ ไปใช้ชื่อ โตโยต้า วิสต้า และกลายเป็นรถขนาดเดียวกับโคโรลล่า และต่อมาก็ได้ยกเลิกไป โดยรหัส V รุ่นสุดท้ายที่ได้ใช้ชื่อคัมรี่คือรุ่น V40
เซลิก้า คัมรี่ กำเนิดรถตระกูลคัมรี่ (A40/A50)[แก้]
ในรุ่นปี พ.ศ. 2523 ตระกูลเซลิก้า ได้มีการผลิตรถเซลิก้ารุ่นพิเศษ เป็นรถเซลิก้า ที่นั่งสองตอน ตัวถัง Sedan ซึ่งเป็นการผสมผสานเทคโนโลยีรถสปอร์ตเข้ากับรถเก๋งทั่วไป โดยเป็นการผสมเทคโนโลยีระหว่างรถสามตระกูล โดยรับจากตระกูลเซลิก้าเป็นส่วนใหญ่ และรับจากตระกูลโคโรน่า กับตระกูลคาริน่าอีกจำนวนหนึ่ง รถเซลิก้ารุ่นพิเศษ มีชื่อว่ารุ่น "เซลิก้า คัมรี่"
รถรุ่นเซลิก้า คัมรี่ มีความใกล้เคียงกับรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา แต่การที่ผสมผสานเทคโนโลยีสปอร์ตเข้ากับรถเก๋งทั่วๆไป ทำให้รุ่นเซลิก้า คัมรี่ มียอดขายสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งรุ่นปี พ.ศ. 2525 รถเซลิก้า คัมรี่ มียอดขายสูงแซงรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา และในบางประเทศ รถรุ่นเซลิก้า คัมรี่ เข้ามาครองตลาดแทนรถรุ่นเซลิก้าธรรมดา ทำให้โตโยต้า ค่อนข้างมั่นใจว่า "คัมรี่" สามารถยืนหยัดได้โดยไม่ต้องแอบอิงชื่อตระกูลเซลิก้า และ"คัมรี่" สามารถเป็นรถตระกูลใหม่ของโตโยต้าได้ ดังนั้น โตโยต้าจึงตั้งคัมรี่เป็นรถตระกูลใหม่ และให้เริ่มผลิตได้ทันที
รหัส V (Narrow-body)[แก้]
V10 (พ.ศ. 2525-2529)[แก้]
โฉมนี้ เป็นโฉมแรกของรถรุ่นคัมรี่ ผู้ออกแบบรถต้องพยายามทำให้รถตระกูลใหม่นี้มีความเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล โดยรถรุ่นนี้จะยังเหลือความเป็นคาริน่า กับความเป็นโคโรน่า ยังเหลืออยู่เล็กน้อย แต่ก็น้อยมาก และในขณะเดียวกันก็เริ่มตีตัวออกห่างจากความเป็นเซลิก้า เริ่มมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน
รถคัมรี่โฉมนี้ จัดอยู่ในประเภทรถยนต์ขนาดเล็ก มีสองตอน ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งในโฉมนี้ จะมีการผลิตตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Hatchback 5 ประตู
โฉมนี้ มีระบบเกียร์ 2 แบบ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และธรรมดา 5 สปีด มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร (74 แรงม้า) และ 2.0 ลิตร (92 แรงม้า)
V20 (พ.ศ. 2529-2533)[แก้]
โฉมนี้ มีตั้งแต่แบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู กับ Station Wagon 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ 1.8 ลิตร (86 แรงม้า) , 2.0 ลิตร (110 แรงม้า) และ 2.5 ลิตร (156 แรงม้า) ซึ่งเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร จะเข้าข่ายจ่ายภาษีแบบ 3 Number
มีระบบเกียร์ 2 แบบ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีด
V30 (พ.ศ. 2533-2537)[แก้]
โฉมนี้ มีขายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น เนื่องจากในตลาดโลกนั้นโตโยต้าได้พัฒนาคัมรี่รหัส XV10 ไปทำตลาดแทนแล้ว อย่างไรก็ตาม V30 กับ XV10 พัฒนามาด้วยกัน ในเรื่องของรูปทรงเส้นสายจึงคล้ายกัน แต่จะแตกต่างกันที่ขนาด มีตัวทั้งสองแบบคือซีดานและฮาร์ดท็อป (เปิดประทุนหลังคาแข็ง) เน้นขายเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรสี่สูบ และ 2.0 ลิตรสี่สูบเบนซินเป็นหลัก แต่มีรุ่น 1.8 ลิตรสี่สูบสำหรับลูกค้าเน้นประหยัด และสำหรับลูกค้าญี่ปุ่นที่การจ่ายภาษีไม่เป็นประเด็นจะมีรุ่น 2.2 ลิตร เบนซินสี่สูบ 2.2 ลิตร ดีเซลสี่สูบ และ 3.0 ลิตร เบนซินหกสูบเป็นตัวเลือก
V40 (พ.ศ. 2537-2541)[แก้]
โฉมนี้ มีขายเฉพาะที่ญี่ปุ่นเท่านั้น มีเครื่องยนต์ 1.8 2.0 และ 2.2 ลิตร เบนซิน ไม่เป็นที่รู้จักมากนักในตลาดโลก เป็นรุ่นแรกของคัมรี่ที่ติดตั้งระบบเบรกป้องกันล้อล็อก และถุงลมนิรภัยคู่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
รหัส XV (Wide-body)[แก้]
XV10 (พ.ศ. 2534-2539)[แก้]
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 3 ขนาด คือ
- 2.2 ลิตร รุ่น 5S-FE 4 สูบ (130 แรงม้า)
- 3.0 ลิตร รุ่น 3VZ-FE V6 (185 แรงม้า)
- 3.0 ลิตร รุ่น 1MZ-FE V6 (194 แรงม้า)
มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู , Station Wagon 4 ประตู
มี 2 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีดดังเดิม
ในประเทศไทย โฉมนี้เป็นโฉมแรกที่โด่งดังในไทย เปิดตัวในประเทศไทย พ.ศ. 2536 แต่ยังเป็นโฉมที่ยังไม่ผลิตในไทย (รถนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย; ผลิตในโรงงาน Toyota Motor Corporation Australia Ltd.) ดังนั้น ในวงการรถไทย จึงเรียกว่า "โฉมแรกประกอบนอก" ต่อมาใน พ.ศ. 2538 มีการปรับโฉมเปลี่ยนไฟท้าย ทำให้ในรุ่นท้ายๆ ของโฉมนี้ วงการรถไทย เรียกว่า "โฉมท้ายหงส์"
XV10 ในประเทศไทย แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 3 รุ่นดังนี้
- 2.2GXi (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ) เป็นรุ่นต่ำสุด
- 2.2GXi ABS (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด) มีระบบเบรกป้องกันล้อล็อก เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังไม่มีถุงลมนิรภัย ในช่วงแรกๆ โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นท็อปสุดในช่วงปี 2536 หรือปีแรกที่คัมรี่ออกขาย
- 3.0 V6 เป็นรุ่นท็อปสุด ออกมาใน พ.ศ. 2537
ในช่วงปีสุดท้ายก่อนปรับโฉม มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
XV20 (พ.ศ. 2539-2545)[แก้]
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 2 ขนาด คือ 2.2 ลิตร 5S-FE (130 แรงม้า) กับ 3.0 ลิตร 1MZ-FE V6 (194 แรงม้า)
มีตัวถัง 2 แบบ คือ Sedan 4 ประตู และ Station Wagon 4 ประตู
มี 2 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด และ ธรรมดา 5 สปีด เช่นเดียวกับโฉมเดิม
โฉมนี้ รุ่นปีแรกๆ กับรุ่นปีท้ายๆ มีความแตกต่างกันในรายละเอียดพอควร พ่อค้ารถในไทยและวงการรถไทยจึงใช้ชื่อเรียกโฉมที่ต่างกัน โดยในรุ่นแรกๆ เรียกว่า "โฉมไฟท้ายไม้บรรทัด" (ไฟยาว) ส่วนรุ่นท้ายๆ จะเรียก "โฉมท้ายย้อย" (ไฟย้อย) แต่การขายก็ล่าช้ากว่าต่างประเทศ โดยขายระหว่าง พ.ศ. 2542-2545
ในประเทศไทย โฉมนี้ ในช่วงแรกคัมรี่ยังต้องนำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย แต่ใน พ.ศ. 2543 ก็ย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย (รุ่น SXV20: S + X = SX (S + XV = SXV))
ในประเทศไทยแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 2 รุ่นดังนี้
- 2.2GXi (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์ธรรมดา 5 สปีด) เป็นรุ่นต่ำสุด เบาะกำมะหยี่สีเทา ภายในสีเทา เครื่องปรับอากาศธรรมดา วิทยุเทป 4 ลำโพง เป็นรุ่นประหยัดที่เพิ่มเข้ามาใน พ.ศ. 2543 ภายหลังจากย้ายฐานการผลิตเข้ามาในประเทศไทย
- 2.2SE.G (มีให้เลือก เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เบาะกำมะหยี่, เกียร์ธรรมดา 5 สปีด เบาะกำมะหยี่ และเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด เบาะหนัง) เป็นเกรดบนสุด เครื่องปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ,วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี 6 แผ่นด้านหน้า 2DIN 6 ลำโพง ,ภายในสีเบจ ,ตกแต่งลายไม้ ,เบาะคนขับและผู้โดยสารปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง
ข้อแตกต่างของคัมรี่รุ่นไฟท้ายไม้บรรทัด ระหว่างรุ่นที่ผลิตในประเทศออสเตรเลีย กับรุ่นที่ผลิตในประเทศไทย คือ คัมรี่ออสเตรเลียที่ขายในช่วงแรก มีเฉพาะรุ่น 2.2SE.G เท่านั้น แต่จะเป็น 2.2SE.G ที่ภายในสีเทา ไม่มีลายไม้ ล้ออัลลอยก้านตรง เบาะปรับมือ ในขณะที่ 2.2SE.G รุ่นประเทศไทย จะได้ภายในสีครีม ตกแต่งลายไม้ ล้ออัลลอยก้านเฉียง เบาะปรับไฟฟ้า
ทุกรุ่นมีระบบเบรกป้องกันล้อล็อกและถุงลมนิภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และหลังการปรับโฉมเป็นรุ่นไฟท้ายย้อย ได้เพิ่มไฟตัดหมอกในทุกรุ่น และตัดรุ่น 2.2SE.G เกียร์ธรรมดาออกจากสายการผลิต
XV30 (พ.ศ. 2544-2549)[แก้]
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 5 ขนาด คือ 2.0 ลิตร 1AZ-FE (144 แรงม้า) , 2.4 ลิตร 2AZ-FE (152 แรงม้า) , 3.0 ลิตร 1MZ-FE ยังไม่มีระบบ VVT-i V6 (194 แรงม้า; พ.ศ. 2545) , 3.0 ลิตร 1MZ-FE มีระบบ VVT-i V6 (210 แรงม้า; พ.ศ. 2546–2549) และ 3.3 ลิตร 3MZ-FE V6 (225 แรงม้า)
มีตัวถัง 1 แบบ คือ Sedan 4 ประตู
มี 3 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด , อัตโนมัติ 5 สปีด และธรรมดา 5 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทย คัมรี่ขายในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2545-2549 (รหัสตัวถัง ACV30 และ ACV31) แบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 4 รุ่นดังนี้
- รหัสตัวถัง ACV31 เครื่องยนต์ 2.0 L 1AZ-FE
- 2.0E เป็นเกรดต่ำสุด สำหรับขายรถ Fleet ลดอุปกณ์บางอย่างออกไปเช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นเทป 4 ลำโพง ,ไม่มีระบบกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยยูรีเธน ,เบาะนั่งหุ้มด้วยกำมะหยี่ (ปรับมือ) ,ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ,ไม่มีไฟตัดหมอกหน้า (รุ่นปรับโฉมปี 2004-2006 ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ,วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 1 แผ่น 4 ลำโพง)
- 2.0G เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สำหรับประชาชนทั่วไป เพิ่มเข้ามาในช่วงการปรับโฉม พ.ศ. 2547 มีอุปกรณ์เพิ่มมา เช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น 6 ลำโพง ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยหนัง ,เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ,เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ,ไฟตัดหมอกหน้า ,ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ,ตกแต่งภายในลายไม้ (โฉมนี้มีเฉพาะรุ่นปรับโฉมปี 2004-2006)
- รหัสตัวถัง ACV30 เครื่องยนต์ 2.4 L 2AZ-FE
- 2.4G เป็นเกรดล่างสุดของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.0G เช่น หน้าปัดแบบ Optiron 3 สี ,เบาะผู้โดยสารปรับไฟฟ้า ,สัญญาณกะระยะรอบคัน (ในรุ่นแรกจะเป็นล้ออัลลอย 15 นิ้ว แต่รุ่นปรับโฉมจะเป็นล้ออัลลอย 16 นิ้ว)
- 2.4Q เป็นเกรดบนสุด มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.4G เช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์ตกแต่งด้วยลายไม้ ,ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ ,ครูซคอนโทรล ,ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า (ในรุ่นแรกจะเป็นล้ออัลลอยด์ 16 นิ้ว แต่รุ่นปรับโฉมจะเป็นล้ออัลลอย 17 นิ้ว และมีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
โฉมนี้ พ่อค้ารถในไทย และวงการรถไทย นิยมเรียกว่า "โฉมตาเหยี่ยว" เริ่มการขายในไทย พ.ศ. 2545-2549 ล่าช้ากว่าต่างประเทศเช่นเคย
XV40 (พ.ศ. 2549-2554) (2006 - 2011)[แก้]
โฉมนี้เปิดตัวครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปีพ.ศ. 2549 เริ่มผลิตเมื่อรุ่นปี พ.ศ. 2550 และโตโยต้ามีแผนจะผลิตคัมรี่โฉมนี้ไป 5 รุ่นปีดังเดิม โดยมีแผนจะผลิตโฉมนี้ไปจนถึงรุ่นปี พ.ศ. 2554 โฉมนี้ จัดเป็นรถขนาดกลาง (Mid-Size Car) มีทั้งชื่อ Toyota Aurion (ในประเทศออสเตรเลีย) และ Toyota Camry
โฉมนี้ ขับเคลื่อนล้อหน้า มีเครื่องยนต์ 3 แบบ คือ 2.0 ลิตร 1AZ-FE (147 แรงม้า), 2.4 ลิตร 2AZ-FE (167 แรงม้า), 2.4 ลิตร 2AZ-FXE ไฮบริด (190 แรงม้า) และ 3.5 ลิตร 2GR-FE Dual VVT-i V6 (272 แรงม้า) มาในภายหลัง
มีตัวถังแบบเดียว คือ Sedan 4 ประตู
มี 5 ระบบเกียร์ คือ อัตโนมัติ 4 สปีด (ในรุ่น 2.0 ลิตร) ,อัตโนมัติ 5 สปีด , อัตโนมัติ 6 สปีด , ธรรมดา 5 สปีด และธรรมดา 6 สปีด แต่ในประเทศไทย เกียร์ธรรมดาในคัมรี่ถูกยกเลิก
ในประเทศไทยแบ่งรุ่นย่อยออกเป็น 5 รุ่นดังนี้
- ACV41 เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 1AZ-FE (147 แรงม้า)
- 2.0E เป็นเกรดต่ำสุด สำหรับขายรถ Fleet ลดอุปกณ์บางอย่างออกไปเช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 1 แผ่น ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มด้วยยูรีเธน ,เบาะนั่งหุ้มด้วยกำมะหยี่ (ปรับมือ) ,ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 ,ไม่มีไฟตัดหมอกหลัง ,สวิตซ์ควบคุมระบบปรับอากาศและเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ,มือเปิดประตูและคิ้วเปิดฝากระโปรงท้ายสีเดียวกับตัวรถ ,ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- 2.0G เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร สำหรับประชาชนทั่วไป มีอุปกรณ์เพิ่มมา เช่น วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,กุญแจรีโมทพร้อมสัญญาณกันขโมย ,พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังสลับลายไม้ ,เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง ,เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ,ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง ,ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 ,ตกแต่งภายในลายไม้ ,ครูซคอนโทรล ,ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ,มือเปิดประตูและคิ้วเปิดฝากระโปรงท้ายโครเมียม ,ไฟหน้าปรับระดังสูงต่ำได้ ,ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
- ACV40 เครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 2AZ-FE (167 แรงม้า)
- 2.4G อุปกรณ์ในแง่ความสะดวกและความปลอดภัยในภาพรวมจะน้อยกว่ารุ่น 2.0G แต่จะได้สัญญาณเตือนกันชนท้าย ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติ
- 2.4V เป็นเกรดบนสุดของเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.0G เช่น พวงมาลัยและหัวเกียร์ตกแต่งด้วยลายไม้ ,ไฟหน้า HID ปรับระดับอัตโนมัติพร้อม AFS ,ครูซคอนโทรล ,ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า ,ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55 ,กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ ,กุญแจอัจฉริยะ ,สัญญาณกะระยะรอบคัน (รุ่น Navi ไม่มีสัญญาณถอยหลัง) ,ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวของรถ VSC ,พัดลมเป่ากันที่เบาะคู่หน้า (มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
- GSV40 เครื่องยนต์ 3.5 ลิตร 2GR-FE Dual VVT-i V6 (277 แรงม้า)
- 3.5Q เป็นเกรดบนสุด มีอุปกรณ์เพิ่มมาจากรุ่น 2.4V เช่น เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด Sequential Shift ,หลังคามูนรูฟ ,พวงมาลัยปรับไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง ,ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre Crash ,ระบบควบคุมความเร็วแบบไดนามิกเรดาร์ ,โทนสีภายในสีดำ ,เบาะหลังปรับเอนได้ด้วยไฟฟ้า ,แผงควบคุมอุปกรณ์ที่พักแขนเบาะหลัง ,เครื่องเล่น DVD พร้อมระบบนำทาง ,กล้องมองหลัง ,ระบบ Hands Free แบบ Bluetooth ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 2,800,000 บาท
นอกจากนั้นยังนำรุ่น 2.0G และ 2.4V 6CD/MP3 มาผลิตเป็นกรณีพิเศษจำนวนจำกัดในรุ่น Extremo โดยตกแต่งดังนี้
- ภายนอกรถสีขาวมุก
- ภายในรถสีดำ
- ชุดแต่งรอบคัน
- ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยาง 215/55
ปรับโฉมปี 2552 (2009)[แก้]
จากนั้นในปี พ.ศ. 2552 ได้มีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ขึ้นโดย
- ให้ล้ออัลลอย 17 นิ้ว เฉพาะรุ่น 3.5Q
- รุ่น 2.4V ถูกทำเป็น 2.4 Hybrid หมด (เปลี่ยนจาก 2AZ-FE (167 แรงม้า) มาเป็น 2AZ-FXE ไฮบริด (190 แรงม้า) ในรหัสใหม่ AHV40) และลดขนาดล้ออัลลอยเหลือ 16 นิ้ว พร้อมยาง 215/60 (มีระบบเครื่องเสียงให้เลือก 3 แบบคือ วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น ,เครื่องเล่น DVD พร้อมจอ 6.5 นิ้ว ,ระบบนำทางในรถยนต์พร้อมกล้องถอยหลังและเครื่องเล่น DVD)
- เพิ่มม่านบังแดดหลังไฟฟ้า และม่านบังแดดประตูหลัง ในรุ่น 2.0G
- ตัดถุงลมนิรภัยด้านข้างออกในรุ่น 2.0G
- เพิ่มระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถ VDIM (Vehicle Dynamics Integrated Management) ในรุ่น Hybrid
- เพิ่มรุ่น 2.4G โดยให้ Option เท่ากับรุ่น 2.0G หรือมากกว่านิดหน่อยเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ไม่ต้องการ Hybrid
- รุ่น 2.0G ,2.4G ,2.4 Hybrid ระบบเครื่องเสียง วิทยุพร้อมเครื่องเล่นซีดี/MP3 6 แผ่น เพิ่มช่องต่อ AUX
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริดจ้าวแรก ซึ่งนั่นเท่ากับว่าบ้านเราจะเป็นโรงงานผลิตแห่งที่ 4 ในโลกต่อจาก Toyota City ที่ญี่ปุ่น , โรงงานในเมืองจอร์จทาวน์ มลรัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา และอัลโทนา มลรัฐวิคตอเรีย ออสเตรเลีย คือ AHV40 เป็นเครื่องยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด 2.4 ลิตร 2AZ-FXE Atkinson cycle ซึ่งเป็นการจับคู่กันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,400 ซีซี พร้อมระบบ VVT-I กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ซึ่งเครื่องยนต์บล็อกนี้ ใช้ระบบการเผาไหม้แบบ Atkinson Cycle มีกำลังขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์ 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 187 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT ส่วนหน้าที่ในการเก็บกระแสไฟฟ้าเป็นแบตเตอรี่แบบนิเกล-เมทัล ไฮดรายของพานาโซนิค (Panasonic High voltage NiMH) ขนาด 1.6 kWh มีกำลังขับเคลื่อนเฉพาะเครื่องยนต์ 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และจะเพิ่มสูงสุดเป็น 190 แรงม้า เมื่อรวมทั้งระบบ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง หรือ CVT
โฉมนี้เป็นโฉมแรก ที่คัมรี่เจเนอเรชั่นใหม่ถูกนำเข้าตลาดไทย ในปีเดียวกับต่างประเทศ (เริ่มขาย พ.ศ. 2549-2554)
XV50 (พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2560) (2011 - 2017)[แก้]
โฉมนี้ เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2554 โดยได้เริ่มจำหน่ายในประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคมในงานมอเตอร์โชว์ พ.ศ. 2555 มีตัวถังแบบเดียวคือตัวถังแบบซีดาน 4 ประตู
มีเครื่องยนต์ 3 รุ่นคือ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร รหัส 1AZ-FE (ACV51) ให้กำลังสูงสุด 148 แรงม้า, รหัส 6AR-FSE (ASV51) ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า, เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร รหัส 2AR-FE / 5AR-FE (ASV50) ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้า และเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ไฮบริด รหัส 2AR-FXE (AVV50) ให้กำลังสูงสุด 205 แรงม้า แต่ในต่างประเทศจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกคือ 2.5 ลิตร, 2.5 ลิตร Hybrid และ 3.5 ลิตร รหัส 2GR-FE V6 (GSV50)
โตโยต้า คัมรี่ ได้ยกเลิกรุ่น 2.0E สำหรับขายรถ Fleet, Limousine และรุ่น 3.5Q และในขณะนั้นมีรุ่นย่อย 5 รุ่น ได้แก่
- 2.5L Hybrid Navigator
- 2.5L Hybrid DVD
- 2.5L Hybrid CD
- 2.5G
- 2.0G (เป็นรุ่นถูกสุดที่ตัดออปชั่นหลายอย่างมาก และยังได้มีการเพิ่มรุ่นพิเศษ Extremo ซึ่งตกแต่งด้วยชุดแต่งต่างๆ ภายในสีดำและสีเบจ)
ด้านความปลอดภัย คัมรี่ได้ทดสอบการชนได้ Good ใน IIHS, และได้รางวัล 5 ดาวใน ANCAP อีกด้วย
ปรับโฉมปี 2558 (2015)[แก้]
หลังจากโตโยต้า คัมรี่ ได้เปิดตัวไปในปี 2555 ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการตัดออปชั่นหลายอย่างออกไป ทำให้โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการปรับโฉมใหม่โดยเพิ่มระบบความปลอดภัยให้ดีขึ้นกว่าเดิมด้วยถุงลมนิรภัย 7 ใบ (รุ่น 2.5G ขึ้นไป) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลม และถุงลมเข่า, ถุงลมนิรภัย 4 ใบ (ในรุ่น 2.0G และ EXTREMO) ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ,ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake-force Distribution) และ ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist), ระบบช่วยเหลือการทรงตัวเสถียรภาพ VSC (Vehicle Stability Control), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC (Traction Control), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-start Assist Control, ระบบเตือนมุมอับสายตา BSM (Blind Spot Monitor), ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Taffic Alert), กล้องมองหลัง, ไฟฉุกเฉินกะพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS (Emergency Stop Signal), Parking Sensor ด้านหน้า 2 จุด ด้านท้าย 4 จุด, ระบบปรับไฟสูงปรับอัตโนมัติ AHB (Auto High Beam) (เฉพาะ HYBRID Premium), ระบบป้องกันรถออกนอกช่องทาง LDW (Lane Departure Warning) (เฉพาะ HYBRID Premium), ระบบครูสคอนโทรลแปรผันรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า DRCC (Dynamic Radar Cruise Control) (เฉพาะ HYBRID Premium) และ ระบบเสริมความปลอดภัยก่อนการชน เรดาร์จับสิ่งกีดขวางหน้ารถพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยให้แน่นขึ้นและเบรกอัตโนมัติ PCS (Pre-Crash Safety) (เฉพาะ HYBRID Premium) ส่วนภายนอก ได้มีการเปลี่ยนการออกแบบกระจังหน้าใหม่ตามแบบ Keen Look และปรับเปลี่ยนการออกแบบไฟท้ายใหม่
ส่วนสำหรับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร โตโยต้า คัมรี่ 2015 ได้เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์รหัส 6AR-FSE VVT-iW พร้อมหัวฉีดใหม่ D-4S ขนาดกระบอกสูบ 1,998 ซีซี กำลัง 167 แรงม้า แรงบิด 199 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 6 จังหวะ
ในรุ่นปรับโฉม มีรุ่นย่อยทั้งหมด 7 รุ่น ประกอบด้วย
- รุ่น 2.0G ราคา 1,319,000 บาท
- รุ่น 2.0 Extremo ราคา 1,429,000 บาท
- รุ่น 2.5G ราคา 1,569,000 บาท
- รุ่น 2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น 2.5HV Hybrid CD ราคา 1,679,000 บาท
- รุ่น 2.5HV Hybrid Navigator ราคา 1,729,000 บาท
- รุ่น 2.5HV Hybrid Premium ราคา 1,899,000 บาท
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2559[แก้]
ในปี 2559 โตโยต้า คัมรี่ ได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ใหม่ตามรุ่นย่อย ดังนี้
- 2.5G ปรับโฉมกระจังหน้าแบบ Black Grille กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ภายในตกแต่งด้วยหัวเกียร์หุ้มหนัง ติดตั้งเครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth เชื่อมต่อแบบไร้สาย (Hands-free) และมีพอร์ท USB / VTR ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับและกระจกมองข้าง ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) ส่วนสีภายนอกมีสีขาวมุก White Pearl เป็นสีใหม่
- ESPORT กระจังหน้าโครเมียม เพิ่มแถบสีแดงแบบ Sport Type กันชนหลังตกแต่งด้วยแถบสีแดง ห้องโดยสารมีจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก สีภายนอกใหม่ แดง Super Red V
- 2.0G กระจังหน้า Black Grille เพิ่มระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับและกระจกมองข้าง กระจกมองข้างพับ/กางอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง (2-Side Reverse Link & Auto Retractable) ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ (Auto Rain Sensor) หัวเกียร์หุ้มหนังพร้อมลายไม้พิเศษ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง หัวเข่าด้านผู้ขับ และด้านข้างเบาะหลัง
- 2.0G Extremo : ติดตั้งสเกิร์ตสปอร์ตรอบคัน ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายใหม่ ไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าพร้อมสัญลักษณ์ Extremo ห้องโดยสารตกแต่งด้วยลายไม้สีดำ พวงมาลัยสปอร์ตสีดำ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัว เป็น12 ตัว พร้อมระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนด้วย Bluetooth
- 2.5HV Hybrid Premium และ 2.5HV Hybrid Navigator รองรับการใช้แก๊สโซฮอล์ E20 กระจังหน้าแบบ Mesh Radiator Black Grille ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED เกียร์หุ้มหนังพร้อมลายไม้พิเศษ เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Tech เพิ่มจาก 10 ตัวเป็น 12 ตัว เพิ่มระบบตรวจวัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ TPMS (Tyre Pressure Monitor System) สัญญาณเตือนจะปรากฏที่หน้าจอแสดงผล หากตรวจพบว่าความดันภายในลมยางล้อใดล้อหนึ่งลดลงเกิน 20% (รุ่น 2.5HV Premium) ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง ประกอบด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง หัวเข่าด้านคนขับ และด้านข้างเบาะหลัง (รุ่น 2.5HV Premium)
ส่วนราคามีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
- 2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (ลดลง 50,000 บาท)
- 2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (ลดลง 70,000 บาท)
2.5 HV CD ยุติการจำหน่าย- 2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (ราคาเท่าเดิม)
- 2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เพิ่มขึ้น 30,000 บาท)
- 2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เพิ่มขึ้น 96,000 บาท)
- 2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เพิ่มขึ้น 80,000 บาท)
โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต[แก้]
โตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต ได้นำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย โดยนำเข้ามาจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งโตโยต้า คัมรี่ เอสปอร์ต ได้มีรูปร่างเดียวกับกับโฉมอเมริกา และใช้คอนเซปต์ในการโฆษณาว่า "Life is thrilling"
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2560[แก้]
- 2.0G Extremo : เปลี่ยนชุดแต่งใหม่
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว ลายใหม่ ไฟหน้า LED Dual Projector แบบ Hybrid ไฟเลี้ยว แยกจากไฟหน้า แบบ Hybrid ภายในเปลี่ยนจากลายไม้สีดำเป็น ลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) วันที่ 11 กรกฎาคม 2560
- 2.0G , 2.5G , 2.5HV HYBRID : เปลี่ยน เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีครีม เป็น สีน้ำตาล Kogane
เปลี่ยนภายใน สีดำตัดครีม เป็น สีดำ เปลี่ยน ตะเข็บด้ายบนแดชบอร์ด จากสีดำ เป็น สีน้ำตาล Kogane เปลี่ยน ลายไม้แบบพิเศษ เป็นลายไม้คาร์บอน (Carbon Wood) เปลี่ยน พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน เป็น 3 ก้านแบบ EXTREMO ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พ่น Hi-Gloss (เฉพาะรุ่น Hybrid) วันที่ 19 สิงหาคม 2560
ส่วนราคาไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- 2.5 HV Premium ราคา 1,849,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.5 HV Navigator ราคา 1,659,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เท่าเดิม)
รุ่นปรับอุปกรณ์ปี 2561[แก้]
- 2.5 HV Navigator และ 2.5 HV Premium มีการเพิ่มระบบ T-Connect TELEMATICS
- Find My Car เช็คตำแหน่งตัวรถผ่าน Application Find My Car หรือ Apple Watch
- Service Reminder ระบบแจ้งเตือนการบำรุงรักษารถยนต์ เมื่อถึงรอบตามระยะ
- Service Appointment บริการนัดหมายเข้าศูนย์บริการผ่านระบบออนไลน์
- My Message แจ้งข่าวสาร ข้อมูลส่วนลด พร้อมสิทธิพิเศษจากโครงการ Toyota Privilege
- Parking Alert ระบบแจ้งเตือนผ่าน Notification เมื่อรถถูกสตาร์ท หรือ เคลื่อนที่
- Stolen Vehicle Tracking ระบบตรวจสอบตำแหน่งรถยนต์ เมื่อถูกโจรกรรม
- My Toyota Wi-Fi กระจายสัญญาณ เชื่อมต่อความบันเทิงได้พร้อมกันสูงสุด 9 อุปกรณ์
- OPS (Operation Service) ผู้ช่วยค้นหาเส้นทางตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจองร้านอาหาร
- SOS ประสานงานช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
- Roadside Service บริการประสานงานไปยังผู้แทนจำหน่ายใกล้เคียง เพื่อขอรับความช่วยเหลือบนท้องถนน
- Health บริการประสานงานแจ้งเหตุฉุกเฉินด้านการแพทย์ โดยการส่งตำแหน่งที่คุณอยู่ไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)
ราคารุ่น 2.5 HV มีการเปลี่ยนราคา ส่วนรุ่นอื่นไม่มีการเปลี่ยนแปลง
- 2.5 HV Premium Telematics ราคา 1,863,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
- 2.5 HV Navigator Telematics ราคา 1,673,000 บาท (เพิ่มเงิน 14,000 บาท)
- 2.5 ESPORT ราคา 1,639,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.5 G ราคา 1,599,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.0 G Extremo ราคา 1,525,000 บาท (เท่าเดิม)
- 2.0 G ราคา 1,399,000 บาท (เท่าเดิม)
XV70 หรือ 8th Generation (พ.ศ. 2560 - ปัจจุบัน)[แก้]
XV70 | |
---|---|
![]() | |
ภาพรวม | |
เรียกอีกชื่อ | ไดฮัทสุ อัลติส[1] |
เริ่มผลิตเมื่อ | |
รุ่นปี | 2561–ปัจจุบัน |
แหล่งผลิต |
|
ผู้ออกแบบ |
|
ตัวถังและช่วงล่าง | |
รูปแบบตัวถัง | รถเก๋ง 4 ประตู |
แพลตฟอร์ม | TNGA: TNGA-K |
ระบบส่งกำลัง | |
เครื่องยนต์ |
|
มอเตอร์ไฟฟ้า |
|
ระบบเกียร์ | |
ระบบขับเคลื่อนรถไฮบริด | ไฮบริดแบบผสมเต็มรูปแบบ (Camry Hybrid)[2] |
แบตเตอรี่ |
|
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้เปิดตัวครั้งแรก ในงานดีทรอยต์ออโต้โชว์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2560[6] เริ่มขายเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560[7][8] และต่อมาเปิดตัวในประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 หลังจากนั้นก็จะเริ่มจะยอยเปิดตัวในประเทศไทย ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2560 หรือต้นปี พ.ศ. 2561 โดยโฉมนี้จะเป็นโฉมที่ใช้ร่วมกันทั่วโลก (รุ่นโกลบอล)[9]
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้ได้สร้างภายใต้แพลทฟอร์ม Toyota New Global Architecture ซึ่งได้ใช้ร่วมกันกับ โตโยต้า พริอุส ไฮบริดแฮทช์แบ็กรุ่นที่ 5 และ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ ที่เป็นเอสยูวีครอสโอเวอร์[6]
โดยแต่ละรุ่นจะมีกระจังหน้าที่แตกต่างกัน โดยรุ่นธรรมดาจะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่งและรุ่นไฮบริดก็จะมีกระจังหน้าอีกแบบหนึ่ง[10]
รุ่นย่อยของโตโยต้า คัมรี่โฉมนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาประกอบไปด้วยรุ่น L, LE, SE, XLE และ XSE โดยที่รุ่น LE, SE และ XLE เป็นคัมรี่เวอร์ชั่นไฮบริด[10] และรุ่น XSE และ XLE จะเป็นคัมรี่ที่ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร V6
โตโยต้า คัมรี่ในประเทศไทยงานเปิดตัวมีขึ้นวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ อิมแพค เมืองทองธานี การสื่อสารทางการตลาดของ Camry ใหม่ มีขึ้นภายใต้แนวคิด “The All-New Camry…Soul Striking Luxury”[11]
ทางเลือกเครื่องยนต์จะประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ธรรมดา 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังได้ 205 แรงม้า และเมื่อใช้ร่วมกับท่อ 4 รู จะให้กำลังสูงสุดได้ 208 แรงม้า และเครื่องยนต์ไฮบริด 2.5 ลิตร 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 212 แรงม้า และเครื่องยนต์ตัวท็อป 3.5 ลิตร วี6 ให้กำลังสูงสุด 300 แรงม้า[12]
ชิ้นส่วนประกอบที่ใช้ร่วมกัน กับโตโยต้า คัมรี่ รุ่นก่อนๆ มีเพียงแค่สัญลักษณ์โตโยต้า บนกระจังหน้าและฝากระโปรงหลัง [12]
โตโยต้า คัมรี่ โฉมนี้จะเป็นรถยนต์โตโยต้ารุ่นแรก ที่ได้ใช้ระบบเอนโฟนเทนเมนต์ Entune 3.0 ที่สร้างบนพื้นฐานของ Linux และเป็นระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สสามารถให้นักพัฒนาโปรแกรมสามารถสร้างโปรแกรมที่สามารถใช้ร่วมกันกับระบบปฏิบัติการนี้ได้ [13]
ตัวเลือกระบบเกียร์ ประกอบไปด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (CVT) สำหรับรุ่นไฮบริด และเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ 4 สูบกับเครื่องยนต์วี 6[14]
โตโยต้า คัมรี่โฉมนี้ จะมีระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ประกอบไปด้วย ระบบเรดาร์จับวัตถุ/คนด้านหน้า เรดาร์ตรวจจับความเร็วรถด้านหน้า ระบบเตือนการขับออกนอกเลน ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ ระบบอ่านป้ายจราจร[15] ระบบแจ้งเตือนจุดอับสายตา ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยหลัง และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อถอยหลัง[16]
ในรุ่นนี้ มีรุ่นย่อยทั้งหมด 4 รุ่น ประกอบด้วย
- รุ่น 2.0G ราคา 1,445,000 บาท
- รุ่น 2.5G ราคา 1,589,000 บาท
- รุ่น 2.5HV ราคา 1,639,000 บาท
- รุ่น 2.5HV Premium ราคา 1,799,000 บาท
ราคาใหม่ ปรับเพิ่ม 10,000 บาท ทุกรุ่นย่อย มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดย Option เหมือนเดิมทุกประการ ประกอบด้วย
- รุ่น 2.0G ราคา 1,455,000 บาท
- รุ่น 2.5G ราคา 1,599,000 บาท
- รุ่น 2.5HV ราคา 1,649,000 บาท
- รุ่น 2.5HV Premium ราคา 1,809,000 บาท
XV70 Minorchange (ปรับปรุงใหม่)[แก้]
15 กรกฎาคม 2563 Toyota USA สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดแรกที่เปิดตัวรถรุ่นนี้ ได้มีการเปิดตัว Camry Minorchange ออกมาเป็นที่เรียบร้อย หลังจากทำตลาดมาได้ 3 ปีแล้ว การปรับเปลี่ยนคราวนี้ เน้นหลักไปที่การปรับเพิ่ม และ อัพเกรดอุปกรณ์ – ระบบความปลอดภัย ส่วนงานดีไซน์ภายนอกนั้น มีการปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ต้องสังเกต ถึงจะแยกความแตกต่างได้
จากนั้นในเดือน พฤศจิกายน 2020 Toyota ยุโรป เปิดตัว Camry Minorchange ตามออกมา และ ตลาดญี่ปุ่น เปิดตัวในเดือน กุมภาพันธ์ 2021
ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 Toyota ประเทศไทย ได้เปิดตัว Camry Minorchange อย่างเป็นทางการ โดยเอารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ออกไปเป็นครั้งแรก และเริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร แทน พร้อมทั้งนี้ ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่ คือสีเทา Metal Stream Metallic มาแทน สีน้ำตาล Phantom Brown – สีเงิน Silver Metallic และยังมีทางเลือกชุดแต่ง Modellista รอบคัน ของแท้จากญี่ปุ่น ให้เป็นทางเลือก[17] โดยมีการปรับงานดีไซน์ภายนอก ภายในห้องโดยสาร เพื่อขยับตำแหน่งผลิตภัณฑ์ให้ดู Modern Sporty มากขึ้น รวมทั้งเพิ่มเติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ ตลอดจนอัพเกรดระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาให้[18]
โดยภายนอก ได้เปลี่ยนกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ , ชุดไฟหน้าและไฟท้ายเป็นแบบ Full-LED ทุกรุ่นย่อย , ล้ออัลลอยลายใหม่ทูโทน ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 235/45 R18 (ยกเว้นรุ่น 2.5 Sport ที่มีล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วลายใหม่พร้อมยาง 215/55 R17) เปลี่ยน ยางอะไหล่ Full Size ใน 3 รุ่น เป็น Temporary Tire (ยางรถอะไหล่ชั่วคราว) ขนาด T155/70 D17 และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry ฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า
ส่วนภายในห้องโดยสาร ได้เปลี่ยนวัสดุตกแต่งแผงหน้าปัดด้านหน้า คอนโซลกลาง วัสดุตกแต่งพวงมาลัย และแผงควบคุมกระจกหน้าต่าง เป็นแบบใหม่ , เปลี่ยนหน้าจอกลางเป็นแบบ Floating type ขนาดใหญ่ขึ้น 8 นิ้ว ในรุ่น 2.5 Sport 2.5 Premium 2.5 HEV Premium และ 9 นิ้ว ในรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto, ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Panoramic View Monitor (รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury)
ในด้านระบบความปลอดภัย มีการอัพเกรดแพกเกจ Toyota Safety Sense TSS 2.0 เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด โดยติดตั้งมาให้ในรุ่น 2.5 Premium, 2.5 HEV Premium และ 2.5 HEV Premium Luxury โดยได้เพิ่มฟังก์ชั่นตรวจจับคนเดินเท้า และคนขี่จักรยาน ในระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS , เพิ่มระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA , เพิ่มระบบเตือนการชนหน้าและหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอย ICS with RCTB และปรับการทำงานของระบบ DRCC เป็นแบบ All-Speed Range และลดความเร็วอัตโนมัติขณะเข้าโค้ง (Curve Speed Reduction)[18] ระบบช่วยเตือนการชนด้านหน้าและหลัง พร้อมระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ (Intelligent Clearance Sonar with Rear Cross Traffic Braking)
Toyota Camry Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 เครื่องยนต์ 4 รุ่นย่อย
- รุ่น 2.5 Sport ราคา 1,475,000 บาท (เพิ่มขึ้น 20,000 บาท จากรุ่น 2.0G)
- รุ่น 2.5 Premium ราคา 1,599,000 บาท
- รุ่น 2.5 HEV Premium ราคา 1,659,000 บาท (เพิ่มขึ้น 10,000 บาท จากรุ่น 2.5HV)
- รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury ราคา 1,809,000 บาท[17]
หมายเหตุ : สีขาว Platinum White Pearl ต้องจ่ายเพิ่ม 10,000 บาท และสีดำ Burning Black Crystal จะมีเฉพาะรุ่น 2.5 HEV Premium Luxury เท่านั้น
Camry 60th Anniversary (รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี)[แก้]
Toyota Camry 60th Anniversary รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปีโตโยต้าประเทศไทย มาพร้อมการตกแต่งพิเศษด้วยโทนสีดำขาว และสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นรุ่นพิเศษเพื่อขอบคุณลูกค้าที่ให้โตโยต้าเติบโต เคียงข้างสังคมไทยมาตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ผลิตจำนวนจำกัด 1,000 คัน (จำนวน 2 รุ่น) สีภายนอกขาวมุกหลังคาดำ เพิ่มความพิเศษด้วยการ Wrap ภายนอกด้วยฟิล์มลามิเนตคุณภาพระดับพรีเมียมสีเทา “Laminated Grey” ด้านข้างตกแต่งด้วยสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี ปรับโฉมภายนอก และภายใน ให้มีเอกลักษณ์และทันสมัยยิ่งขึ้น เพิ่มรุ่นละ 25,000 บาท จากราคาเดิม
- รุ่น 2.5 Premium "60th Anniversary" ราคา 1,624,000 บาท (500 คัน)
- รุ่น 2.5 HEV Premium Luxury "60th Anniversary" ราคา 1,834,000 บาท (500 คัน)
ความพิเศษของ Camry 60th Anniversary รุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 60 ปี มีดังนี้
- กระจกมองข้างสีดำเงา
- คิ้วกระจังหน้าโครเมียม
- วัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกโครเมียมรมดำ
- คิ้วตกแต่งฝาท้ายสีดำเงา
- ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว สีเทา
- สัญลักษณ์รุ่น 60 ปี บริเวณแก้มด้านข้าง
- วัสดุหุ้มเบาะสีดำ ตกแต่งด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์รุ่น 60 ปี
- แผงประตูด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง
- ที่วางแขนด้านข้างตกแต่งด้ายสีแดง
- กล่องเก็บของที่คอนโซลกลางตกแต่งด้ายสีแดง
- กล่องกุญแจ พร้อม Certificate, Apple Air Tag และพวงกุญแจสำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 60 ปี
- สิทธิ์ลุ้นเป็นเจ้าของรถสปอร์ต Toyota GR 86 จำนวน 1 คัน
นอกจากนี้ ยังมี Camry 60th Anniversary ที่ Wrap สี Laminated Grey ด้วยฟิล์มลามิเนต มูลค่า 57,000 บาท จำหน่ายเพียงโชว์รูมละ 1 คันเท่านั้น
Gallery[แก้]
- Camry
- ไดฮัตสุ อัลติส
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Guntara, Aswin (11 July 2017). "Bukan Corolla, Daihatsu Altis Hadir Untuk Segmen Sedan Mewah". Autonetmagz.com (ภาษาอินโดนีเซีย). Jakarta. สืบค้นเมื่อ 21 July 2017.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Quincy, Mike (9 January 2017). "All-New 2018 Toyota Camry Gains Styling Flair and Technology". Consumer Reports. US. สืบค้นเมื่อ 23 January 2017.
- ↑ Iliff, Laurence (28 June 2017). "Toyota's Kentucky plant launches 2018 Camry". Automotive News. US. สืบค้นเมื่อ 30 June 2017.
- ↑ Gale, Tom (11 January 2017). "2018 Toyota Camry Design Analysis: Camry Carrozzeria". Motor Trend. US. สืบค้นเมื่อ 23 January 2017.
- ↑ "Toyota Unveils Completely Redesigned Camry" (Press release). Japan: Toyota. 10 July 2017. สืบค้นเมื่อ 5 October 2017.
- ↑ 6.0 6.1 "2018 All NEW Toyota Camry ทวงความยิ่งใหญ่คืน ด้วยความดุดัน". headlightmag.com.
- ↑ "Welcome to Toyota Fleet". US: Toyota. สืบค้นเมื่อ 21 July 2017.
- ↑ "Toyota (Build Out Final Order Start Up Dates)". US: Donlen Corporation. 17 January 2017. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-08-03. สืบค้นเมื่อ 4 August 2017.
- ↑ Mathioudakis, Byron (10 January 2017). "2017 Detroit Motor Show: 2018 Toyota Camry revealed". Wheels. Australia. สืบค้นเมื่อ 23 January 2017.
- ↑ 10.0 10.1 https://www.cars.com/articles/how-the-2018-toyota-camrys-trims-look-different-1420693036793/
- ↑ https://motortrivia.com/2018/10/toyota-camry-8th-gen-launches-in-thailand/
- ↑ 12.0 12.1 https://www.youtube.com/watch?v=3XL_gKPSvTk
- ↑ http://toyotanews.pressroom.toyota.com/releases/2017-naias-detroit-toyota-camry.htm
- ↑ http://toyotanews.pressroom.toyota.com/releases/2017-naias-detroit-toyota-camry.htm
- ↑ "Toyota Safety Sense™: The Standard for Safety เทคโนโลยีที่เพิ่มความอัจฉริยะให้รถของคุณ". โปรโมชั่น โตโยต้า By Toyota Easy (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2021-06-03. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-06-03. สืบค้นเมื่อ 2021-06-03.
- ↑ http://toyotanews.pressroom.toyota.com/releases/2017-naias-detroit-toyota-camry.htm
- ↑ 17.0 17.1 จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย. "โตโยต้า แนะนำ คัมรี รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่ The Absolute Perfection ความสมบูรณ์แบบที่เป็นคุณ - ข่าว - บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด". www.toyota.co.th (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ 18.0 18.1 "Headlightmag Clip พาไปชมรอบคัน Toyota Camry Minorchange". HeadLight Magazine. 2021-11-03.
ดูเพิ่ม[แก้]
- ข้อมูล โตโยต้า คัมรี่ โฉมที่ 7 รุ่น 2.4 Hybrid โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูล โตโยต้า คัมรี่ โฉมที่ 7 รุ่น 2.0E ,2.0G ,2.4G โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ข้อมูล โตโยต้า คัมรี่ โฉมที่ 7 รุ่น 3.5Q โดย โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
- ทดลองขับ คัมรี่ โฉมที่ 7 รุ่น 3.5Q โดย Caronline.net เก็บถาวร 2009-06-02 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ทดลองขับ คัมรี่ โฉมที่ 7 รุ่น 2.4 Hybrid โดยคุณ J!MMY แห่ง http://www.headlightmag.com เก็บถาวร 2010-12-09 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน