อิปไซลอนแอนดรอมิดา บี (ดาวเคราะห์)
ดาวเคราะห์นอกระบบ | รายชื่อ | |
---|---|---|
![]() | ||
ดาวฤกษ์แม่ | ||
ดาวฤกษ์ | อิปไซลอนแอนดรอมิดา เอ | |
กลุ่มดาว | กลุ่มดาวแอนดรอมิดา | |
ไรต์แอสเซนชัน | (α) | 01h 36m 47.8s |
เดคลิเนชัน | (δ) | +41° 24′ 20″ |
ความส่องสว่างปรากฏ | (mV) | 4.09 |
ระยะห่าง | 44.0 ± 0.1 ly (13.49 ± 0.03 pc) | |
ชนิดสเปกตรัม | F8V | |
มวล | (m) | 1.28 M☉ |
รัศมี | (r) | 1.480 ± 0.087 R☉ |
อุณหภูมิ | (T) | 6074 ± 13.1 K |
ความเป็นโลหะ | [Fe/H] | 0 |
อายุ | 3.3 พันล้านปี | |
องค์ประกอบวงโคจร | ||
กึ่งแกนเอก | (a) | 0.0595 ± 0.0034 AU |
~4.41 mas | ||
จุดใกล้ที่สุดจากดาวฤกษ์แม่ | (q) | 0.0549 ± 0.0046 AU |
จุดไกลที่สุดจากดาวฤกษ์แม่ | (Q) | 0.0609 ± 0.0046 AU |
ความเยื้องศูนย์กลาง | (e) | 0.023 ± 0.018 |
คาบการโคจร | (P) | 4.617113 ± 0.000082 d (0.01264 y) |
ความเอียง | (i) | ~25[1]° |
มุมของจุดใกล้ที่สุด | (ω) | 63.4° |
เวลาที่เข้าใกล้ดาวฤกษ์แม่ที่สุด | (T0) | 2,451,802.64 ± 0.71 JD |
ครึ่งแอมพลิจูด | (K) | 69.8 ± 1.5 m/s |
ลักษณะทางกายภาพ | ||
มวล | (m) | 1.4[1] MJ |
ข้อมูลการค้นพบ | ||
ค้นพบเมื่อ | 23 มิถุนายน พ.ศ. 2539 | |
ค้นพบโดย | จอฟฟรีย์ มาร์ซี | |
วิธีตรวจจับ | ความเร็วแนวเล็ง | |
สถานที่ที่ค้นพบ | สถานที่หาดาวเคราะห์นอกระบบแคลิฟอร์เนีย![]() | |
สถานะการค้นพบ | ยืนยันแล้ว | |
ชื่ออื่น | ||
50 แอนโดรเมดา บี, อิปไซลอนแอนดรอมิดา เอบี
|
อิปไซลอนแอนดรอมิดา บี (อังกฤษ: Upsilon Andromedae b; υ Andromedae b / υ And b / υ Andromedae Ab / υ And Ab ) หรืออิปไซลอนแอนดรอมิดา เอบี เป็นดาวเคราะห์นอกระบบที่โคจรรอบดาวอิปไซลอนแอนดรอมิดา เอในระยะทางที่ใกล้ที่สุด ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกประกาศการค้นพบพร้อมกันกับ 55 ปู บี และ เทา คนเลี้ยงสัตว์ บี เมื่อเดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2539 อิปไซลอนแอนดรอมิดา บีก็เป็นดาวพฤหัสร้อนดวงแรกๆที่ถูกพบ อิปไซลอนแอนดรอมิดา บีเป็นดาวเคราะห์ที่มีมวลสูง จึงน่าจะเป็นดาวแก๊สยักษ์ กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ได้ค้นพบว่าดาวเคราะห์ดวงนี้มีอุณหภูมิประมาณ -20℃ ถึง 230℃ ในด้านที่ไม่ได้หันหน้าเข้าดาวเอกของมันและ 1,400℃ ถึง 1,650℃ ในด้านที่หันหน้าเข้าดาวเอกของมัน ซึ่งคล้ายกับดาวพุธ และด้านหลังของดาวเคราะห์ดวงนี้ สามารถเห็นสีแดงท่วมเต็มไปหมด คงมีจุดๆเดียวบริเวณขั้วดาวเคราะห์ที่เห็นเป็นรอยด่างเพราะเป็นจุดไกลที่สุด
สีดาวเคราะห์[แก้]
สีของดาวเคราะห์น่าจะอยู่ในสีโทนร้อน เช่นสีแดง สีส้ม สีเหลือง ฯลฯ เพราะโคจรอยู่ใกล้ดาวเอกของมันมาก
จุดร้อนประหลาด[แก้]

นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบจุดร้อนประหลาดบนดาวเคราะห์ดวงนี้ แล้วก็ยังตั้งข้อเสนอว่ามี่จุดร้อนที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของดาวเอกของมันบนดาวเคราะห์ดวงนี้ด้วย
การมีดาวบริวาร[แก้]
นักวิจัยหลายคนคาดว่าด้านที่ถูกแสงแดดของดาวเคราะห์ดังกล่าวอาจหันเข้าหาดวงฤกษ์ของมันตลอดเวลาด้วยแรงไทดัล เหมือนกับกรณีที่ดวงจันทร์หันด้านเดิมเข้าหาโลกเสมอซึ่งเกิดจากเวลาที่ใช้หมุนรอบตัวเองเท่ากับเวลาที่ดวงจันทร์ใช้โคจรรอบโลก จึงไม่น่าสามารถที่จะมีดาวบริวารได้ แต่ ณ ตอนนี้ คงไม่อาจพิสูจน์ได้จากเทคโนโลยีสมัยนี้
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 McArthur, Barbara E.; และคณะ (2010). "New Observational Constraints on the υ Andromedae System with Data from the Hubble Space Telescope and Hobby Eberly Telescope" (PDF). The Astrophysical Journal. 715 (2): 1203. Bibcode:2010ApJ...715.1203M. doi:10.1088/0004-637X/715/2/1203.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
- "A Triple-Planet System Orbiting Ups Andromedae". San Francisco State University. Lick Observatory. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-04-24. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "Mystery Solved: How The Orbits Of Extrasolar Planets Became So Eccentric". SpaceDaily. 2005-04-14. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "NASA's Spitzer Sees Day and Night on Exotic World". NASA. Spitzer Space Telescope. 2006-10-12. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-22. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "Upsilon Andromedae". The Internet Encyclopedia of Science. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "Upsilon Andromedae". The Planet Project. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2008-05-18. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "Upsilon Andromedae 2". SolStation. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "Upsilon Andromedae b". Extrasolar Visions. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-11-11. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
- "The Upsilon Andromedae Planetary System". Harvard-Smithsonian Center for Astrophysics. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.