สุวรรณหงส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติ[แก้]

ในสมัยรัชกาลที่ ๑ นั้น ละครหลวง มักนิยมเล่นกันเฉพาะเรื่องอิเหนา และอุณรุท ซึ่งเป็นเรื่องสำหรับละครใน ส่วนละครนอกซึ่งเป็นละครระดับชาวบ้านที่เล่นกันนอกวังและใช้ผู้ชายเป็นตัวแสดง แสดงเรื่องตั้งแต่ครั้งกรุงเก่านั้นมีฉบับอยู่ในหอพระสมุด ด้วยกัน ๑๔เรื่อง ทว่าไม่บริบูรณ์เลยสักเรื่องเดียว คือ เรื่องการเกดคาวีไชยทัตพิกุลทองพิมพ์สวรรค์พิณสุริวงศ์มโนราห์โม่งป่ามณีพิไชยสังข์ทองสังข์ศิลป์ไชย สุวรรณศิลป์สุวรรณหงส์โสวัตร

ส่วนบทละครนอก อีก ๕ เรื่อง ซึ่งเป็นบทละครสำนวนเก่าก่อนสมัยรัชกาลที่ ๒ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า อยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาหรือไม่คือเรื่องไกรทองโคบุตรไชยเชษฐ์พระรถเสนศิลป์สุริวงศ์

ในสมัยรัชกาลที่ ๒ กรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ ทรงโปรดเรื่องละครนอก จึงทรงแต่งบทละครนอกขึ้น ๔ เรื่อง คือ มณีพิไชยตอนต้น (ต่อมารัชกาลที่ ๒ ทรงเสียดายเรื่อง จึงทรงพระราชนิพนธ์ต่อในตอนที่นางยอพระกลิ่นแปลงเป็นพราหมณ์)สุวรรณหงส์แก้วหน้าม้า ๑ และนางกุลา (โสนน้อยเรือนงาม) ๑ ปรากฏว่า บทละครนอกของ พระองค์เจ้าทินกร หรือกรมหลวงภูวเนตรนรินทร์ฤทธิ์ เป็นที่แพร่หลายมากจนถึงบัดนี้เป็นละครนอก หรือที่เรียกกันว่าละครชาตรี นิยมเล่นกันมาก ไม่แพ้เรื่อง สังข์ทอง คาวี ไชยเชษฐ์ และ ไกรทอง

สำหรับเรื่อง สุวรรณหงส์ นี้ตอนที่นิยมเล่นละครชาตรีกันมากมี ๓ ตอน คือ ตอนพราหมณ์เล็กพราหมณ์โต ชมถ้ำเพชรพลอย และตอนกุมภณฑ์ถวายม้า ผู้แสดงซึ่งเป็นตัวละครสำคัญก็มีอยู่ ๓ คน เช่นกัน คือ ตอนพราหมณ์เล็กพราหมณ์โต มีพราหมณ์เล็ก (คือพราหมณ์เกศสุริยง) ๑ พราหมณ์โต (คือพราหมณ์กุมภัณฑ์) ๑ และพระสุวรรณหงส์ ๑ ส่วนตอนกุมภัณฑ์ถวายม้าก็มีผู้แสดงสำคัญ ๓ คน คือ กุมภัณฑ์ยักษ์ ๑ เกศสุริยงยักษ์ ๑ และพระสุวรรณหงส์ ๑ และตอนสุวรรณหงส์ต้องหอก

นอกจากนี้ยังมีต้นฉบับวรรณกรรมที่แพร่หลายไปยังภาคใต้เช่น สุวรรณหงส์ คำกาพย์ ฉบับหลวงพุทธราชศักดา จังหวัดพัทลุง เป็นต้น ซึ่งสัณนิษฐานว่า คงจะได้รับอิทธิพลจากการเล่นละครในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน ก็ปรากฏเป็นวรรณกรรมใบลาน และภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัดต่าง ๆ เช่น วิหารลายคำวัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เป็นต้น

เรื่องย่อ[แก้]