สมเด็จพระราชินีเกรัลดีเนอแห่งแอลเบเนีย
เกรัลดีเนอ | |
---|---|
สมเด็จพระราชินีแห่งชาวแอลเบเนีย | |
ระหว่าง | 27 เมษายน ค.ศ. 1938 – 7 เมษายน ค.ศ. 1939 |
พระราชสมภพ | 6 สิงหาคม ค.ศ. 1915 ออสเตรีย-ฮังการี |
สวรรคต | 22 ตุลาคม ค.ศ. 2002 (87 พรรษา) แอลเบเนีย |
คู่อภิเษก | พระเจ้าซ็อกที่ 1 แห่งแอลเบเนีย |
พระราชบุตร | เจ้าชายเลกาที่ 1 มกุฎราชกุมารแห่งแอลเบเนีย |
ราชวงศ์ | โซกู |
พระราชบิดา | เคานต์กุยลา อัพโพนยี เด นัจย์-อัพโพนี |
พระราชมารดา | แกลดีส เวอร์จีเนีย สติววาร์ด |
ศาสนา | โรมันคาทอลิก |
สมเด็จพระราชินีเกรัลดีเนอแห่งแอลเบเนีย (แอลเบเนีย: Mbretëresha Geraldinë; อังกฤษ: Geraldine of Albania) พระนามเดิม เคาน์เตสเฌรัลดีน มาร์กิต วีร์จิเนีย โอลกา มาเรีย อัพโพนยี เด นัจย์ อัพโพนี (ฮังการี: Géraldine Margit Virginia Olga Mária Apponyi de Nagy-Appony) ทรงเป็นพระอัครมเหสีใน พระเจ้าซ็อกที่ 1 แห่งแอลเบเนีย และพระราชมารดาใน เจ้าชายเลกาที่ 1 มกุฎราชกุมารแห่งแอลเบเนีย ทรงเป็นสมเด็จพระราชินีพระองค์สุดท้ายแห่งแอลเบเนีย
พระราชประวัติ
[แก้]สมเด็จพระราชินีเกรัลดีเนอแห่งแอลเบเนีย เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2458 ณ ออสเตรีย-ฮังการี มีพระนามเดิมว่า เคาน์เตสเฌรัลดีน มาร์กิต วีร์จิเนีย โอลกา มาเรีย อัพโพนยี เด นัจย์-อัพโพนี เป็นธิดาใน เคานต์กุยลา อัพโพนยี เด นัจย์-อัพโพนี และ แกลดีส เวอร์จีเนีย สติววาร์ด โดยพระอัยกาของพระองค์นั้นทำงานเป็นเป็นนักการทูตในอเมริกา ต่อมาได้เป็นกงสุลแห่งเบลเยียม เมื่อพระองค์มีพระชนมายุได้ 3 พรรษา ครอบครัวของพระองค์ไดย้ายไปอาศัยในสวิตเซอร์แลนด์ ต่อมาปีพ.ศ. 2464 ครอบครัวของพระองค์ได้ย้ายกลับไปออสเตรีย-ฮังการีอีกครั้งเนื่องจากนายพลมิกโลช โฮร์ตี ได้เชิญครอบครัวของพระองค์กลับมาอาศัยในออสเตรีย-ฮังการี และต่อมาเมื่อพระราชบิดาของพระองค์เสียชีวิตทั้งหมดจึงได้ย้ายไปประเทศฝรั่งเศส
อภิเษกสมรส
[แก้]เคาน์เตสเฌรัลดีน ได้เริ่มมีความสัมพันธ์กับ พระเจ้าซ็อกที่ 1 แห่งแอลเบเนีย โดยพระเจ้าซ็อกที่ 1 ได้พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้เคาน์เตสเฌรัลดีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ท้องพระโรงพระราชวังหลวง หลังจากนั้นไม่กี่วัน ทั้ง 2 ก็ได้ราชาภิเษกสมรสกัน โดยพระเจ้าซ็อกที่ 1 ได้มีพระราชดำรัสชื่นชมเคาน์เตสว่า กุหลาบขาวแห่งฮังการี และเคาน์เตสได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าหญิงแห่งแอลเบเนียภายหลังที่พระเจ้าซ็อกที่ 1 มีพระราชดำรัสต่อหน้าสาธารณชน
ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2481 ทั้งคู่ได้เข้าพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกัน ณ ติรานา ซึ่งเธอได้รับการสถาปนาให้ดำรงพระราชอิสริยยศเป็น สมเด็จพระราชินีแห่งแอลเบเนีย ทั้งคู่มีพระราชโอรสร่วมกันเพียงพระองค์เดียวคือ
พระชนม์ชีพหลังอิตาลิรุกราน
[แก้]ในปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลอิตาลีได้เข้าทำการรุกรานแอลเบเนีย และล้มล้างระบอบราชวงศ์ ทำให้ราชวงศ์แอลเบเนียต้องเสด็จพระราชดำเนินไปประทับประเทศอื่นๆ โดยพระองค์และพระราชสวามีพร้อมด้วยพระราชโอรสในเสด็จพระราชดำเนินลี้ภัยผ่านประเทศกรีซและตุรกีก่อนจะเสด็จไปประเทศที่ประทับ ณ แอฟริกาใต้ ซึ่งเมื่อพระองค์ พระราชสวามี พร้อมด้วยพระราชโอรส เสด็จพระราชดำเนินนิวัติแอลเบเนีย พระองค์ทรงยืนยันว่า เจ้าชายเลกาที่ 1 มกุฎราชกุมารแห่งแอลเบเนีย พระราชโอรสนั้น เป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งแอลเบเนียอย่างถูกต้อง และทรงเรียกร้องให้รัฐบาลฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ แต่ถึงกระนั้นรัฐบาลก็มิได้ทำตามมากนัก โดยประชาชนให้ความเคารพนับถือเจ้าชายเลกาที่ 1 ในฐานะพระมหากษัตริย์เพียงในพระนามเท่านั้น
สวรรคต
[แก้]สมเด็จพระราชินีเกรัลดีเนอ เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2545 สิริพระชนมพรรษา 87 พรรษา โดยพระอาการพระหทัยวายเฉียบพลัน
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- Knight Grand Cross of the Order of Fidelity (26 April 1938).[1]
- Mother Teresa Medal [posthumous] (5 April 2004).[2]