วัดทัศนารุณสุนทริการาม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วัดทัศนารุณสุนทริการาม
แผนที่
ชื่อสามัญวัดทัศนารุณสุนทริการาม, วัดตะพาน
ที่ตั้งเลขที่ 51 ซอยราชปรารภ 22 ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
ประเภทวัดราษฎร์
นิกายมหานิกาย
พระพุทธรูปสำคัญหลวงพ่อโต
เจ้าอาวาสพระราชศีลาจาร (บรรทม ฐิตปญฺโญ ป.ธ.๖)
พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา

วัดทัศนารุณสุนทริการาม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่ในแขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร มีเขตพื้นที่ทั้งสิ้น 11 ไร่ 2 งาน 16 ตารางวา (นับรวมบริเวณที่เป็นเขตบ้านเช่า 3 ไร่ 3 งานเข้าด้วย) ปัจจุบันเจ้าอาวาสคือ พระราชศีลาจาร (บรรทม ฐิตปญฺโญ ป.ธ.๖)

ประวัติ[แก้]

สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราวปลายสมัยกรุงธนบุรีหรือต้นสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จากข้อมูลของกรมการศาสนาระบุว่าสร้าง พ.ศ. 2320[1] เดิมชื่อว่า วัดตะพาน ที่มาของชื่อนี้คาดว่ามาจากการที่ผู้บริจาคทรัพย์สร้างวัดคือ ตาผ่าน จึงตั้งชื่อวัดว่า "วัดตาผ่าน" และเพี้ยนมาเป็น "วัดตะพาน" อีกข้อสันนิษฐานคือ บริเวณหน้าวัดมีสะพานข้ามคลองสามเสน จึงเรียกว่า "วัดสะพาน" แต่คนสมัยนั้นอาจเรียกเลือนเสียงไปว่า "วัดตะพาน"

ส่วนชื่อ "วัดทัศนารุณสุนทริการาม" มาจากคหปตานีผู้หนึ่งคือ หม่อมหรุ่น เป็นผู้ศรัทธาได้บริจาคทรัพย์เป็นจำนวนมากเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัด ท่านเจ้าคุณพระธรรมปาโมกข์ (ถม) วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นญาติกับหม่อมหรุ่น เห็นว่าหม่อมหรุ่นได้ทำคุณประโยชน์ต่อวัดตะพานเป็นอันมาก อีกทั้งเห็นว่าชื่อวัดตะพานนั้นไม่มีความไพเราะ จึงได้ตั้งชื่อให้ใหม่ว่า "วัดทัศนารุณสุนทริการาม"[2]

วัดได้รับพระราชทางวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2536

หลวงพ่อโต[แก้]

พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย อายุกว่า 700 ปี มีนามว่า หลวงพ่อโต เล่ากันว่าองค์หลวงพ่อโตสร้างขึ้นโดยใช้พระเศียรของพระพุทธรูปแบบสุโขทัยซึ่งสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยเดียวกับพระพุทธชินราช ในเวลาต่อมาก็สร้างวิหารครอบองค์หลวงพ่อโตอีกที ฐานรากของวิหารและองค์พระที่รองรับองค์พระทำด้วยอิฐก่อขนาดใหญ่ ต่อมาจึงได้บูรณะโครงสร้างนี้[3]

อ้างอิง[แก้]

  1. "รายงานทะเบียนวัด" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2017-10-13. สืบค้นเมื่อ 2020-12-18.
  2. "ประวัติวัด". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-05-14. สืบค้นเมื่อ 2020-12-18.
  3. ธเนศ วีระศิริ. "ยกวิหารและองค์หลวงพ่อโต". โพสต์ทูเดย์.