รถถังคลีเมนต์ โวโรชีลอฟ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คลีเมนต์ โวโรชีลอฟ-1
KV-1 on display in Kirovsk.
ชนิดHeavy tank
แหล่งกำเนิดSoviet Union
บทบาท
ประจำการ1939–45
ผู้ใช้งานสหภาพโซเวียต, ฟินแลนด์
สงครามWinter War, สงครามโลกครั้งที่ 2
ประวัติการผลิต
ผู้ออกแบบZh. Kotin, TsKB-2
ช่วงการออกแบบ1938–39
บริษัทผู้ผลิตKirov Factory, ChTZ
ช่วงการผลิต1939–43
จำนวนที่ผลิต5,219[1]
แบบอื่นKV-2, KV-8 flamethrower, KV-1S, KV-85, KV-122
ข้อมูลจำเพาะ (KV-1 Model 1941)
มวล45 tonnes
ความยาว6.75 m (22 ft 2 in)
ความกว้าง3.32 m (10 ft 11 in)
ความสูง2.71 m (8 ft 11 in)
ลูกเรือ5

เกราะ
  • Maximum (front): 90 mm
  • Side: 75 mm
  • Rear: 70 mm
อาวุธหลัก
อาวุธรอง
2×, 3× or 4× DT machine guns
เครื่องยนต์Model V-2 V12 Diesel engine
600 hp (450 kW)
กำลัง/น้ำหนัก13 hp/tonne
กันสะเทือนTorsion bar
พิสัยปฏิบัติการ
335 km
ความเร็ว35 km/h (22 mph)

รถถังคลีเมนต์ โวโรชีลอฟ(เควี) เป็นตระกูลรถถังหนักของโซเวียต ชื่อนี้มาจากผู้ตรวจการประชาชนเพื่อการป้องกันและนักการเมืองโซเวียต คลีเมนต์ โวโรชีลอฟ และถูกใช้โดยกองทัพแดง(Red Army)

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตระกูลเควีได้เป็นที่รู้จักกันจากการป้องกันด้วยเกราะหนักในช่วงแรกของสงคราม โดยเฉพาะในช่วงปีแรกของการรุกรานสหภาพโซเวียตของเยอรมัน ในบางสถานการณ์ แม้แต่เพียงเควี-1 หรือ เควี-2 ที่ได้รับการสนับสนุนจากทหารราบก็สามารถสกัดกั้นกองทัพเยอรมันขนาดใหญ่ได้ รถถังเยอรมันในช่วงเวลานั้นไม่ค่อยจะได้เผชิญหน้ากับเควีเพราะอาวุธของพวกเขานั้นค่อนข้างแย่เกินกว่าจะจัดการกับ "รัสซีเชอร์ คอลอส"(KV-2)-"รัสเซียน คอโลซัส"(KV-1)[2]

รถถังเควีได้รับการติดตั้งอาวุธด้วยปืนขนาด 3.7 ซ.ม. เคดัมบิวเค 36 และปืนฮาววิตเซอร์ ลำกล้องสั้นของปืนขนาด 7.5 ซม. เคดัมบิวเค 37, ตามลำดับ ที่ได้เอามาจากรถถังพันเซอร์ 3 และพันเซอร์ 4 ของกองทัพเยอรมันที่เข้ารุกราน จนกระทั่งปืนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยเยอรมัน รถถังเควี-1 นั้นสามารถต้านทานกับอาวุธเยอรมันได้เกือบทุกชนิดยกเว้นเพียงปืนฟลัค 8.8 ซม.[3]

ก่อนหน้าที่ปฏิบัติการบาร์บารอสซ่า รถถังประมาณ 500 ถึง 22,000 คันที่อยู่ในประจำการโซเวียตล้วนเป็นประเภทเควี-1 เมื่อสงครามได้คืบหน้า ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีความรู้สึกเพียงเล็กน้อยว่าการผลิตรถถังเควีนั้นค่อนข้างราคาแพง เมื่อรถถังขนาดกลาง ที-34 ทำงานได้ดีขึ้น(หรืออย่างน้อยก็เท่าเทียมกัน) ในทุกๆด้าน ในความเป็นจริงที่ว่าข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวที่มีในรถถัง ที-34/76 คือป้อมปืนขนาดใหญ่ที่สามคนจะเข้าไปประจำตำแหน่งในนั้นได้[4] ต่อมาในสงคราม รถถังตระกูลเควีได้กลายเป็นฐานสำหรับการพัฒนารถถังตระกูลไอเอส(โยซิฟ สตาลิน) และปืนใหญ่อัตตาจร

เควี-1[แก้]

ข้อมูลจำเพาะ[แก้]

  • ยาว 6.68 เมตร
  • สูง 2.71 เมตร
  • กว้าง 3.32 เมตร
  • เกราะหนาที่สุด 75 มม./2.95 นิ้ว
  • เครื่องยนต์ วี2เค กระบอกสูบ วี 12 ให้กำลัง 550 แรงม้า
  • ความเร็ว 35 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • รัศมีทำการ 150 กิโลเมตร
  • อาวุธ
  • อาวุธหลัก ปืนใหญ่ ขนาด 76.2 มม.
  • อาวุธรอง ปืนกลขนาด 7.62 มม./ 0.3 นิ้ว จำนวน 4 กระบอก

เควี-2[แก้]

คลีเมนต์ โวโรชีลอฟ 2
KV-2 in Moscow museum with KV-1 in background
ชนิดHeavy tank/assault gun
แหล่งกำเนิดSoviet Union
บทบาท
ประจำการ1939–45
ผู้ใช้งานSoviet Union
สงครามWorld War II
ประวัติการผลิต
ผู้ออกแบบZh. Kotin, TsKB-2
ช่วงการออกแบบ1938–39
บริษัทผู้ผลิตKirov Factory, ChTZ
จำนวนที่ผลิต334
ข้อมูลจำเพาะ
มวล52 tonnes
ความยาว6.95 m (22 ft 10 in)
ความกว้าง3.32 m (10 ft 11 in)
ความสูง3.25 m (10 ft 8 in)
ลูกเรือ6

มุมกระดกabout 37°

เกราะ60–110 mm (2.4–4.3 in)
อาวุธหลัก
152 mm M-10T howitzer (20 rounds)
อาวุธรอง
DT machine guns (2,079 rounds)
เครื่องยนต์1 x V2-K-12 cylinder diesel
550 hp
พิสัยปฏิบัติการ
140 km or 87 mi
ความเร็ว28 km/h (17 mph)

เควี-2 หรือ คลีเมนต์ โวโรชีลอฟ-2 เป็นรถถังที่ผลิตโดยสหภาพโซเวียต ใช้งานปี ค.ศ. 1940

ข้อมูลจำเพาะ[แก้]

  • เจ้าหน้าที่ 6 นาย (ผู้บัญชาการ/พลปืน/พลขับ/พลบรรจุ 2 นาย/พลปืนกลด้านหน้ารถ)
  • หน้ก 53,963 กิโลกรัม/ 53.1 ตัน
  • ยาว 6.79 เมตร
  • สูง 3.65 เมตร
  • กว้าง 3.32 เมตร
  • เกราะหนาที่สุด 110 มม./4.33 นิ้ว
  • เครื่องยนต์ วี2เค กระบอกสูบ วี 12 ให้กำลัง 550 แรงม้า
  • ความเร็ว 26 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • รัศมีทำการ 150 กิโลเมตร
  • อาวุธ
  • อาวุธหลัก ปืนใหญ่ ขนาด 152.4 มม./ 6 นิ้ว
  • อาวุธรอง ปืนกลขนาด 7.62 มม./ 0.3 นิ้ว จำนวน 2 กระบอก

อ้างอิง[แก้]

  1. Zaloga; including variants and prototypes
  2. Vollert, Jochen (2005). Tankograd Militar Fahrzeug - Special No. 2003 Soviet Special - KV-1 Soviet Heavy Tanks of WWII - Late Variants. Tankograd Publishing. p. 59.
  3. Glantz, David M. (1995). When Titans Clash: How the Red Army Stopped Hitler. University Press of Kansas. p. 36. ISBN 9780700608997.
  4. Ogorkiewicz, Richard (2015). Tanks: 100 years of evolution. Osprey. p. 94.
  • George Forty & Jack Livesey,the World Encyclopedia of Tanks,Anness,2006