ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ทอม ครูซ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ไขการสะกดและ links
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 32: บรรทัด 32:
}}
}}


'''ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4''' ({{lang-en| Thomas Cruise Mapother IV}}) เกิดวันที่ [[3 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2505]] ที่[[ซีราคิวส์]] [[รัฐนิวยอร์ก]] จบการศึกษามัธยมปลาย จากเกลนไรดจ์ เคยแต่งงานกับนักแสดง[[ชาวอเมริกัน]] มีมี โรเจอร์ส จากนั้นหย่ากัน ก่อนที่จะแต่งงานใหม่กับนักแสดง[[ชาวออสเตรเลีย]] [[นิโคล คิดแมน]] ในปี 2533 และเลิกรากันในปี 2544 ต่อมาได้แต่งงานและมีบุตรสาวกับ [[เคที โฮล์มส]] ชื่อซูรี เกิดเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2549 ใน[[แซนตามอนิกา (รัฐแคลิฟอร์เนีย)|แซนตามอนิกา]] [[รัฐแคลิฟอร์เนีย]] ก่อนที่จะทั้งคู่จะปิดฉากความรัก 6 ปีเต็ม ในเดือนมิถุนายน 2555
'''ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4''' ({{lang-en| Thomas Cruise Mapother IV}}) เกิดวันที่ [[3 กรกฎาคม]] [[พ.ศ. 2505]] ที่[[ซีราคิวส์]] [[รัฐนิวยอร์ก]] จบการศึกษามัธยมปลาย จากเกลนไรดจ์ เคยแต่งงานกับนักแสดง[[ชาวอเมริกัน]] มีมี โรเจอร์ส จากนั้นหย่ากัน ก่อนที่จะแต่งงานใหม่กับนักแสดง[[ชาวออสเตรเลีย]] [[นิโคล คิดแมน]] ในปี 2533 และเลิกรากันในปี 2544 ต่อมาได้แต่งงานและมีลูกสาวกับ[[เคที โฮล์มส]] ชื่อซูรี เกิดเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2549 ใน[[แซนตามอนิกา (รัฐแคลิฟอร์เนีย)|แซนตามอนิกา]] [[รัฐแคลิฟอร์เนีย]] ก่อนที่จะทั้งคู่จะปิดฉากความรัก 6 ปีเต็ม ในเดือนมิถุนายน 2555


ตอนที่ทอมอายุ 32 ปี แม่ของทอมได้ทิ้งพ่อทอมไป โดยเขาได้ตามแม่ไปพร้อมพี่สาว ต้องย้ายที่อยู่ไปหลายเมือง และต้องเปลี่ยนโรงเรียนในที่ต่าง ๆ ถึง 15 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษามัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ใน[[รัฐนิวเจอร์ซีย์]] เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงหันมาเรียนการแสดง
ตอนที่ทอมอายุ 12 ปี แม่ของทอมตัดสินใจพาทอมและลูกสาวทั้งสามคนหนีพ่อของทอมไป เนื่องจากเธอและลูกถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างยาวนาน โดยย้ายกลับไปอยู่[[สหรัฐอเมริกา]] ทอมต้องเปลี่ยนโรงเรียนในที่ต่าง ๆ มากถึง 15 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษามัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ใน[[รัฐนิวเจอร์ซีย์]] เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงหันมาเรียนการแสดง


ในปี 2524 ทอมมาที่[[ลอสแอนเจลิส]]ที่เขาพบพอลลา วากเนอร์ จากครีเอทีฟอาร์ทิสต์เอเจนซี ซึ่งเป็นคนที่นำเขาเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยทอมได้รับบทที่ไม่โดดเด่นมากเรื่องแรกในเรื่อง ''Endless Love'' (2524) จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง ''Risky Business'' (2526), ''All the Right Moves'' (2526), ''Legend'' (2528)
ในปี 2524 ทอมมาที่[[ลอสแอนเจลิส]]ที่เขาพบพอลลา วากเนอร์ จากครีเอทีฟอาร์ทิสต์เอเจนซี ซึ่งเป็นคนที่นำเขาเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยทอมได้รับบทที่ไม่โดดเด่นมากเรื่องแรกในเรื่อง ''Endless Love'' (2524) จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง ''Risky Business'' (2526), ''All the Right Moves'' (2526), ''Legend'' (2528)


ทอม มาแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่อง ''Top Gun'' (2529) ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 353,816,701 เหรียญสหรัฐทั่วโลก ตามด้วย ''The Color of Money'' (2529) , ''Rain Man'' (2531), ''Cocktail'' (2531), ''Born on the Fourth of July'' (2532), ''Days of Thunder'' (2533), ''[[ไกลเพียงใดก็จะไปให้ถึงฝัน|Far and Away]]'' (2535), ''A Few Good Men'' (2535), ''The Firm'' (2536), ''Interview With The Vampire'' (2537), ''[[ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก|Mission: Impossible]]'' (2539) และ ''[[เจอร์รี่ แม็คไกวร์ เทพบุตรรักติดดิน|Jerry Maguire]]'' (2539) และยังมีผลงานอย่างเรื่อง ''[[มหาบุรุษซามูไร|The Last Samurai]]'' (2546), ''Collateral'' (2547) ของ[[ไมเคิล แมนน์]] ประกบคู่กับ[[เจมี ฟ็อกซ์]] นอกจากนั้นยังแสดงภาพยนตร์กำกับโดย[[สตีเวน สปีลเบิร์ก]] กับภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง ''[[วอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ส อภิมหาสงครามล้างโลก|War of the Worlds]]'' (2548)
ทอม มาแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่อง ''Top Gun'' (2529) ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 356.8 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก ตามด้วย ''The Color of Money'' (2529) , ''Rain Man'' (2531), ''Cocktail'' (2531), ''Born on the Fourth of July'' (2532), ''Days of Thunder'' (2533), ''[[ไกลเพียงใดก็จะไปให้ถึงฝัน|Far and Away]]'' (2535), ''A Few Good Men'' (2535), ''The Firm'' (2536), ''Interview With The Vampire'' (2537), ''[[ฝ่าปฏิบัติการสะท้านโลก|Mission: Impossible]]'' (2539) และ ''[[เจอร์รี่ แม็คไกวร์ เทพบุตรรักติดดิน|Jerry Maguire]]'' (2539) และยังมีผลงานอย่างเรื่อง ''[[มหาบุรุษซามูไร|The Last Samurai]]'' (2546), ''Collateral'' (2547) ของ[[ไมเคิล แมนน์]] ประกบคู่กับ[[เจมี ฟ็อกซ์]] นอกจากนั้นยังแสดงภาพยนตร์กำกับโดย[[สตีเวน สปีลเบิร์ก]] กับภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง ''[[วอร์ ออฟ เดอะ เวิลด์ส อภิมหาสงครามล้างโลก|War of the Worlds]]'' (2548)


== ผลงาน ==
== ผลงาน ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:21, 17 สิงหาคม 2563

ทอม ครูซ
ครูซในปี 2019
ครูซในปี 2019
สารนิเทศภูมิหลัง
เกิด3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 (61 ปี)
ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4
ซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
คู่สมรสมีมี โรเจอร์ส (สมรส 2530; หย่า 2533)
นิโคล คิดแมน (สมรส 2533; หย่า 2544)
เคที โฮลมส์ (สมรส 2549; หย่า 2555)
บุตร3
อาชีพ
  • นักแสดง
  • ผู้ผลิตภาพยนตร์
ปีที่แสดง2524-ปัจจุบัน
ลูกโลกทองคำนักแสดงชายยอดเยี่ยม - ภาพยนตร์ดรามา
2532 Born on the Fourth of July
นักแสดงชายยอดเยี่ยม - ภาพยนตร์เพลงหรือตลก
2539 Jerry Maguire
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
2542 Magnolia
ฐานข้อมูล
IMDb

ทอมัส ครูซ เมบอเธอร์ที่ 4 (อังกฤษ: Thomas Cruise Mapother IV) เกิดวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 ที่ซีราคิวส์ รัฐนิวยอร์ก จบการศึกษามัธยมปลาย จากเกลนไรดจ์ เคยแต่งงานกับนักแสดงชาวอเมริกัน มีมี โรเจอร์ส จากนั้นหย่ากัน ก่อนที่จะแต่งงานใหม่กับนักแสดงชาวออสเตรเลีย นิโคล คิดแมน ในปี 2533 และเลิกรากันในปี 2544 ต่อมาได้แต่งงานและมีลูกสาวกับเคที โฮล์มส ชื่อซูรี เกิดเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2549 ในแซนตามอนิกา รัฐแคลิฟอร์เนีย ก่อนที่จะทั้งคู่จะปิดฉากความรัก 6 ปีเต็ม ในเดือนมิถุนายน 2555

ตอนที่ทอมอายุ 12 ปี แม่ของทอมตัดสินใจพาทอมและลูกสาวทั้งสามคนหนีพ่อของทอมไป เนื่องจากเธอและลูกถูกทำร้ายร่างกายมาอย่างยาวนาน โดยย้ายกลับไปอยู่สหรัฐอเมริกา ทอมต้องเปลี่ยนโรงเรียนในที่ต่าง ๆ มากถึง 15 แห่ง จนกระทั่งจบการศึกษามัธยมปลายจากเกลนไรดจ์ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ เขามีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า จึงหันมาเรียนการแสดง

ในปี 2524 ทอมมาที่ลอสแอนเจลิสที่เขาพบพอลลา วากเนอร์ จากครีเอทีฟอาร์ทิสต์เอเจนซี ซึ่งเป็นคนที่นำเขาเข้ามาสู่วงการภาพยนตร์ โดยทอมได้รับบทที่ไม่โดดเด่นมากเรื่องแรกในเรื่อง Endless Love (2524) จากนั้นก็มีผลงานแสดงอย่าง Risky Business (2526), All the Right Moves (2526), Legend (2528)

ทอม มาแจ้งเกิดเต็มตัวในเรื่อง Top Gun (2529) ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ 356.8 ล้านเหรียญสหรัฐทั่วโลก ตามด้วย The Color of Money (2529) , Rain Man (2531), Cocktail (2531), Born on the Fourth of July (2532), Days of Thunder (2533), Far and Away (2535), A Few Good Men (2535), The Firm (2536), Interview With The Vampire (2537), Mission: Impossible (2539) และ Jerry Maguire (2539) และยังมีผลงานอย่างเรื่อง The Last Samurai (2546), Collateral (2547) ของไมเคิล แมนน์ ประกบคู่กับเจมี ฟ็อกซ์ นอกจากนั้นยังแสดงภาพยนตร์กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก กับภาพยนตร์ไซไฟเรื่อง War of the Worlds (2548)

ผลงาน

รางวัลที่ได้รับ

รางวัลลูกโลกทองคำ


อ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น