ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)"
บรรทัด 64: | บรรทัด 64: | ||
[[หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายมอญ|ปิติ วาทยะกร]] |
[[หมวดหมู่:ชาวไทยเชื้อสายมอญ|ปิติ วาทยะกร]] |
||
[[หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนอัสสัมชัญ]] |
[[หมวดหมู่:บุคคลจากโรงเรียนอัสสัมชัญ]] |
||
[[หมวดหมู่:ความสัมพันธ์ |
[[หมวดหมู่:ความสัมพันธ์เยอรมนี–ไทย]] |
||
[[หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ช.]] |
[[หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ช.]] |
||
[[หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ม.]] |
[[หมวดหมู่:สมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ท.ม.]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:40, 13 สิงหาคม 2561
พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) | |
---|---|
{{{alt}}} พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร) | |
ข้อมูลส่วนบุคคล | |
เกิด | 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 |
บิดา | นายจาคอบ ไฟท์ |
มารดา | นางทองอยู่ |
คู่สมรส | นางเบอร์ธา นางบัวคำ นางลิ้ม |
บุตร-ธิดา | 10 คน |
พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร) (มักเขียนเป็น "ปิติ") ชื่อเดิม ปีเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit - 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) บุคคลสำคัญในวงการดนตรีของประเทศไทย ผู้ริเริ่มการบันทึกเพลงไทยเดิมด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) ของ กรมศิลปากร
เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก ครูเอื้อ สุนทรสนาน และ ครูชลหมู่ ชลานุเคราะห์ (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร ) ครูประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานวงดุริยางค์ทหารอากาศ และ วงดุริยางค์ตำรวจ
วัยต้น
เกิดที่ ตำบลบ้านทะวาย อำเภอบ้านทะวาย จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายจาคอบ ไฟท์ (Jakob Feit) ชาวเยอรมันกับนางทองอยู่ ชาวไทยเชื้อสายมอญ มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำและ นางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน
เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2433
เริ่มเรียนดนตรีกับบิดาเมื่ออายุ 10 ขวบ ต่อจากนั้นได้ศึกษาดนตรีด้วยตนเองมาโดยตลอดจนมีความรู้และความชำนาญอย่างแตกฉาน และได้เดินทางไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยดนตรีเฟรเดริก ชอแป็ง ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์
วัยหนุ่ม
สมัครเข้าเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญขณะอายุได้ 18 ปี เมื่อ พ.ศ. 2444 หลังจากนั้นอีกสองปีจึงเข้ารับราชการในกรมรถไฟหลวง
ปี พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้โอนมาเป็นครูในกรมมหรสพซึ่งต่อได้โอนมาอยู่กรมศิลปากร ในตำแหน่งครูวงเครื่องสายฝรั่งหลวง และทำหน้าที่ผู้สอนวิชาดนตรีสากลให้สามัคยาจารยสมาคมและผลักดันให้วิชาขับร้อง (ด้วยโน้ต) เป็นวิชาเลือกในการสอบเลื่อนวิทยฐานะทั้งชุดของครูประถมและครูมัธยม
วัยปลาย
โอนสังกัดไปสอนในวงดุริยางค์ทหารอากาศเมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการ หลังเกษียณแล้วได้รับเชิญเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปากร
ปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้งวงดุริยางค์สากลกรมตำรวจและทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 85 ปี 5 เดือน
ผลงาน
- ประพันธ์ทำนองเพลงชาติไทย[1]
- ประพันธ์ทำนอง เพลงเถลิงศก
- ริเริ่มสร้าง เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) สำหรับการบรรเลงเพลงไทยด้วยเครื่องดุริยางค์สากล โดยเคาะระนาดเทียบเสียงโน้ตสากลทุกตัวเพื่อให้เสียงตรงต้นฉบับเพลงไทยเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน เป็นเอกลักษณ์ของเพลงไทยเดิมที่บรรเลงด้วยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร
- ประพันธ์เพลงไทยประสานเสียงเพลง ศรีอยุธยา ประกอบภาพยนตร์ เรื่อง พระเจ้าช้างเผือก (2484) บทและอำนวยการสร้างโดย นายปรีดี พนมยงค์ , บ้านไร่นาเรา (2485) ของกองภาพยนตร์กองทัพอากาศ ทุ่งมหาเมฆ
- เรียบเรียงทำนองเพลงไทยประสานเสียง ได้แก่ แขกเชิญเจ้า ,ปฐม ,ต้นบรเทศ ,ขับไม้บัณเฑาะว์ ,พม่ารำขวาน ,ธรณีกรรแสง/พสุธากรรแสง ,พม่าประเทศ ฯลฯ รวมทั้งเพลงประกอบการแสดง /ละครเวที
- เรียบเรียงตำราวิชาดนตรีสากลเป็นภาษาไทย เช่นทฤษฎีการดนตรีตอนต้น การประสานเสียงเบื้องต้น รวมทั้ง ตำราประสานเสียง 3 เล่มจบ
เกียรติยศ
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 3 ตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ต.จ.ว.)
- เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
อ้างอิง
- พระเจนดุริยางค์ ประมวลประวัติครู คุรุสภาจัดพิมพ์ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2535. หน้า 95