ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พนม นพพร"
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
ป้ายระบุ: ถูกย้อนกลับแล้ว แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
||
บรรทัด 47: | บรรทัด 47: | ||
== เข้าสู่วงการ == |
== เข้าสู่วงการ == |
||
พนม นพพร ชื่นชอบเพลงลูกทุ่งอย่างมาก โดยมีสาเหตุมาจากการชอบไปดู[[รำวง]] และฟัง[[วิทยุ]] ซึ่งในสมัยนั้นก็นิยมเปิดเพลงลูกทุ่งอย่างมาก จากนั้นก็เริ่มหัดร้องโดยยึดแนวของนักร้องมากมายหลายคน อาทิ [[คำรณ สัมบุณณานนท์]] , [[ชาย เมืองสิงห์]], [[พร ภิรมย์]], [[ไพรวัลย์ ลูกเพชร]], [[ไวพจน์ เพชรสุพรรณ]] พนม นพพร เคยตระเวนประกวดตามเวทีประกวดมาบ้าง แต่ปรากฏว่า ไม่เคยชนะเลย ในระหว่างนั้น ก็เคยขึ้นไปร้องเชียร์รำวงอยู่บ้าง โดยได้ค่าร้องคืนละ 20 บาท เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้กับคณะรำวงชื่อดังแห่งยุคนั้นอย่างเช่นวงดาวน้อย และดาวทอง |
|||
ต่อมา วงดนตรีของ[[เทียนชัย สมยาประเสริฐ]] มาเปิดการแสดงแถว ต.บางพระ จ.ชลบุรี และมีการประกวดร้องเพลง ซึ่งพนม นพพร ก็ไปประกวด แต่ในงานนี้ เป็นการประกวดแบบอัดเทป ไม่มีการประกาศผลทันที แต่จะประกาศผลทางสถานีวิทยุในภายหลัง ซึ่งก็ปรากฏว่า พนม นพพร เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะ ประจวบกับช่วงนั้นเขาจบการศึกษาแล้ว ก็จึงเก็บเสื้อผ้าเข้ากรุงเทพ ฯ โดยมาอยู่ที่บ้านของเทียนชัย สมยาประเสิรฐ เพื่อฝึกร้องเพลง และร่วมวงดนตรี ซึ่งที่นี่เขาได้บันทึกเสียงเพลงแรกชื่อเพลง “ลมร้อน “ ผลงานการประพันธ์ของ [[อรุณ รุ่งรัตน์]] ขณะที่พนม นพพร ใช้ชื่อว่า พนาวัลย์ ลูกเมืองชล ซึ่งเพลงนี้ก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักพอสมควร แต่อยู่ได้ไม่นานวงเทียนชัยก็แตก เนื่องจากลูกวงแยกย้ายกันไปตั้งวงเอง |
|||
เมื่อไม่มีที่ให้สังกัด พนม นพพร จึงต้องหาเลี้ยงชีพโดยการไปเป็นนักร้องสลับฉากให้กับคณะ[[ลิเก]] รวมทั้งวงดนตรีอื่นๆ ทั้ง[[เพลิน พรมแดน]] , [[นิยม มารยาท]] และอื่นๆ ต่อมามีผู้ชวนไปสมัครอยู่กับวง[[จุฬารัตน์]]ของครู[[มงคล อมาตยกุล]] ปรากฏว่าครูไม่รับ โดยให้เหตุ |
|||
ผลว่านักร้องเต็ม พนม นพพร จึงพยายามอีกด้วยการร้องเพลงให้ฟัง ครูก็ยังไม่รับ พนม นพพร จึงต้องเสนอตัวเป็นเด็กรถประจำวง และรับใช้นักร้องในวง แค่พอให้มีข้าวกินไปวันๆ ซึ่งครูก็ตอบตกลง |
|||
ระหว่างที่วงไปเดินสายแถวอีสาน เมื่อจะไปแสดงที่ [[อ.ชุมแพ]] นักร้องเริ่มป่วยกันมากขึ้น ทางวงเกรงว่า โปรแกรมการแสดงจะไม่พอ จึงนำเอาพนม นพพร ที่ต้องทำหน้าที่เก็บตั๋ว ไปร้องเพลงฆ่าเวลา โดยให้ร้องเปิดวงเป็นคนแรก ซึ่ง พนม นพพร ก็ได้ร้องเพลง อนิจจา ของ[[โฆษิต นพคุณ]] ปรากฏว่าเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนในวงและผู้ชมอย่างมาก แต่ชีวิตของเขาหลังจากนั้น ก็ยังเหมือนเดิม เมื่อลงจากเวทีก็ยังต้องไปทำงานระดับล่างต่อไป แต่เขาก็ได้ร้องเพลงเปิดวงครั้งละ 1 เพลงมาตลอด |
|||
เมื่อกลับมากรุงเทพฯ วันหนึ่ง นักร้องดังๆในวงต้องไปอัดแผ่นเสียง ซึ่งพนม นพพร ก็ตามไปรับใช้ด้วย ปรากฏว่าวันนั้น ราวตี 3 ก็อัดเสร็จแล้ว ซึ่งถือว่าเร็วมาก ครูมงคล อมาตยกุล เห็นว่าพอมีเวลาเหลือ จึงเรียกพนม นพพร มาลองซ้อมเพลง ตอนนั้น [[สรวง สันติ]] ได้แต่งเพลงให้พนม นพพร เพลงหนึ่ง เขาจึงนำเพลงนี้มาเสนอครูมงคล ปรากฏว่าซ้อมไปซ้อมมาครูเกิดชอบ จึงเขียนโน้ตให้นักดนตรี และ บันทึกเสียงกันในตอนนั้นเลย เพลงนี้มีชื่อว่า “ สุขีเถิดที่รัก “ ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างมาก |
|||
จากนั้น เมื่อพนม นพพร มีอายุประมาณ 22 ปี ก็มีโอกาสบันทึกเสียงอีก 2 เพลง เพลงแรกชื่อ “ อัดอั้นตันใจ “ ของ[[ลพ บุรีรัตน์]] (ตอนนั้นใช้ชื่อ กนก เกตุกาญจน์ ) ส่วนอีกเพลง พนม นพพร บอกว่าเขาไม่ค่อยชอบ เพราะไม่ใช่แนวของเขา แต่ครูมงคลแนะนำว่า ยิ่งไม่ชอบยิ่งต้องใช้ความพยายาม แต่เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่สร้างชื่อให้พนม นพพร ขึ้นมาอยู่ในชั้นแนวหน้าของวงการลูกทุ่งไทย โดยเพลงนั้นก็คือเพลง “ ลาสาวแม่กลอง “ (แต่งโดย เลิศ วงศ์สาโรจน์ และขายสิทธ์ไปให้ [[เกษม สุวรรณเมนะ เป็นเจ้าของผู้เผยแพร่ เนื้อร้องและทำนอง เนื่องจากผู้แต่งไม่มีความรู้ในการบันทึกตัวโน๊ต) |
|||
== เข้าสู่วงการภาพยนตร์ == |
== เข้าสู่วงการภาพยนตร์ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:39, 7 มีนาคม 2564
![]() | บทความนี้ได้รับแจ้งให้ปรับปรุงหลายข้อ กรุณาช่วยปรับปรุงบทความ หรืออภิปรายปัญหาที่หน้าอภิปราย
|
พนม นพพร | |
---|---|
ไฟล์:พนม นพพร.JPG | |
สารนิเทศภูมิหลัง | |
เกิด | 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2489 ชาตรี ชินวุฒิ |
อาชีพ | นักร้อง นักแสดง ผู้สร้างภาพยนตร์ ผู้กำกับการแสดง |
ปีที่แสดง | พ.ศ. 2509 - ปัจจุบัน |
พนม นพพร เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชายเสียงดี ใบหน้าหล่อเหลาชาวเมืองน้ำเค็ม ที่สามารถร้องเพลงได้ดีทั้งแนวสนุกสนาน และแนวหวานซึ้ง พนม นพพร โด่งดังอย่างมากจากเพลง “ ลาสาวแม่กลอง “ นอกจากนั้นก็ยังมีเพลงฮิตติดหูผู้ฟังอีกมากมายหลายเพลง พนม นพพร ยังมีฝีมือในด้านการแสดงภาพยนตร์อีกด้วย โดยได้ฝากฝีมือไว้ในด้านการแสดงภาพยนตร์หลายเรื่อง และเมื่อประสบการณ์ด้านการแสดงมีมากขึ้น พนม นพพร ก็ยังหันมาเอาดีทางด้านการสร้างภาพยนตร์เอง และก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยหรู ปัจจุบันพนม นพพร ยังหันมาจับธุรกิจจัดรายการโทรทัศน์ และตั้งค่ายเพลง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน และนับเป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจมากที่สุดอีกคนหนึ่งของเมืองไทย
ประวัติ
เข้าสู่วงการ
เข้าสู่วงการภาพยนตร์
พนม นพพร อยู่กับวงจุฬารัตน์มานานหลายปี จนความนิยมที่มีต่อวงค่อยๆลดลงไป ครูมงคล อมาตยกุล จึงยุบวง ชินกร ไกรลาศ ซึ่งตอนนั้นก็ได้เข้าสู่วงการภาพยนตร์ไปก่อนแล้ว ก็ชวน พนม นพพร ไปเป็นตัวประกอบประเภทวิ่งผ่านหน้าฉาก ซึ่งเขาก็ร่วมแสดงอยู่หลายเรื่องจนได้พอมีบทบาทบ้างในภาพยนตร์เรื่อง “ ลมรักทะเลใต้ “ จากนั้นก็มีบทดีๆเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน เมื่อภาพยนตร์ดัง เพลงที่เขาร้องประกอบภาพยนตร์ก็ดังตามไปด้วย จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจตั้งวงดนตรีพนม นพพร ออกเดินสายแสดงดนตรีร่วมกับงานด้าน การแสดงไปด้วย วงพนม นพพร เดินสายอยู่ 5 – 6 ปี ก็ยุบวง
หลังจากที่พอมีประสบการณ์เกี่ยวกับวงการภาพยนตร์อยู่บ้าง พนม นพพร ซึ่งมั่นใจในความสามารถของตน ทั้งด้านการแสดง การเขียนบท การตัดต่อ ก็ลองสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกดูบ้าง ชื่อ “ คมนักเลง “ เป็นภาพยนตร์แนวบู๊ มี สมบัติ เมทะนี และ อรัญญา นามวงศ์ นำแสดง แต่เมื่อสร้างเสร็จ ภาพยนตร์บู๊ตกยุคไปแล้ว พนม นพพร จึงล้มเหลวในงานสร้างภาพยนตร์ แต่เขาก็ไม่ท้อ เมื่อมีการสร้างต่อในเรื่องที่ 2 ชื่อ “ คุณพ่อขอโทษ “ ที่มี ไพโรจน์ สังวริบุตร และ ลลนา สุลาวัลย์ นำแสดง ปรากฏว่าเรื่องนี้พอประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่พอถึงเรื่องที่ 3 คือ “ จับกัง “ ที่มี สรพงษ์ ชาตรี นำแสดง พนม นพพร ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ได้ทั้งเงินและกล่อง สมความตั้งใจ จากนั้นพนม นพพร ก็สร้างภาพยนตร์เพิ่มอีก 2 – 3 เรื่อง
ปัจจุบัน
หลังประสบความสำเร็จในแวดวงภาพยนตร์ พนม นพพร ก็หันมาจับธุรกิจโทรทัศน์โดยการเปิดบริษัท นพพร โปรโมชั่น เพื่อซื้อรายการโทรทัศน์เพื่อนำมาให้เช่าเวลาเปิดเพลงของค่ายต่างๆ และเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุให้เขาต้องเปิดค่ายเพลง นพพร ซิลเวอร์โกลด์ ตามมา โดยปัจจุบัน นพพร ซิลเวอร์โกลด์ มีนักร้องอยู่ในสังกัดกว่า 20 คน เช่น อัศวิน สีทอง , สาลี่ ขนิษฐา , แมงปอ ชลธิชา , อร อรดี และอื่นๆ นอกจากนี้ยังได้ผลิตละครโทรทัศน์ โดยมีผลงานออกอากาศทาง ช่อง 7 สี
ผลงานเพลงดัง
- ลาสาวแม่กลอง (เกษม สุวรรณเมนะ)
- ตุ๊กติ๊ก ()
- เซิ้งสวิง (สัญญา จุฬาพร)
- ฮักสาวขอนแก่น (เกษม สุวรรณเมนะ)
- ข้าวเหนียวติดมือ (ราชัน สุวรรณไตรย์; ช.คำชะอี)
- เขียนจดหมายส่งมา (ไพรสณฑ์ รุ่งรังษี)
- 11 ไฮโล (สรวง สันติ)
- นักร้องพเนจร (ณรงค์ โกษาผล)
- หนุนขอนต่างแขน (สรวง สันติ)
- ใต้เงาโศก
- สุขีเถิดที่รัก (สรวง สันติ)
- สาวทุ่งในกรุงเทพฯ
- ฮักสาวลาวพวน
- ตะวันลับฟ้า
- ฟ้ากับดิน
- อัดอั้นตันใจ
- ดอกฟ้า
- พิมพ์จ๋าพิมพ์
- ทะเลร่ำไห้
- น้องจ๋า
- คนขี้อาย
- ตะรางดวงใจ (ไพบูลย์ บุตรขัน; เดิม ชาญ เย็นแข เป็นผู้ขับร้องเพลงนี้คนแรก)
ผลงานการแสดงภาพยนตร์
- เพลงรักแม่น้ำแคว (2513)
- เสน่ห์ลูกทุ่ง (2513)
- มันมากับความมืด (2514)
- มนต์รักชาวไร่ (2514)
- สวรรค์นางไพร (2514)
- ลำดวน (2514)
- สะใภ้ยี่เก (2514)
- ค่าของคน (2514)
- แม่ศรีไพร (2514)
- เทวดามาแล้ว (2514)
- เจ้าพระยาที่รัก (2514)
- ขวัญใจไอ้หนุ่ม (2515)
- สวนสน (2515)
- ศาลาลอย (2515)
- หาดทรายแก้ว (2515)
- หัวใจป่า (2515)
- นางฟ้าชาตรี (2515)
- บุหงาหน้าฝน (2515)
- ขอบฟ้าเขาเขียว (2516)
- ยอดชาย (2516)
- แก้วกลางนา (2516)
- คนองกรุง (2516)
- วางฟูซาน (2516)
- ดรุณีผีสิง (2516)
- เตะฝุ่น (2516)
- อะไรกันนักหนา (2516)
- ธิดาพญายม (2517)
- แว่วเสียงลมรัก (2517)
- เพชฌฆาตรัก (2518)
- ตะบันไฟตะไลเพลิง (2518)
- ปล้นครั้งสุดท้าย (2518)
- ไอ้สากเหล็ก (2520)
- คมนักเลง (2521)
- ลูกทาส (2522)
- เรือเพลง (2522)
- คุณพ่อ…ขอโทษ..! (2522)
- ชาติหน้าก่อนเที่ยง (2522)
- ไอ๊หยาอาตือ (2524)
- ไอ้จอมเก (2527)
- ตำรวจเหล็ก (2529)
- รักซึมลึก (2530)
- สงครามเพลงแผน 2 (2533) รับเชิญ
ผลงานการสร้างภาพยนตร์
- คมนักเลง
- คุณพ่อขอโทษ
- จับกัง
- หมามุ่ย
- อุ๊ย ! เขิน
- บัวตูมบัวบาน
- พูดด้วยปืน
- แม่ครัวหัวไข่
- บ้านไร่อลเวง
- บุญยัง จับกังกำลัง 2
- ยุทธการกล้วยไม้ป่า
- เพลงรักแผ่นดินเพลิง
- คนในซอย
- ไอ้ขี้เมา
ผลงานการแสดงละครโทรทัศน์
ช่อง 7
- มนต์รักลูกทุ่ง (2538)
- สุรพล สมบัติเจริญ (คนจริง) (2541) (รับเชิญ)
- มนต์รักลูกทุ่ง (2548)
- ล่องเรือหารัก (2552)
- เพลงรักข้ามภพ (2552)
ผลงานการสร้างละครโทรทัศน์
ช่อง 3
- แม่ศรีไพร (2539)
- เสน่ห์บางกอก (2539)
- รักต้องลุ้น (2540)
- ไข่ลูกเขย (2540)
- ไอ้แก่น (2540)
- แหม่มจ๋า (2541)
- เทพบุตรสุดที่รัก (2542)