ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บั้งไฟพญานาค"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 10: | บรรทัด 10: | ||
น.พ.มนัส กนกศิลป์ ผู้ศึกษาบั้งไฟพญานาคมาอย่างยาวนาน เผยว่า ปริมาณของบั้งไฟพญานาคจะลดลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ล้วนแล้วเกิดจากระบบนิเวศ และเงื่อนไขของเวลา ไม่แน่ว่าในปีต่อไปจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคอีกหรือไม่ เรื่องดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ตลอดจน[[ภาวะโลกร้อน]]ในปัจจุบันอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้บั้งไฟพญานาคลดจำนวนลงจนหมดไป<ref name="เลาะริมโขง"/> |
น.พ.มนัส กนกศิลป์ ผู้ศึกษาบั้งไฟพญานาคมาอย่างยาวนาน เผยว่า ปริมาณของบั้งไฟพญานาคจะลดลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ล้วนแล้วเกิดจากระบบนิเวศ และเงื่อนไขของเวลา ไม่แน่ว่าในปีต่อไปจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคอีกหรือไม่ เรื่องดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ตลอดจน[[ภาวะโลกร้อน]]ในปัจจุบันอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้บั้งไฟพญานาคลดจำนวนลงจนหมดไป<ref name="เลาะริมโขง"/> |
||
การที่บั้งไฟพญานาคกิน |
|||
== คำอธิบาย == |
|||
=== ปรากฏการณ์ธรรมชาติ === |
|||
งานวิจัยวิทยาศาสตร์ของไทยหลายฉบับสรุปว่า บั้งไฟพญานาค คือ ก๊าซมีเทน-ไนโตรเจนเกิดจากแบคทีเรียที่ความลึก 4.55–13.40 เมตร อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ปริมาณออกซิเจนน้อย ในวันที่เกิดปรากฏการณ์มีแดดส่องช่วงประมาณ 10, 13 และ 16 นาฬิกา มีอุณหภูมิมากกว่า 26 องศาเซลเซียสทำให้มีความร้อนมากพอย่อยสลายสารอินทรีย์ และจะมีก๊าซมีเทนจากการหมัก 3–4 ชั่วโมง มากพอให้เกิดความดันก๊าชในผิวทรายทำให้ก๊าซจะหลุดออกมาและพุ่งขึ้นเมื่อโผล่พ้นน้ำ ฟองก๊าซที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำบางส่วนจะฟุ้งกระจายออกไป ส่วนแกนในของก๊าซขนาดเท่าหัวแม่มือจะพุ่งขึ้นสูงกระทบกับออกซิเจน รวมกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงยามกลางคืนทำให้เกิดการสันดาปอย่างรวดเร็วจนติดไฟได้<ref name="พิสูจน์">[http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9470000073245&Page=2 พิสูจน์ปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” กับหลักวิทยาศาสตร์] ผู้จัดการออนไลน์, 28 ตุลาคม 2547</ref> |
|||
น.พ.มนัส กนกศิลป์ กล่าวในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2538 ว่า "บั้งไฟพญานาคน่าจะเป็นสสาร และจะต้องมีมวล เพราะแหวกนํ้าขึ้นมาได้ จึงน่าจะเป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น จุดติดไฟได้เอง และต้องเบากว่าอากาศ"<ref name="พิสูจน์"/> เขายังพบว่า[[pH|ความเป็นกรดด่าง]]ของน้ำในแม่น้ำโขงสอดคล้องกับระบบนิเวศน์ที่จะเกิดการหมักมีเทน ซึ่งเขาเคยไปวางทุ่นดักก๊าซในแม่น้ำโขง และพบว่าก๊าซที่ดักได้ในแม่น้ำโขงสามารถนำไปจุดติดไฟ จะเกิดการพุ่งวูบขึ้นมีสีออกเป็นแดงอมชมพู ส่วนคำถามที่ว่าทำไมบั้งไฟพญานาคถึงเกิดขึ้นในคืน[[วันออกพรรษา]] เขาบอกว่าในคืนนั้นมีอ็อกซิเจน ก๊าซที่ช่วยให้ติดไฟสูงสุดในรอบปี ซึ่งก็เกิดจากอิทธิพลของ[[แรงโน้มถ่วง]]พลังงานรังสีของ[[ดวงอาทิตย์]] [[ดวงจันทร์]]และ[[โลก]]<ref name="เคมี">[http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9470000072690 บั้งไฟพญานาค: ปฏิกิริยาเคมีในลำโขง]</ref> |
|||
มีคำอธิบายที่คล้ายกันเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่ใกล้เคียงในฟิสิกส์พลาสมา (plasma physics) โดยเป็นลูกพลาสมาลอยอิสระซึ่งสร้างจากไฟฟ้าสถิต (เช่น จาก[[ตัวเก็บประจุ]]) ถูกปล่อยสู่[[สารละลาย]]<ref>{{cite web |title=Free Floating Plasma Orb|url=http://www.aps.org/about/physics-images/archive/plasma-orb.cfm |publisher=American Physical Society}}</ref> ทว่า การทดลองบอลพลาสมาส่วนใหญ่กระทำโดยใช้ตัวเก็บประจุค่าแรงดันสูง ตัวกำเนิดสัญญาณไมโครเวฟหรือเตาอบไมโครเวฟ มิใช่ภาวะธรรมชาติ |
|||
ในปี พ.ศ. 2555 [[ผู้จัดการออนไลน์]]ลงข่าวที่มีช่างภาพไปถ่ายภาพบั้งไฟพญานาค ช่างภาพเล่าว่า จากสายตาพวกเขาเห็นตรงกันว่าลูกไฟนั้นขึ้นจากน้ำ แต่ภาพที่บันทึกด้วยการเปิดหน้ากล้อง 5–30 วินาทีเป็นภาพต่อเนื่องเหมือน[[เลเซอร์]]ซึ่งมีจุดเริ่มอยู่บนบกของฝั่งลาวที่ห่างจากไทยประมาณ 1 กิโลเมตร ช่างภาพอีกคนกล่าวว่า บริเวณที่จัดไว้ให้ชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคนั้นมืดมาก<ref name="ผจก"/> |
|||
=== การกระทำของมนุษย์ === |
|||
สารคดีของสถานีโทรทัศน์[[ไอทีวี]]ในปี พ.ศ. 2545 แสดงทหารลาวยิง[[กระสุนส่องวิถี]]ขึ้นฟ้า และมีเสียงเฮที่ดังมาจากฝั่งไทยที่มารอชมบั้งไฟพญานาค<ref>"เบื้องหลังบั้งไฟพญานาค", [[ถอดรหัส]], ไม่ทราบสตูดิโอ, 2545. [http://www.youtube.com/watch?v=QlngR2RJeLc]</ref> และเมื่อสัมภาษณ์คนท้องถิ่นในเขต[[อำเภอโพนพิสัย]] [[จังหวัดหนองคาย]] และบริเวณใกล้เคียง เมื่อวันที่ 17–18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2546 ชาวบ้านในพื้นที่ก็รู้ดีว่ามีการยิงลูกไฟในฝั่งลาวใน[[วันออกพรรษา]] แต่ลักษณะจะแตกต่างจากบั้งไฟพญานาคที่เกิดขึ้นจากบริเวณกลาง[[แม่น้ำโขง]] และสามารถแยกแยะออกว่าอันไหนของจริง อันไหนคนทำ<ref>[http://www.most.go.th/fireball/principle1.htm ความเกี่ยวเนื่องของแหล่งพลังงานส่วนเกินกับปรากฏการณ์ธรรมชาติบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง] กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี{{ลิงก์เสีย}}</ref> |
|||
ผศ. ดร.[[เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์]] นักวิชาการจาก[[คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]] อธิบายว่า ไม่มีก๊าซชนิดใดในโลกที่สันดาปเองแล้วกลายเป็นลูกไฟลอยสูงขึ้นไปสูง ๆ ได้ เว้นแต่มีการสันดาปด้วยเชื้อเพลิงขับ เช่น ดินปืน พลุ หรือกระสุนส่องแสง ขึ้นจากฝั่งตรงข้ามแต่หลอกตาเหมือนขึ้นจากน้ำ และยังตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมายังไม่มีภาพถ่ายวิดีโอใดๆเลยที่ชี้ให้เห็นว่าลูกไฟขึ้นจากน้ำได้จริง โดยมักเป็นภาพลูกไฟที่ลอยขึ้นไปในอากาศแล้ว พร้อมขอให้มีการสร้างบั้งไฟพญานาคเลียนแบบปรากฏการณ์ธรรมชาติขึ้นมาเพื่อพิสูจน์<ref>[http://www.youtube.com/watch?v=cM4kE53ZvwY&feature=player_embedded บั้งไฟพญานาค ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ] รวมบรรยายวิทยาศาสตร์ลวงโลกกับชีวิตคนไทย ในงานวันสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ปี 2554</ref> |
|||
ปิ่น บุตรี ได้เขียนบทความลงในผู้จัดการออนไลน์ ในปี พ.ศ. 2556 ว่า สกู๊ป (ของไอทีวี) ที่ว่าบั้งไฟพญานาคเกิดจากการยิงปืนของทหารลาวนั้นถูกต่อต้านจากคนในพื้นที่ และยังถูกคนจับผิดและหาข้อมาหักล้าง ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของการยิงปืนที่ต้องมีเสียง ควัน และมีวิถีการพุ่งที่เร็วมากแถมสีก็แตกต่างกับลูกไฟประหลาดที่พวยพุ่งขึ้นมา พุ่งช้ากว่า ไม่มีควัน เสียงไม่ดังเท่า นอกจากนี้ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคยังมีบันทึกว่าเกิดขึ้นมานับร้อย ๆ ปี มาก่อนการยิงปืนของทหารนานแล้ว<ref>{{cite web|url=http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9560000130539|title= ออกพรรษาได้เวลา “บั้งไฟพญานาค”...ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งลำน้ำโขง|author= ปิ่น บุตรี|work=ผู้จัดการออนไลน์}}</ref> |
|||
== ตำนานและความเชื่อ == |
== ตำนานและความเชื่อ == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:18, 21 กรกฎาคม 2563
บั้งไฟพญานาค หรือก่อนปี พ.ศ. 2529 เรียก บั้งไฟผี[1] เป็นปรากฏการณ์ที่กล่าวกันว่าเห็นที่แม่น้ำโขง ลักษณะเป็นลูกกลมเรืองแสงลอยขึ้นจากน้ำขึ้นไปในอากาศ จำนวนลูกไฟมีรายงานระหว่างหลายสิบถึงหลายพันลูกต่อคืน[2] บั้งไฟพญานาคเกิดช่วงวันออกพรรษาทุกปี
ลักษณะ
ลักษณะบั้งไฟพญานาคเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น จะเริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1–30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50–150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5–10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อย ๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ[3]
นายวินิจ พลพิทักษ์ หัวหน้าหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น จังหวัดหนองคาย อธิบายว่า ทั่วจังหวัดหนองคายมีตำแหน่งที่มักปรากฏบั้งไฟพญานาคประมาณ 20 จุด โดยพบที่อำเภอโพนพิสัยมากที่สุด บั้งไฟพญานาคยังขึ้นอยู่ตามหนองน้ำ บ่อน้ำ ลำห้วย ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากลำน้ำโขงราว 500 เมตร ก็มีผู้พบเห็น สำหรับระยะเวลาในการขึ้นของบั้งไฟพญานาคนั้นจะขึ้น ระหว่างตะวันตกดินถึงประมาณ 23.00 น.[3]
น.พ.มนัส กนกศิลป์ ผู้ศึกษาบั้งไฟพญานาคมาอย่างยาวนาน เผยว่า ปริมาณของบั้งไฟพญานาคจะลดลงเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ล้วนแล้วเกิดจากระบบนิเวศ และเงื่อนไขของเวลา ไม่แน่ว่าในปีต่อไปจะมีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคอีกหรือไม่ เรื่องดินฟ้าอากาศที่แปรปรวน การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำในแม่น้ำโขง ตลอดจนภาวะโลกร้อนในปัจจุบันอาจเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้บั้งไฟพญานาคลดจำนวนลงจนหมดไป[3]
การที่บั้งไฟพญานาคกิน
ตำนานและความเชื่อ
บทความในผู้จัดการออนไลน์ว่า เดิมทีพญานาคอาศัยอยู่ในเมืองบาดาล มีนิสัยดุร้าย ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสศาสนาพุทธ เลิกนิสัยดุร้าย และคิดบวช แต่ก็ติดที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา (3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยความนี้เมื่อรู้ถึงพญานาคที่อยู่เมืองบาดาล จึงเกิดบั้งไฟพญานาค และยังว่า ตราบเท่าที่ความเชื่อและศรัทธาของชาวบ้านเกี่ยวกับพญานาคยังคงอยู่ คนอื่น ๆ ที่อยู่นอกพื้นที่ก็ควรยึดหลัก "ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่"[4]
เศรษฐกิจ
ในปี พ.ศ. 2558 นายอนุชิต สกุลคู ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่จังหวัดหนองคายกว่า 3 แสนคน หากคิดว่าใช้จ่ายคนละ 500 บาท จะทำให้มีเงินสะพัดกว่า 150 ล้านบาท นอกจากนี้ จังหวัดหนองคายยังเตรียมกิจกรรมต่าง ๆ ไว้สำหรับนักท่องเที่ยว[5]
วัฒนธรรมสมัยนิยม
มีการนำเรื่องข้อสงสัยที่มาของบั้งไฟพญานาค มาทำเป็นภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 โดย จิระ มะลิกุล ออกฉายเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ซึ่งเรื่องราวเนื้อหาในภาพยนตร์นั้น บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์
ดูเพิ่ม
- บอลไลท์นิง (ball lightning)
- เซนต์เอลโมส์ไฟเออร์ (St. Elmo's fire)
- วิลโอเดอะวิสพ์ (Will-o'-the-wisp)
- ฟอสฟีน
อ้างอิง
- ↑ ""เปิดหน้ากล้อง" พิสูจน์ "บั้งไฟพญานาค" มาจากฝั่งลาว". ผู้จัดการออนไลน์.
- ↑ Let there be lights!, The Nation, retrieved on 2008-12-11
- ↑ 3.0 3.1 3.2 เลาะริมโขง รู้จักจุดชม"บั้งไฟพญานาค"
- ↑ "เล่าขานตำนานบั้งไฟพญานาค". ผู้จัดการออนไลน์.
- ↑ "มนต์บั้งไฟพญานาคหนองคาย เงินสะพัด150ล้านบาท!". ประชาชาติธุรกิจ.
แหล่งข้อมูลอื่น
- iTV ถอดรหัส 2545 เบื้องหลังบั้งไฟพญานาค, Youtube
- ກຳເນີດບັ້ງໄຟພະຍານາກ (กำเนิดบั้งไฟพะยานาก), Youtube
- เจาะข่าวเด่น ปริศนาบั้งไฟพญานาค ตอนแรก, YouTube
- เจาะข่าวเด่น ปริศนาบั้งไฟพญานาค ตอนจบ, YouTube