ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ไมน์คราฟต์"
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
FrankBerg107 (คุย | ส่วนร่วม) ล เพิ่มเติมข้อมูลเล็กน้อย |
||
บรรทัด 51: | บรรทัด 51: | ||
}} |
}} |
||
'''''ไมน์คราฟต์''''' ({{lang-en|''Minecraft''}}) เป็น[[วิดีโอเกม]][[แซนด์บ็อกซ์]] สร้างขึ้นโดยนักออกแบบเกมชาวสวีเดน [[มาร์คุส แพร์สซอน|มาร์คุส "นอตช์" แพร์สซอน]] (Markus "Notch" Persson) ต่อมาได้รับการพัฒนาและเผยแพร่โดย |
'''''ไมน์คราฟต์''''' ({{lang-en|''Minecraft''}}) เป็น[[วิดีโอเกม]][[แซนด์บ็อกซ์]] สร้างขึ้นโดยนักออกแบบเกมชาวสวีเดน [[มาร์คุส แพร์สซอน|มาร์คุส "นอตช์" แพร์สซอน]] (Markus "Notch" Persson) ต่อมาได้รับการพัฒนาและเผยแพร่โดยหมูแยง (Mojang) ความคิดสร้างสรรค์และการสร้างสิ่งต่าง ๆ ในไมน์คราฟต์ช่วยทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างออกเป็นรูปแบบ [[3 มิติ]] ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ในเกมก็จะมีการสำรวจ รวบรวมทรัพยากร คราฟต์ของ และต่อสู้ เกมนี้จะมีโหมดการเล่นที่หลากหลายซึ่งประกอบไปด้วย[[#โหมดเอาชีวิตรอด|โหมดเอาชีวิตรอด]] (Survival mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นจะต้องหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสร้างโลกของตัวเองและต้องรักษาเลือดของตัวเองด้วย[[#โหมดฮาร์ดคอร์|โหมดฮาร์ดคอร์]] (Hardcore mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นจะต้องหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสร้างโลกของตัวเองเช่นเดียวกับโหมดเอาชีวิตรอด แต่โหมดนี้ผู้เล่นจะมีเพียงแค่หนึ่งชีวิตเท่านั้น กล่าวคือถ้าผู้เล่นตายแล้วจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้ [[#โหมดความคิดสร้างสรรค์|โหมดความคิดสร้างสรรค์]] (Creative mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นมีทรัพยากรไม่จำกัดและสามารถบินได้ [[#โหมดผจญภัย|โหมดผจญภัย]] (Adventure mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นสามารถเล่น[[Level (วิดีโอเกม)|แมป]]ที่สร้างโดยคนอื่นได้ และ[[#โหมดผู้ชม|โหมดผู้ชม]] (Spectator mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นสามารถบินไปได้รอบ ๆ และสามารถทะลุบล็อกได้ แต่จะไม่สามารถวางหรือทำลายบล็อกใด ๆ ได้เลย |
||
''ไมน์คราฟต์'' ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและได้รับรางวัลและเกียรติต่าง ๆ มากมาย ณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 มีการจำหน่ายไมน์คราฟต์ไปกว่า 106 ล้านชุดในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ไมน์คราฟต์เป็น[[List of best-selling video games|เกมที่ขายดีที่สุด]]ในเวลานั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 [[ไมโครซอฟท์]]ได้ประกาศข้อตกลงว่าจะซื้อบริษัท |
''ไมน์คราฟต์'' ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและได้รับรางวัลและเกียรติต่าง ๆ มากมาย ณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 มีการจำหน่ายไมน์คราฟต์ไปกว่า 106 ล้านชุดในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ไมน์คราฟต์เป็น[[List of best-selling video games|เกมที่ขายดีที่สุด]]ในเวลานั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 [[ไมโครซอฟท์]]ได้ประกาศข้อตกลงว่าจะซื้อบริษัทหมูแยงและ[[ลิขสิทธิ์]] ''ไมน์คราฟต์'' เป็นเงินจำนวน 2.5 พันล้าน[[ดอลลาร์สหรัฐ]] และการเข้าซื้อกิจการก็ได้เสร็จสมบูรณ์ในอีกสองเดือนต่อมา(แถมยังเป็นเกมที่โคตรมะเร็งชิบหายเพราะเด็กเห่อหมออ้อยแท้ๆ) |
||
== เกมการเล่น == |
== เกมการเล่น == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:12, 6 พฤษภาคม 2560
ไมน์คราฟต์ | |
---|---|
ไฟล์:Minecraft logo.svg | |
ผู้พัฒนา | มูแยง |
ผู้จัดจำหน่าย |
|
ออกแบบ |
|
แต่งเพลง | แดเนียล โรเซนเฟลด์ |
เอนจิน | |
เครื่องเล่น | |
วางจำหน่าย | 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011
|
แนว | แซนด์บ็อกซ์, เอาชีวิตรอด |
รูปแบบ | ผู้เล่นคนเดียว, หลายผู้เล่น |
ไมน์คราฟต์ (อังกฤษ: Minecraft) เป็นวิดีโอเกมแซนด์บ็อกซ์ สร้างขึ้นโดยนักออกแบบเกมชาวสวีเดน มาร์คุส "นอตช์" แพร์สซอน (Markus "Notch" Persson) ต่อมาได้รับการพัฒนาและเผยแพร่โดยหมูแยง (Mojang) ความคิดสร้างสรรค์และการสร้างสิ่งต่าง ๆ ในไมน์คราฟต์ช่วยทำให้ผู้เล่นสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างออกเป็นรูปแบบ 3 มิติ ส่วนกิจกรรมอื่น ๆ ในเกมก็จะมีการสำรวจ รวบรวมทรัพยากร คราฟต์ของ และต่อสู้ เกมนี้จะมีโหมดการเล่นที่หลากหลายซึ่งประกอบไปด้วยโหมดเอาชีวิตรอด (Survival mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นจะต้องหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสร้างโลกของตัวเองและต้องรักษาเลือดของตัวเองด้วยโหมดฮาร์ดคอร์ (Hardcore mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นจะต้องหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อสร้างโลกของตัวเองเช่นเดียวกับโหมดเอาชีวิตรอด แต่โหมดนี้ผู้เล่นจะมีเพียงแค่หนึ่งชีวิตเท่านั้น กล่าวคือถ้าผู้เล่นตายแล้วจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้ โหมดความคิดสร้างสรรค์ (Creative mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นมีทรัพยากรไม่จำกัดและสามารถบินได้ โหมดผจญภัย (Adventure mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นสามารถเล่นแมปที่สร้างโดยคนอื่นได้ และโหมดผู้ชม (Spectator mode) เป็นโหมดที่ผู้เล่นสามารถบินไปได้รอบ ๆ และสามารถทะลุบล็อกได้ แต่จะไม่สามารถวางหรือทำลายบล็อกใด ๆ ได้เลย
ไมน์คราฟต์ ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์ และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลและได้รับรางวัลและเกียรติต่าง ๆ มากมาย ณ เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2014 มีการจำหน่ายไมน์คราฟต์ไปกว่า 106 ล้านชุดในทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ไมน์คราฟต์เป็นเกมที่ขายดีที่สุดในเวลานั้น ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2014 ไมโครซอฟท์ได้ประกาศข้อตกลงว่าจะซื้อบริษัทหมูแยงและลิขสิทธิ์ ไมน์คราฟต์ เป็นเงินจำนวน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเข้าซื้อกิจการก็ได้เสร็จสมบูรณ์ในอีกสองเดือนต่อมา(แถมยังเป็นเกมที่โคตรมะเร็งชิบหายเพราะเด็กเห่อหมออ้อยแท้ๆ)
เกมการเล่น
ไมน์คราฟต์ เป็นเกมแซนด์บ็อกซ์สามมิติที่ไม่มีจุดมุ่งหมาย คือผู้เล่นมีอิสระในการเลือกว่าจะเล่นเกมอย่างไร[14] อย่างไรก็ตามก็มีระบบอะชีฟเมนต์ (Achievement)[15] เกมการเล่นโดยค่าเริ่มต้นจะเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่ผู้เล่นก็สามารถปรับเป็นมุมมองบุคคลที่สามได้[16] เกมการเล่นหลัก ๆ ของเกมนี้จะเกี่ยวกับการทำลายและวางบล็อก โดยโลกของเกมนี้ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็น 3 มิติ (โดยส่วนใหญ่จะเป็นลูกบาศก์) จัดเรียงในรูปแบบของตารางและบล็อกเหล่านั้นจะแทนเป็นวัสดุต่าง ๆ เช่น ดิน หิน แร่ต่าง ๆ น้ำ ลาวา ลำต้นของต้นไม้ เป็นต้น ในขณะที่ผู้เล่นสามารถเดินทางได้อย่างอิสระรอบ ๆ โลก แต่วัตถุต่าง ๆ จะสามารถถูกวางไว้ในรูปแบบของตารางที่กำหนดไว้เท่านั้น ผู้เล่นสามารถเก็บวัตถุเหล่านี้และวางมันในที่ที่ผู้เล่นต้องการได้[17]
ณ จุดเริ่มต้นของเกมผู้เล่นจะถูกสุ่มเกิดบนพื้นผิวโลก ซึ่งนั้นโลกไม่มีที่สิ้นสุด[18] โลกจะถูกแบ่งเป็นเขตไบโอมตั้งแต่ทะเลทรายไปจนถึงป่าและทุ่งหิมะ[19][20] ผู้เล่นสามารถเดินทางข้ามภูมิประเทศต่าง ๆ ได้ ซึ่งประกอบไปด้วยที่ราบ ภูเขา ป่า ถ้ำ และแหล่งน้ำต่าง ๆ[18] ระบบเวลาในเกมนี้จะประกอบไปด้วยรอบกลางวันและกลางคืน 1 รอบ (กลางวันและกลางคืน) จะใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในชีวิตจริง ตลอดในเส้นทางของเกมผู้เล่นจะได้พบตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุม (Non-player character หรือ NPC) ซึ่งเรียกว่า ม็อบ ประกอบไปด้วยสัตว์ ชาวบ้าน (Villager) และสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตร[21] สัตว์ที่เป็นมิตร เช่น วัว หมู และไก่ สามารถฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหารหรือส่วนผสมสำหรับการคราฟต์ได้ ซึ่งพวกมันจะเกิด (Spawn) ในเวลากลางวัน ในตรงกันข้ามม็อบที่ไม่เป็นมิตร เช่น แมงมุม สเกเลตัน (โครงกระดูก) และซอมบี จะเกิดในตอนกลางคืนหรือที่มืด เช่น ถ้ำ[18] สิ่งมีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ในไมน์คราฟต์บางตัวได้รับการตั้งข้อสังเกตโดยนักวิจารณ์ เช่น ครีปเปอร์ (Creeper) สิ่งมีชีวิตที่ระเบิดได้ ซึ่งมันจะย่องมาหาผู้เล่น เอนเดอร์แมน (Enderman) สิ่งมีชีวิตที่มีความสามารถในการเทเลพอร์ต (Teleport) และหยิบบล็อก[22]
โลกของเกมนี้จะถูกสร้างเพิ่มขึ้นขณะที่ผู้เล่นสำรวจมัน[23][24] ถึงแม้ว่ามันจะมีการจำกัดในการขึ้นและลง แต่ถ้าดูตามแนวนอนแล้วพื้นจะมีไม่มีจำกัด แต่มันจะมีปัญหาทางเทคนิคเมื่อเราไปในสถานที่ที่ไกลมาก ๆ[23] เกมนี้จะแบ่งข้อมูลโลกเป็นส่วนเล็ก ๆ ที่เรียกว่า "ชังก์" (Chunk) ซึ่งข้อมูลนี้จะถูกสร้างหรือโหลดในหน่วยความจำก็ต่อเมื่อผู้เล่นอยู่ใกล้ ๆ บริเวณนั้นเท่านั้น[23]
ระบบฟิสิกส์ของเกมนี้มักได้ถูกวิจารณ์จากนักวิจารณ์ว่าไม่มีความสมจริง[25] คือ บล็อกส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบจากแรงดึงดูด ของเหลวไหลจากบล็อกที่เป็นจุดกำเนิด ซึ่งสามารถนำมันออกโดยการวางบล็อกตรงบล็อกที่เป็นจุดกำเนิดหรือใช้ถังตักมัน ระบบที่ซับซ้อนสามารถถูกสร้างได้จากอุปกรณ์เครื่องจักรกลพื้นฐาน วงจรไฟฟ้า และลอจิกเกตในเกมที่เรียกกว่า เรดสโตน (Redstone)[26]
ไมน์คราฟต์ มีอีก 2 มิติที่นอกเหนือจากโลกหลักนั้นคือ เนเธอร์ (Nether) หรือนรก และดิเอนด์ (The End)[22] เนเธอร์เป็นมิติที่เหมือนนรก ซึ่งผู้เล่นสามารถไปมิตินี้ได้โดยผ่านทางพอร์ทัล (Portal) ที่ผู้เล่นที่สร้างขึ้น ในนั้นจะมีทรัพยากรที่เป็นเอกลักษณ์มากมาย และมิตินี้ยังสามารถใช้ในการเดินทางระยะไกล ๆ ในโลกปกติได้ (ใช้ย่นระยะทางได้)[27] ดิเอนเป็นดินแดนที่แห้งแล้งซึ่งมีบอสมังกรที่เรียกว่า เอนเดอร์ดรากอน (Ender Dragon) อยู่[28] การฆ่ามังกรนั้นจะนำไปสู่เครดิตตอนจบเกม ซึ่งเขียนโดยนักเขียนชาวไอริช จูเลียน กอฟ[29] ต่อจากนั้นผู้เล่นก็จะสามารถกลับไปยังจุดเกิด (Spawn Point) ดั้งเดิมที่โลกปกติได้และจะบรรลุ "The End" นอกจากนี้ยังมีบอสตัวที่สองที่เรียกว่า "วิเธอร์" (Wither) ซึ่งเมื่อฆ่ามันได้แล้วมันจะปล่อยทิ้งวัสดุที่จำเป็นสำหรับสร้างดวงประทีป (Beacon) ซึ่งมันสามารถเสริมความสามารถของผู้เล่นได้เมื่ออยู่ใกล้ ๆ มัน
เกมนี้ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วย 4 โหมด : เอาชีวิตรอด ความคิดสร้างสรรค์ ผจญภัย และผู้ชม และมันก็ยังสามารถเปลี่ยนความยาก (Difficulty) ได้ 4 ระดับ; ความยากระดับง่ายที่สุด (ปลอดภัย (Peaceful)) จะป้องกันไม่ให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นมิตรเกิดได้[30]
โหมดเอาชีวิตรอด
โหมดนี้ผู้เล่นจะต้องเก็บรวบรวมทรัพยากรธรรมชาติ (เช่น ไม้ หิน) ที่พบตามสิ่งแวดล้อมเพื่อที่จะนำมาคราฟต์เป็นบล็อกหรือสิ่งของบางชนิด[18] ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาก คือมอนสเตอร์จะเกิดในที่มืดที่ห่าง ๆ จากผู้เล่น ฉะนั้นแล้วผู้เล่นควรที่จะสร้างที่พักในช่วงเวลากลางคืน[18] ในโหมดนี้จะมีหลอดเลือดด้วย ซึ่งหลอดนี้จะลดลงก็ต่อเมื่อถูกโจมตีจากมอนสเตอร์ ตกจากที่สูง จมน้ำ ตกลงไปในลาวา หายใจไม่ออก ความหิว และกิจกรรมอื่น ๆ ผู้เล่นก็จะมีหลอดความหิวด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสามารถเติมหลอดนี้ได้ด้วยการกินอาหารในเกม ยกเว้นในโหมดความยาก "ปลอดภัย" (Peaceful) หลอดอาหารในความยากนี้จะไม่ลดลงเลย ถ้าหลอดอาหารไม่เต็มการเพิ่มเลือดจะถูกหยุดโดยอัตโนมัติและในที่สุดเลือดก็จะลดลงนั้นเอง เลือดจะเพิ่มได้ก็ต่อเมื่อหลอดอาอาหารเต็ม แต่ในโหมดความยาก "ปลอดภัย" เลือดจะเพิ่มขึ้นทันทีไม่ว่าหลอดอาหารจะเต็มหรือไม่
มีของมากมายในที่ผู้เล่นสามารถคราฟต์ได้ใน ไมน์คราฟต์ [31] ผู้เล่นสามารถคราฟต์ชุดเกราะเพื่อนำมาบรรเทาความเสียหายจากการโจมตีได้ ในขณะที่อาวุธ เช่น ดาบ สามารถถูกนำมาคราฟต์เพื่อทำให้ฆ่าศัตรูและสัตว์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ผู้เล่นก็สามารถนำทรัพยากรมาคราฟต์เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน เช่น ขวาน พลั่ว หรือที่ขุด เพื่อที่จะนำมาตัดต้นไม้ ขุดดิน และขุดแร่ตามลำดับ; อุปกรณ์ที่ทำจากเหล็กจะสามารถทำให้ใช้งานได้เร็วกว่าอุปกรณ์ที่ทำจากหินหรือไม้ และมันก็สามารถใช้ได้นานขึ้นด้วย ผู้เล่นก็สามารถแลกของกับชาวบ้าน (Villager) ได้เช่นกันด้วยระบบค้าขายที่เกี่ยวข้องกับมรกต เพื่อที่จะแลกของต่าง ๆ[32] ส่วนใหญ่ชาวบ้านมักจะแลกของโดยใช้มรกต ข้าว หรือวัสดุอื่น ๆ[21][32]
เกมนี้มีระบบช่องเก็บของ (Inventory) และผู้เล่นสามารถใส่ของได้ในจำนวนที่จำกัด เมื่อผู้เล่นตายของในตัวผู้เล่นจะถูกปล่อยทิ้งและผู้เล่นจะไปเกิดใหม่ ณ จุดเกิดปัจจุบัน ซึ่งจุดเกิดค่าเริ่มต้นคือตรงที่ผู้เล่นเกิดครั้งแรก แต่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนจุดเกิดได้โดยการนอนที่เตียง[33] ของที่ตกอยู่ที่พื้นสามารถได้คืนได้ถ้าผู้เล่นไปเก็บก่อนที่มันจะหายไป (ดีสปอว์น) (Despawn) ผู้เล่นสามารถได้ค่าประสบการณ์ จากการฆ่าม็อบและผู้เล่นคนอื่น ๆ, การขุดแร่, การเผา (ถลุง) แร่, การผสมพันธุ์สัตว์ และการทำอาหาร ค่าประสบการณ์จะถูกใช้เมื่อทำการเอ็นชานต์ (Enchant) อุปกรณ์ ขุดเกราะ และอาวุธ[30] โดยทั่วไปแล้วของที่เอ็นชาต์แล้วจะทำให้ของนั้นมีพลังมากขึ้น ใช้ได้นานขึ้น หรือมีการใช้พิเศษ[30]
โหมดฮาร์ดคอร์
ในโหมดนี้การเล่นจะเหมือนกับโหมดเอาชีวิตรอดแต่มันจะเป็นโหมดที่ยากที่สุด เพราะถ้าหากผู้เล่นตายแล้วจะไม่สามารถเกิดใหม่ได้ (ตายอย่างถาวร); เมื่อผู้เล่นตายแล้วโลกนั้นจะถูกลบด้วย[34] ถ้าผู้เล่นตายในเซิร์ฟเวอร์ที่เป็นโหมดฮาร์ดคอร์ ผู้เล่นจะถูกแบน (Ban) จากเซิร์ฟเวอร์นั้นทันที
โหมดความคิดสร้างสรรค์
ในโหมดความคิดสร้างสรรค์ผู้เล่นจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรและของทุกอย่างในเกมผ่านช่องเก็บของ และผู้เล่นสามารถหยิบของแล้วนำออกมาวางได้ทันที[35] ผู้เล่นจะสามารถบินได้อย่างอิสระรอบ ๆ โลก และจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ความเสียหายจากม็อบ และความหิว[36][37] โหมดนี้จะช่วยให้ผู้เล่นมุ่งเน้นไปที่การสร้างสิ่งก่อสร้างและสร้างโปรเจกต์ที่ใหญ่ ๆ ได้นั้นเอง[35]
โหมดผจญภัย
โหมดผจญภัยได้ถูกเพิ่มเข้ามาใน ไมน์คราฟต์ รุ่น 1.3; มันได้รับการออกแบบมาเฉพาะที่จะให้ผู้เล่นได้เล่นและผจญภัยไปในแมปของผู้เล่นคนอื่น[38][39][40] เกมการเล่นจะคล้ายกับโหมดเอาชีวิตรอด แต่ผู้เล่นจะมีข้อจำกัด ซึ่งข้อจำกัดนี้ก็แล้วแต่ผู้สร้างแมปจะกำหนดขึ้น ดังนั้นนี่จะทำให้ผู้เล่นจะได้รับของที่จำเป็นและประสบการณ์ในการผจญภัยในทางที่ผู้สร้างแมปได้ตั้งใจไว้[40] นอกจากนี้ในการออกแบบแมปจะมีการใช้คอมมานด์บล็อก (Command); บล็อกนี้จะทำให้ผู้สร้างแมปได้เพิ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นผ่านทางคำสั่งต่าง ๆ ของบล็อกนี้[41]
โหมดผู้ชม
โหมดผู้ชมจะทำให้ผู้เล่นสามารถบินไปได้รอบ ๆ ทะลุบล็อก และดูผู้เล่นคนอื่นเล่นโดยที่ไม่มีผลกระทบต่อกัน โหมดนี้ตรงรายการฮอตบาร์ (Hotbar) จะสามารถทำให้ผู้เล่นเทเลพอร์ต (Teleport) ไปหาผู้เล่นคนอื่นได้ และสามารถมองในมุมมองของผู้เล่นคนอื่นหรือสิ่งมีชีวิตอื่นได้ บางทีมุมมองของสิ่งมีชีวิตอื่นอาจจะแตกต่างกับมุมมองของผู้เล่นก็ได้[42]
โหมดหลายผู้เล่น (Multiplayer)
โหมดหลายผู้เล่นใน ไมน์คราฟต์ จะใช้ได้โดยผ่านผู้เล่นโฮสต์ (Host) และธุรกิจโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ และช่วยให้ผู้เล่นมีปฏิสัมพันธ์และสื่อสารซึ่งกันและกันในดลกเดียวกัน[43] ผู้เล่นสามารถเปิดเซิร์ฟเวอร์เป็นของตัวเองได้หรือใช้บริการผู้ให้บริการโฮสติง โลกผู้เล่นคนเดี่ยวจะมีข่ายงานบริเวณเฉพาะที่สนับสนุนอยู่ ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้เล่นเข้าร่วมโลกบนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันได้โดยที่ไม่ต้องตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด[44] ไมน์คราฟต์ เซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นจะถูกควบคุมโดยเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ คนที่สามารถเข้าถึงคำสั่งของเซิร์ฟเวอร์ได้ เช่น การตั้งค่าเวลาและการเทเลพอร์ตผู้เล่น เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ก็สามารถตั้งไม่ให้ผู้เล่นชื่อนี้หรือเลขที่อยู่ไอพีนี้ไม่ให้สามารถเข้าเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยเช่นกัน[43] เซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นจำนำเสอนกิจกรรมที่หลากหลายด้วยบางเซิร์ฟเวอร์ที่มีกฎที่เป็นเอกลักษณ์และกฎที่กำหนดเอง ผู้เล่นต่อสู้กับผู้เล่น ก็สามารถที่จะเปิดได้เพื่อที่จะให้ผู้เล่นได้ต่อสู้กัน[45] หลาย ๆ เซิร์ฟเวอร์ในปัจจุบันนี้ได้มีปลั๊กอินที่สามารถทำให้ผู้เล่นและเซิร์ฟเวอร์ทำสิ่งต่าง ๆ ที่แตกต่างไปจากปกติ ในปี ค.ศ. 2003 มูแยงได้ประกาศตัวไมน์คราฟต์เร็ลมส์ (Minecraft Realms) บริการเปิดเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถทำให้ผู้เล่นดำเนินงานเซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นได้ง่ายและปลอยภัยโดยที่จะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์เลย[46] เร็ลมส์นั้นแตกต่างจากเซิร์ฟเวอร์ทั่ว ๆ ไปนั้นคือ การที่เราสามารถเชิญผู้เล่นให้เข้ามาเล่นในเซิร์ฟเวอร์ของเราได้เลย โดยที่เขาไม่ต้องใช้ไอพีของเซิร์ฟเวอร์เลย เจ้าของเซิร์ฟเวอร์เร็ลมส์สามารถเชิญผู้เล่นได้ถึง 20 คนในการเข้าร่วมเล่นในเซิร์ฟเวอร์; อย่างไรก็ตามเซิร์ฟเวอร์สามารถรองรับผู้เล่นออนไลน์ได้แค่ 10 คนเท่านั้นและไม่รองรับปลั๊กอินที่ผู้เล่นทำ ที่ประกาศในงานอิเล็กทรอนิกส์เอ็นเตอร์เทนเมนต์เอ็กซ์โป 2016 เร็ลมส์จะสามารถทำให้ ไมน์คราฟต์ รองรับการเล่นแบบข้ามแพลตฟอร์มระหว่างรุ่นวินโดวส์ 10, ไอโอเอส และแอนดรอยด์ได้ โดยได้เริ่มตอนเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2016 ต่อมาได้รองรับกับเอกซ์บอกซ์วันและในที่สุดก็สามารถรองรับกับอุปกรณ์ความเป็นจริงเสมือน (virtual reality) ได้[47]
พัฒนาการ
มาร์คุส แพร์สซอน เริ่มพัฒนาเกมนี้เหมือนโครงงานโครงงานหนึ่ง[48] เขาได้แรงบันดาลใจที่จะสร้าง ไมน์คราฟต์ จากหลาย ๆ เกม เช่น วาร์ฟฟอร์เทรส, ดันเจี้ยนคีปเปอร์ และ อินฟินิไมเนอร์ ในเวลานั้นเขามองเห็นว่าสิ่งก่อสร้าง 3 มิตินั้นเป็นแรงบันดาลใจของเขาและผสมผสานกันระหว่างความคิดต้นแบบของเขา[48] อินฟินิไมเนอร์ มีอิทธิผลอย่างมากกับรูปแบบเกมการเล่น รวมไปถึงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง รูปแบบของภาพ และบล็อกพื้นฐานของเกมนี้ อย่างไรก็ตามก็ไม่เหมือนกับ อินฟินิไมเนอร์ แพร์สซอนอยากให้ ไมน์คราฟต์ มีองค์ประกอบของเกมเล่นตามบทบาท (Role-playing game หรือ RPG)[49]
ไมน์คราฟต์ เปิดตัวแก่สาธารณชนครั้งแรกเมื่อ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 โดยได้เปิดตัวที่ทีไอจีซอร์สฟอรัมส์ (TIGSource forums)[50] ต่อมาได้เป็นที่รู้จักกันในนามรุ่น คลาสสิก (Classic) และต่อมารุ่นเซอร์ไวเวิลเทสต์ (Survival Test), อินเดฟ (Indev) และอินฟ์เดฟ (Infdev) ก็จะได้ถูกปล่อยออกมาในช่วงระหว่างเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 กับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 ถึงแม้ว่าตอนแรกแพร์สซอนจะทำงานกับแจลบัมดอตเน็ต (Jalbum.net) ต่อมาเขาก็ได้ลาออกเพื่อที่จะมาทำงานเกี่ยวกับ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มเวลาในช่วงเวลาที่ยอดขายของรุ่นแอลฟา (Alpha) ได้เพิ่มขึ้น[51] แพร์สซอนได้ดำเนินอัปเดตเกมแล้วปล่อยให้กับผู้เล่นโดยอัตโนมัติ ซึ่งอัปเดตประกอบไปด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น ของใหม่ บล็อกใหม่ ม็อบใหม่ โหมดเอาชีวิตรอด การเปลี่ยนรูปแบบบางอย่างของเกม (เช่น การไหลของน้ำ)[51]
กลับมาที่พัฒนาการของ ไมน์คราฟต์ แพร์สซอนได้ก่อตั้งบริษัทวิดีโอเกมนั่นคือบริษัทมูแยง ด้วยเงินที่เขาได้รับจากเกม[52][53][54] ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 แพร์สซอนได้ประกาศว่า ไมน์คราฟต์ จะเข้าสู่ช่วงการทดสอบบีตา (Beta) ของมันในวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2010[55] เขายังได้ระบุว่าผู้เล่นที่ซื้อเกมหลังวันดังกล่าวจะไม่ได้รับประกันว่าจะได้รับเนื้อหาทั้งหมดในอนาคตโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในขณะที่มัน "กลัวทั้งทนายความและคณะกรรมการ" อย่างไรก็ตามการแก้ไขข้อบกพร่องหรือบั๊ก และอัปเดตทั้งหมด รวมไปถึงการวางจำหน่ายก็ยังฟรีอยู่ ในช่วงของการพัฒนามูแยงได้จ้างพนักงานใหม่จำนวนมากเพื่อที่จะทำงานในโครงงานนี้[56]
มูแยงได้ย้ายเกมจากรุ่นบีตาและวางจำหน่ายรุ่นเต็มในวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[57] เกมก็จะได้อัปเดตต่อไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ได้มีการวางจำหน่าย การเปลี่ยนแปลงมีไปตั้งแต่รูปแบบเกมจนไปถึงระบบเซิร์ฟเวอร์[58] ในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 2011 แยนส์ "แย็บ" แบร์แกนสแตน ได้ควบคุมด้านความคิดสร้างสรรค์ของ ไมน์คราฟต์ อย่างเต็มรูปแบบ โดยให้แพร์สซอนไปเป็นผู้นำในการพัฒนาแทน[59] ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 มูแยงได้ประกาศว่าพวกเขาได้จ้างนักพัฒนาของ "คราฟต์บักกิต" (CraftBukkit)[45] แพลตฟอร์มเซิร์ฟเวอร์ชื่อดัง มาเพื่อที่จะมาปรับปรุงให้ ไมน์คราฟต์ รองรับกับเซิร์ฟเวอร์ม็อด[60] การเข้าซื้อครั้งในนี้ยังช่วยให้มูแยงเป็นเจ้าของม็อดคราฟต์บักกิตอย่างเต็มรูปแบบ[61] ถึงแม้ว่าความถูกต้องของการเรียกร้องนี้ได้ถูกถามเนื่องจากสถานะของการเป็นโครงการโอเพนซอร์ซกับผู้สนับสนุนอีกมากมาย ได้รับอนุญาตภายใต้สัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปของกนู และสัญญาอนุญาตสาธารณะทั่วไปแบบผ่อนปรนของกนู[62] ในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2014 ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศข้อตกลงเงินจำนวน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะซื้อบริษัทมูแยงและเจ้าของลิขสิทธิ์ ไมน์คราฟต์ ข้อตกลงนี้ได้ถูกเสนอแนะโดยแพร์สซอนเมื่อเขาได้โพสต์ทวีตถามบริษัทที่จะซื้อหุ้นเกมของเขา หลังได้รับคำวิจารณ์ว่า "พยายามที่จะทำสิ่งที่ถูกต้อง" ทั้งหมดได้เสร็จสิ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2014 และทำให้แพร์สซอนนั้นไปสู่การเป็นหนึ่งใน "มหาเศรษฐีของโลก" ในนิตยสารฟอบส์[63][64][65][66][67]
เกี่ยวกับเสียง
เพลงของ ไมน์คราฟต์ และเสียงประกอบถูกสร้างโดยนักออกแบบเสียงชาวเยอรมัน แดเนียล "ซีโฟว์เอททีน" โรเซนเฟลด์ (Daniel "C418" Rosenfeld)[68] ดนตรีประกอบฉากใน ไมน์คราฟต์ เป็นดนตรีแอมเบียนต์ที่ไม่ได้เป็นเพลง
เกมภาคเสริม
ไมน์คราฟต์: สตอรีโหมด
ไมน์คราฟต์: สตอรีโหมด (อังกฤษ: Minecraft: Story Mode) คือ เกมภาคเสริมที่เป็นฉาก ๆ ที่พัฒนาโดยเทลล์เทลเกมส์ (Telltale Games) ร่วมมือกับมูแยง ซึ่งถูกประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2014 ประกอบไปด้วย 5 ตอนและ 3 ตอนที่สามารถดาวน์โหลดได้เพิ่มเติม โดยเนื้อหาของเกมนี้จะเกี่ยวกับการเล่าเรื่องและให้ผู้เล่นเลือกตัวเลือก และมันได้ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดผ่านทางไมโครซอฟท์วินโดวส์, โอเอสเทน, ไอโอเอส, เพลย์สเตชัน 3, เพลย์สเตชัน 4, เอกซ์บอกซ์ 360 และเอกซ์บอกซ์วันในวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2015[69][70][71] แผ่นที่บรรจุตอนทั้งหมดได้ถูกปล่อยให้คอนโซล 4 รุ่นดังกล่าวในวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 2015[71] รุ่นวียูก็ได้ถูกรับการยืนยันด้วยเช่นกับในการสัมภาษณ์ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2015 กับเดอะเวิร์จ[72] ตัวอย่างแรกของเกมนี้ได้เปิดตัวที่งานมานคอน (MineCon) ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ซึ่งเผยให้เห็นฟีเจอร์บางอย่างของเกม ในไมน์คราฟต์: สตอรีโหมดผู้เล่นจะควบคุมตัวละครที่ชื่อ เจสซี (Jesse) (ให้เสียงโดย แพตตัน ออสวอลต์ และแคทเธอรีน เทเบอร์)[71] ผู้ซึ่งออกเดินทางกับเพื่อนของเขาเพื่อไปตามหาดิออร์เดอร์ออฟเดอะสโตน (The Order of the Stone) (เขาคือนักผจญภัยทั้ง 4 ที่สามารถฆ่าเอนเดอร์ดรากอน (Ender Dragon) ได้) ให้กลับมารวมตัวกันเพื่อที่จะมาช่วยโลก[73]
ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษา
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2016 ไมโครซอฟท์ได้ประกาศเครื่องมือใหม่ที่ใช้สำหรับการศึกษาที่เรียกว่า ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษา (อังกฤษ: Minecraft: Education Edition) หรือไมน์คราฟต์อีดียู (อังกฤษ: MinecraftEDU) ซึ่งมีแผนที่จะวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 2016 ไมน์คราฟต์ ได้ถูกใช้ในห้องเรียนทั่วโลกสำหรับสอนวิชาตั้งแต่แกนหลักของสะเต็มไปจนถึงศิลปะ ไมน์คราฟต์: รุ่นสำหรับการศึกษาจะถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ในห้องเรียนโดยเฉพาะ รุ่นสำหรับการศึกษานี้จะให้อุปกรณ์แก่ครูผู้สอนที่พวกเขาต้องใช้ใน ไมน์คราฟต์ แบบพื้นฐานในชีวิตประจำ
มีข้อแตกต่างเล็กน้อยระหว่าง ไมน์คราฟต์ และไมน์คราฟต์อีดียู แต่มีแนวคิดหลักและโลกที่เปิดกว้างเหมือนกัน ตัวละครนักเรียนในไมน์คราฟต์อีดียูจะสามารถรักษาคุณสมบัติต่าง ๆ ได้ นักเรียนก็จะสามารถดาวน์โหลดเกมได้ที่บ้านได้ด้วยเช่นกันโดยไม่ต้องซื้อรุ่นของเกมมาเป็นของตัวเอง สุดท้ายสิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดคือ นักเรียนสามารถถ่ายภาพในเกมได้ ซึ่งภาพเหล่านั้นจะถูกเก็บในโน้ตบุ๊กออนไลน์ที่มีบันทึกออนไลน์ โดยที่โน้ตบุ๊กออนไลน์เหล่านั้นจะสามารถแชร์ไปให้นักเรียนคนอื่นได้[74]
อ้างอิง
- ↑ Goldfarb, Andrew (12 January 2017). "Minecraft Confirmed for Nintendo Switch".
- ↑ "Minecraft". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ "Minecraft – Pocket Edition – Android". IGN. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ "Minecraft: Pocket Edition". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 21 October 2012.
- ↑ Brown, Mark (22 March 2012). "Minecraft for Xbox 360 release date announced, amongst others". Wired UK. สืบค้นเมื่อ 22 October 2012.
- ↑ "Minecraft Raspberry Pi". Mojang. สืบค้นเมื่อ 27 March 2013.
- ↑ Pitcher, Jenna. "Minecraft PS4 Edition Release Date Confirmed". IGN. IGN Entertainment, Inc. สืบค้นเมื่อ 3 October 2014.
- ↑ "Minecraft for Xbox One to launch on Friday". CNET. สืบค้นเมื่อ 13 October 2014.
- ↑ "Minecraft: PS Vita Edition Release Date Revealed for North America". IGN. สืบค้นเมื่อ 13 October 2014.
- ↑ "Minecraft Comes to Windows Phones". Mojang.
- ↑ "Announcing Minecraft Windows 10 Edition Beta".
- ↑ Makuch, Eddie (7 December 2015). "Minecraft Wii U Confirmed, Coming Very Soon". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 8 December 2015.
- ↑ "minecraft.net - Apple TV Edition released!". สืบค้นเมื่อ 30 December 2016.
- ↑ Gallegos, Anthony. "Minecraft Review — PC Review at IGN". IGN. สืบค้นเมื่อ 18 December 2011.
- ↑ Meer, Alec (30 March 2011). "Minecraft:Wolves, Achievements, Mods, Merch". Rock, Paper, Shotgun. Rock, Paper, Shotgun, Ltd. สืบค้นเมื่อ 26 March 2015.
- ↑ Purchese, Robert (23 November 2011). "Minecraft 1.0 launch patch notes". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ Ashdown, Jeremy (11 November 2010). "This is Minecraft". IGN. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 18.0 18.1 18.2 18.3 18.4 Miller-Watt, Josh. "Minecraft beginner's guide". GamesRadar. Future plc. สืบค้นเมื่อ 24 October 2012.
- ↑ Meer, Alec (27 October 2010). "BiomeShock: The New Minecraft Worlds". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ Phillips, Tom (20 January 2012). "Minecraft jungle biome, creatures coming soon". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 21.0 21.1 Senior, Tom (24 May 2012). "Minecraft update snapshot includes trading, currency, new item and sandstone stairs". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ 22.0 22.1 Meer, Alec (18 November 2011). "Minecraft Review • Reviews •". Eurogamer. Eurogamer Network. สืบค้นเมื่อ 18 December 2011.
- ↑ 23.0 23.1 23.2 Persson, Markus (10 March 2011). "Terrain generation, Part 1". Mojang. สืบค้นเมื่อ 24 October 2010.
- ↑ Bergensten, Jens (23 February 2011). "A Short Demystification of the 'Map Seed'". Mojang. สืบค้นเมื่อ 6 October 2012.
- ↑ Walton, Mark (25 November 2012). "Minecraft In Education: How Video Games Are Teaching Kids". GameSpot. CBS Interactive. สืบค้นเมื่อ 15 December 2012.
- ↑ Tito, Greg (4 October 2010). "Player Creates Working Computer in Minecraft". The Escapist. Alloy Digital. สืบค้นเมื่อ 4 January 2011.
- ↑ Francis, Tom (10 October 2010). "A clearer look at Minecraft's new hell dimension". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 30 October 2012.
- ↑ Liebl, Matt. "Minecraft: The End, Ender Dragons, and Goop Portal All Explained". GameZone. GameZone Online. สืบค้นเมื่อ 31 October 2012.
- ↑ Chatfield, Tom (9 January 2012). "Ending an endless game: an interview with Julian Gough, author of Minecraft's epic finale". Boing Boing. สืบค้นเมื่อ 13 January 2012.
- ↑ 30.0 30.1 30.2 Boots-Faubert, Chris. ""Controls and Settings – Minecraft". Super Cheats. Videogamer Network. สืบค้นเมื่อ 3 January 2013.
- ↑ Marriott, Scott. "Minecraft Review". About.com. InterActiveCorp. สืบค้นเมื่อ 10 November 2012.
- ↑ 32.0 32.1 Brown, Mark (6 July 2012). "Gaming Minecraft update combines single and multiplayer, adds trading and tripwires". Wired UK. สืบค้นเมื่อ 21 November 2012.
- ↑ Walker, John (18 February 2011). "Minecraft Is Getting Ready For Bed". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 2 January 2013.
- ↑ "Minecraft hardcore mode teased. When you die, the world dies with you". PC Gamer. Future plc. 23 September 2011. สืบค้นเมื่อ 25 September 2012.
- ↑ 35.0 35.1 Steinlage, Tate (26 September 2012). "Creative Mode coming to Minecraft: Xbox 360 Edition". GameZone. GameZone Online. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Haley, Sebastian (5 September 2012). "Creative Mode 'weeks away' for Minecraft: Xbox 360 Edition". VentureBeat. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Evans-Thirlwell, Edwin (5 September 2012). "Minecraft Xbox 360 update: Creative Mode still "weeks away", 4J dresses Cliffy B up as Creeper". Official Xbox Magazine. Future plc. สืบค้นเมื่อ 1 December 2012.
- ↑ Savage, Phil. "The 25 best Minecraft custom maps". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 28 October 2012.
- ↑ Grayson, Nathan (6 July 2012). "Minecraft 1.3 Adding LAN, Adventure Mode In August". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 4 January 2013.
- ↑ 40.0 40.1 Walker, John (1 August 2012). "Minecraft Updates To 1.3 With Adventure Mode, Trading". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 4 January 2013.
- ↑ Gallegos, Anthony. "Minecraft Adding New Block". IGN. สืบค้นเมื่อ 28 October 2012.
- ↑ "Spectator". Minecraft Wiki. Gamepedia.
- ↑ 43.0 43.1 Hutchinson, Lee (10 September 2012). "Blocks with friends: How to run your own Minecraft server". Ars Technica. pp. 1–4. สืบค้นเมื่อ 24 November 2012.
- ↑ Meer, Alec (18 June 2012). "Modern! Minecraft Adds 'Local Area Network' Support". Rock, Paper, Shotgun. สืบค้นเมื่อ 25 September 2012.
- ↑ 45.0 45.1 Davies, Marsh (24 November 2012). "The Future of Minecraft: what lies ahead for the all-conquering sandbox game?". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 24 November 2012.
- ↑ "Minecraft Realms hopes to make an increasingly complex game more family-friendly". Polygon. สืบค้นเมื่อ 26 March 2013.
- ↑ Frank, Allegra (13 June 2016). "Minecraft gets cross-platform play later this year". Polygon. สืบค้นเมื่อ 13 June 2016.
- ↑ 48.0 48.1 Handy, Alex (23 March 2010). "Interview: Markus 'Notch' Persson Talks Making Minecraft". Gamasutra. สืบค้นเมื่อ 26 June 2010.
- ↑ Davies, Marsh (10 November 2012). "Blockbuster – The Making of Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 20 December 2012.
- ↑ Smith, Graham (6 February 2012). "The First Moments of Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 1 January 2013.
- ↑ 51.0 51.1 McDougal, Jaz (29 July 2010). "Community heroes: Notch, for Minecraft". PC Gamer. Future plc. สืบค้นเมื่อ 3 August 2010.
- ↑ Cheshire, Tom (6 June 2012). "Changing the game: how Notch made Minecraft a cult hit". Wired UK. สืบค้นเมื่อ 18 October 2012.
- ↑ Persson, Markus (28 September 2010). "I'm sorry about the lack of updates". Mojang. สืบค้นเมื่อ 18 October 2010.
- ↑ Persson, Markus (6 September 2010). "Hiring some people, getting an office, and all that!". Mojang. สืบค้นเมื่อ 6 September 2010.
- ↑ Persson, Markus (11 December 2010). "Minecraft Beta: December 20, 2010". Mojang. สืบค้นเมื่อ 21 December 2010.
- ↑ Persson, Markus (3 January 2011). "2011, here we go!". Mojang. สืบค้นเมื่อ 3 January 2011.
- ↑ Fernandez, Carlo (17 November 2012). "Minecraft Full Version Available; MineCon Live Streaming". International Business Times. สืบค้นเมื่อ 17 October 2012.
- ↑ Persson, Markus (18 January 2011). "The web server is struggling, we're migrating". Mojang.
- ↑ Persson, Markus (2 December 2011). "Och med dom orden så passar jag micken". The Word of Notch. Mojang. สืบค้นเมื่อ 2 December 2011.
- ↑ Bergensten, Jens (28 February 2012). "Minecraft Team Strengthened!". Mojang. สืบค้นเมื่อ 22 September 2013.
- ↑ "Minecraft Bukkit team lead tries to end development, but Mojang steps in". PC Gamer. 21 August 2014.
- ↑ "Minecraft's CraftBukkit mod taken down by DMCA claim". games.on.net. สืบค้นเมื่อ 17 September 2014.
- ↑ Peckham, Matt (15 September 2014). "Minecraft Is Now Part of Microsoft, and It Only Cost $2.5 Billion". Time. สืบค้นเมื่อ 15 September 2014.
- ↑ Bass, Dina (15 September 2014). "Microsoft to Buy Minecraft Maker Mojang for $2.5 Billion". Bloomberg Business. สืบค้นเมื่อ 16 September 2014.
- ↑ Sarkar, Samit (6 November 2014). "Microsoft officially owns Minecraft and developer Mojang now". Polygon. Vox Media.
- ↑ Bogart, Nicole. "Updated: September 15, 2014 8:35 pm Microsoft acquires 'Minecraft' maker for $2.5 billion". Global News. Shaw Media. สืบค้นเมื่อ 2 May 2015.
- ↑ Mac, Ryan (3 March 2015). "Inside The Post-Minecraft Life Of Billionaire Gamer God Markus Persson". Forbes. สืบค้นเมื่อ 25 March 2015.
- ↑ "Minecraft.net Credits". Mojang. สืบค้นเมื่อ 1 January 2013.
- ↑ "Telltale and Mojang Announce Minecraft: Story Mode". IGN. Ziff Davis. 18 December 2014.
- ↑ "Minecraft: Story Mode is an episodic series from Telltale". Eurogamer. Gamer Network. 18 December 2014.
- ↑ 71.0 71.1 71.2 Good, Owen S. (16 September 2015). "Telltale's Minecraft game launches Oct. 13, will have a physical release". Polygon. Vox Media. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 September 2015. สืบค้นเมื่อ 16 September 2015.
{{cite web}}
: ไม่รู้จักพารามิเตอร์|deadurl=
ถูกละเว้น แนะนำ (|url-status=
) (help) - ↑ Webster, Andrew (26 August 2015). "Giving Minecraft a story". The Verge. สืบค้นเมื่อ 27 August 2015.
- ↑ Albert, Brian (4 July 2015). "First Minecraft: Story Mode Details Revealed at Minecon". IGN. Ziff Davis. สืบค้นเมื่อ 4 July 2015.
- ↑ Kelion, Leo (19 January 2016). "Minecraft to launch education edition". BBC. สืบค้นเมื่อ 19 January 2016.
แหล่งข้อมูลอื่น
- ไมน์คราฟต์
- วิดีโอเกมที่ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2554
- เกมสำหรับแอนดรอยด์
- เกมจำลองการก่อสร้างและการจัดการ
- เกมที่กำลังพัฒนา
- วิดีโอเกมอินดี้
- เกมสำหรับไอโอเอส
- เกมแพลตฟอร์มจาวา
- เกมสำหรับไคเนกต์
- เกมสำหรับลินุกซ์
- เกมในระบบแมคโอเอส
- เกมไมโครซอฟท์
- มูแยง
- วิดีโอเกมผู้เล่นคนเดียวและหลายผู้เล่น
- เกมสำหรับนินเท็นโด เน็ตเวิร์ก
- วิดีโอเกมโอเพนเวิลด์
- เกมสำหรับเพลย์สเตชัน 3
- เกมสำหรับเพลย์สเตชัน 4
- เกมสำหรับเพลย์สเตชัน เน็ตเวิร์ก
- เกมสำหรับเพลย์สเตชันวิต้า
- วิดีโอเกมเอาชีวิตรอด
- วิดีโอเกมที่ผลิตในประเทศสวีเดน
- วิดีโอเกมที่เล่นข้ามแพลตฟอร์มได้
- วิดีโอเกมที่มีกราฟิก 3 มิติ
- เกมความเป็นจริงเสมือน
- เกมสำหรับวียู
- เกมสำหรับวินโดวส์
- เกมวินโดวส์โฟน
- เกมสำหรับเอกซ์บอกซ์ 360
- เกมสำหรับเอกซ์บอกซ์ วัน
- วิดีโอเกมซอมบี