ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ส้มเขียวหวาน"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
JBot (คุย | ส่วนร่วม)
ย้อนเนื้อหาอาจละเมิดลิขสิทธิ์ หรือไม่เป็นสารานุกรม ไม่ใช่? แจ้งที่นี่
อลินดา (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{ตรวจสอบความถูกต้อง|ส้มเขียวหวานอยู่ในพันธุ์ ''Citrus reticulata'' ไม่ใช่ ''C. tangerina'' บทความนี้กล่าวถึงปะปนกัน}}
{{ตรวจสอบความถูกต้อง|ส้มเขียวหวานอยู่ในพันธุ์ ''Citrus reticulata'' ไม่ใช่ ''C. tangerina'' บทความนี้กล่าวถึงปะปนกัน}}
<!--{{taxobox
<!--{{taxobox
|name =
|name =
|image = TangerineFruit.jpg
|image = TangerineFruit.jpg
|regnum = [[Plantae]]
|regnum = [[Plantae]]
บรรทัด 15: บรรทัด 15:
|}}-->
|}}-->


'''ส้มเขียวหวาน''' เป็น[[ส้ม]]ชนิดหนึ่ง ที่พัฒนาสายพันธุ์มาจาก[[Citrus reticulata|ส้มจีน]] (''C. reticulata'')
'''ส้มเขียวหวาน''' เป็นไม้ผลที่คนไทยรู้จักดี มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนตอนใต้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus reticulata Blanco


ในประเทศไทยมีผู้[[สันนิษฐาน]]ว่ามีผู้นำเข้าต้นพันธุ์มาจาก[[ประเทศจีน]]เมื่อระยะเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว โดยลักษณะทั่วไปของส้มเขียวหวานมีรูปกลมมน แป้นเล็กน้อย ฐานผลกลมมน ด้านล่างเป็นแอ่งตื้น ๆ ผิวผลเรียบ มีเปลือกบาง เนื้อส้มภายในเป็น[[สีส้ม]]อม[[สีทอง|ทอง]] ฉ่ำ[[น้ำส้ม|น้ำ]] กลีบแยกออกจากกันได้โดยง่าย มีรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อแกะออกมาแล้วกลิ่นจะติดจมูก ทำให้เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก
ในประเทศไทยมีผู้[[สันนิษฐาน]]ว่ามีผู้นำเข้าต้นพันธุ์มาจาก[[ประเทศจีน]]เมื่อระยะเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว โดยลักษณะทั่วไปของส้มเขียวหวานมีรูปกลมมน แป้นเล็กน้อย ฐานผลกลมมน ด้านล่างเป็นแอ่งตื้น ๆ ผิวผลเรียบ มีเปลือกบาง เนื้อส้มภายในเป็น[[สีส้ม]]อม[[สีทอง|ทอง]] ฉ่ำ[[น้ำส้ม|น้ำ]] กลีบแยกออกจากกันได้โดยง่าย มีรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อแกะออกมาแล้วกลิ่นจะติดจมูก ทำให้เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก
บรรทัด 24: บรรทัด 24:


นอกจากนี้แล้ว ส้มเขียวหวานยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "ส้มแก้วเกลี้ยง", "ส้มจันทบูร", "ส้มแป้นกระดาน", "ส้มแสงทอง", "ส้มแป้นเกลี้ยง", "ส้มจุก" หรือ "ส้มบางมด" เป็นต้น <ref>[http://www.adirek.com/stwork/fruitvet/som.htm ส้มเขียวหวาน]</ref>
นอกจากนี้แล้ว ส้มเขียวหวานยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "ส้มแก้วเกลี้ยง", "ส้มจันทบูร", "ส้มแป้นกระดาน", "ส้มแสงทอง", "ส้มแป้นเกลี้ยง", "ส้มจุก" หรือ "ส้มบางมด" เป็นต้น <ref>[http://www.adirek.com/stwork/fruitvet/som.htm ส้มเขียวหวาน]</ref>

พันธุ์ส้มเขียวหวาน
เนื่องจากส้มเขียวหวานปลูกในประเทศไทยมาเป็นเวลานานมากแล้วได้มีการขยายพันธุ์ต่อๆกันมาและมีการคัดพันธุ์ตามแหล่งปลูกต่างๆ จนได้ส้มเขียวหวานพันธุ์ต่างๆดังนี้
1.ส้มเขียวหวานแหลมทอง พื้นที่ปลูกเดิมอยู่ในจังหวัดราชบุรี เป็นส้มที่มีลำต้นขนาดใหญ่ ออกดอกติดผลค่อนข้างยาก ขนาดผลปานกลาง และมีรสชาติหวานจัด
2. ส้มบางมด เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันทั่วไป ติดผลดกขนาดผลปานกลาง ทรงผลค่อนข้างกลมถึงแป้นเล็กน้อย ผิวผลสีเขียวอมเหลือง แต่เมื่อปลูกทางภาคเหนือผิวผลจะมีสีเหลืองเข้ม ผิวเรียบ ก้นผลราบถึงเว้าเล็กน้อย กลีบแยกออกจากกันง่าย เนื้อผลสีส้ม ชานนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสชาติหวาน อมเปรี้ยว
ส้มบางมดเป็นสายพันธุ์ที่ปลูกกันมาแต่เดิมในเขตบางมดและบางขุนเทียน แต่ปัจจุบันนำไปปลูกในพื้นที่อื่นแล้วเรียกชื่อต่างกันไป เช่น ส้มผิวทอง ส้มสีทอง เป็นต้น
3.ส้มโชกุน เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกทางภาคใต้ รู้จักกันในชื่อ ส้มสายน้ำผึ้ง หรือส้มเพชรยะลา ลักษณะทรงต้นและขนาดต้นใกล้เคียงกับส้มเขียวหวาน แต่ทรงพุ่มค่อนข้างจะหนากว่า กิ่งและใบตั้งขึ้น ใบมีขนาดเล็กกวาส้มเขียวหวาน แต่สีใบเขียวเข้มกว่า ลักษณะพิเศษของส้มโชกุนคือ ผลจะมีสะดือ เป็นส้มที่มีเนื้อแน่นชานนิ่ม มีเปอร์เซ็นต์ของน้ำต่อผลสูง รสชาติหวานจัดอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผลจะแตกง่ายกว่าส้มเขียวหวาน

การขยายพันธุ์
การขยายพันธุ์ส้มเขียวหวานสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมคือ การตอนกิ่ง ซึ่งมีวิธีการดังนี้ การเลือกกิ่งตอน ควรเลือกใช้กิ่งตอนจากต้นที่ให้ผลผลิตแล้ว ให้ผลดกและสม่ำเสมอทุกปี เจริญเติบโตดี สมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรคและแมลง กิ่งที่ควรเลือกไว้เป็นกิ่งตอนต้องเป็นกิ่งเพสลาด มีอายุประมาณ 1 ปี มีขนาดแท่งดินสอดำ ตั้งตรงหรือเอียงเล็กน้อย มีความความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เจริญเติบโตดี แข็งแรง และปราศจากโรคและแมลง
วิธีการตอน ทำการควั่นกิ่งโดยรอบกิ่ง 2 รอย ให้ห่างกันประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร โดยให้รอยควั่นบนอยู่ใต้ข้อเล็กน้อย กรีดเปลือกระหว่างรอยควั่นทั้งสองแล้วลอกเปลือกออก ใช้สันมีดขูดเยื่อเจริญออกให้หมด
นำถุงพลาสติกที่ได้บรรจุขุยมะพร้าวที่ได้เตรียมไว้แล้วมาผ่าตรงกลาง ใช้มือแหวกขุยมะพร้าวให้แยกออกเป็นร่อง แล้วนำไปหุ้มรอยควั่น พร้อมกับมัดด้วยเชือกฟางให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม
การตัดกิ่งตอน หลังจากตอนประมาณ 1 เดือนก็จะเริ่มงอกราก แต่จะทำการตัดกิ่งตอนต่อเมื่อรากที่งอกออกจากกิ่งตอนเป็นสีน้ำตาลและมีรากสีขาวแตกออกมาอีกที ควรตัดกิ่งตอนในช่วงเย็น และควรตัดกิ่งหรือใบที่มีมากเกินไปทิ้งบ้าง เพื่อป้องกันการคายน้ำ จากนั้นนำกิ่งที่ตอนไปแช่ในน้ำให้ท่วมตุ้มตอนนาน 1-2 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปปลูก

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
ปกติส้มเขียวหวานไม่ชอบน้ำขัง จึงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี ได้แก่ ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวที่ปรับปรุงสภาพให้เหใาะสม เช่น มีการยกร่องละใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงและระบายน้ำดี ดินปลูกควรมีค่า pH ประมาณ 5.5-6.5 ส้มเขียวหวานเป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นพื้นที่ปลูกจึงควรมีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งสำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตคือประมาณ 26-32 องศาเซลเซียส

การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก
พื้นที่ปลูกส้มเขียวหวานในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ พื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน จะมีวิธีการเตรียมพื้นที่ที่ต่างกันคือ
พื้นที่ลุ่ม นิยมปลูกแบบยกร่อง โดยมีขนาดของสันร่องกว้างประมาณ 6 เมตร ร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร พื้นที่ร่องน้ำกว้าง 70 เซนติเมตรและหลังร่องควรสูงจากระดับผิวน้ำอย่างน้อย 70 เซนติเมตร ส่วนความยาวไม่จำกัด สำหรับแนวแปลงปลูกควรอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ เมื่อปรับพื้นที่เสร็จแล้วควรตากดินไว้ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้ดินแห้ง
พื้นที่ดอน ปกติพื้นที่ดอนน้ำจะไม่ท่วมขังจึงไม่ทำการยกร่องแต่ก่อนปลูกควรปรับพื้นที่ให้ราบ กำจัดวัชพืช และไถกลบดินให้ลึกสัก 2 ครั้ง เพื่อให้ดินร่วนซุย

ระยะการปลูกและหลุมปลูก
ส้มเขียวหวานที่ปลูกในพื้นที่ลุ่ม ขนาดทรงพุ่มมักจะไม่ใหญ่มากนักควรปลูกกลางร่อง โดยใช้ในระยะระหว่างต้น 3-4 เมตรส่วนส้มเขียวหวานที่ปลูกในพื้นที่ดอนส่วนมากจะมีทรงพุ่มค่อนข้างใหญ่และอายุยืน จึงใช้ระยะปลูกระหว่าต้น 4 เมตร ระหว่างแถว 6 เมตร
หลุมการปลูกควรขุดให้มีความกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยคิกหรือปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายดีแล้วอัตรา 10 กิโลกรัม ปุ๋ยร็อคฟอสเฟต 500 กรัม และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 100 กรัม คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน แล้วกลบลงไปในหลุมจนเต็มปากหลุมทิ้งไว้ในระยะหนึ่งจนดินยุบตัวคงที่แล้วจึงเติมดินผสมลงไปอีกจนเต็มเสมอปากหลุม

การปลูก
นำต้นพันธ์ส้มเขียวหวานที่เตรียมไว้มากรีดถุงและดึงถุงพลาสติกออก แล้ววางต้นพันธ์ตรงกลางหลุมและกระจายรากออกรอบดิน ตั้งต้นพันธ์ให้ตรง กลบดินให้พอดีกับระดับดินที่ชำ กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม นำไม้มาปักและผูกยึดลำต้น จากนั้นคลุมโคนต้นด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง และหาวัสดุพรางแสง เช่นทางมะพร้าวหรือกิ่งไม้ที่มีใบใหญ่มาพรางแสงทางทิศตะวันออกและตะวันตก จะทำให้ต้นส้มเขียวหวานตั้งตัวและเจริญเติบโตยิ่งขึ้น ส่วนฤดูที่เหมาะสมในการปลูกส้มเขียวหวาน คือ ต้นฤดูฝน

การให้น้ำ
ในระยะที่เพิ่งปลูกใหม่ๆ อย่าปล่อยให้ส้มขาดน้ำ จะต้องให้น้ำทุกวัน พอหลังจาก 2 สัปดาห์ไปแล้วซึ่งต้นส้มเริ่มตั้งตัวได้ อาจจะให้น้ำห่างขึ้นได้เป็นวันเว้นวัน เมื่อต้นส้มเขียวหวานโตแล้วการให้น้ำก็ยังคงให้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตและสภาพทั่วๆไป เช่น ในระยะก่อนออกดอก จะต้องการน้ำน้อย เพื่อให้มีช่วงเก็บสะสมอาหาร แต่เมื่อติดผลแล้วส้มจะต้องการน้ำมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงผลแก่ เมื่อผลส้มเข้าสีแล้วถ้าลดปริมาณน้ำลงจากปกติจะช่วยให้ผลส้มแก่เร็วขึ้น และควรงดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยทำให้ส้มมีรสหวานมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าเพิ่มปริมาณน้ำในดินชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยชะลอการสุกของผลส้มได้ประมาณ 20 วัน วิธีการให้น้ำส้มเขียวหวานมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น การให้น้ำทางสายยาง การใช้เรือรดน้ำ การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ เป็นต้น ส่วนช่วงเลาการให้น้ำที่เหมาะสมคือ ระหว่างเวลา 08.00-10.00และ 14.00-16.00 น.

การใส่ปุ๋ย
ในระยะปีแรก ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10,25-7-7 หรือ 15-15-15 ผสมปุ๋ยยูเรีย(46-0-0 ) (1:1) อัตรา 0.5-1 กิโลกรัมต่อต้น โดยแบ่งใส่4-6 เดือนต่อครั้ง และอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้นสำหรับปีที่ 2-4 โดยใส่ 3-4 เดือนต่อครั้ง ส่วนปุ๋ยคอกใส่ในอัตรา 2-3 บุ้งกี๋ทุกๆ4 เดือน
สำหรับส้มอายุ 4 ปีขึ้นไปหรือเริ่มให้ผลผลิต ควรใส่ปุ๋ยดังนี้
1. ก่อนออกดอก ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 ในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้นและพ่นปุ๋ยทางใบเพื่อเพิ่มธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม
2. ระยะติดผล ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง โบรอน แมงกานีส เป็นต้น โดย พ่นทางใบ
3. ระยะใกล้เก็บเกี่ยว ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อช่วยให้ผลผลิตส้มมีคุณภาพดีขึ้น
4. ระยะหลังเก็บเกี่ยว ใส่ปุ๋ย สูตร 25-7-7 หรือ 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยยูเรีย(46-0-0) อัตรา 1-3 กิโลกรัมต่อต้น พร้อมกับพ่นปุ๋ยทางใยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 20-5- กิโลกรัมต่อต้น

การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งส้มเขียวหวานมีความสำคัญและจำเป็น เพราะการตัดแต่งกิ่งจะทำให้ต้นส้มสัมบูรณ์และแข็งแรง ออกดอกติดผลดี และผลผลิตมีคุณภาพดี ซึ่งจะมีวิธีการตัดแต่งที่แตกต่างกันตามระยะการเจริญเติบโตดังนี้
ระยะก่อนให้ผลผลิต การตัดแต่งกิ่งส้มเขียวหวานในระยะนี้ให้คำนึงถึงการไว้ทรงต้นเป็นสำคัญ โดยปฎิบัติดังนี้
1.ลักษณะต้นเดี่ยวๆ ให้ตัดส่วนยอดทิ้ง เหลือลำต้นใหญ่สูงจากพืชดินประมาณ 2 ฟุต ต่อมาจะมีการแตกกิ่งแขนงเล็กๆจำนวนมากที่บริเวณโคนกิ่ง หลังจากปล่อยให้กิ่งเหล่านี้เจริญขึ้นมาแล้สวก็ตัดแต่งให้เหลือเฉพาะกิ่งที่มีลักษณะสมบูรณ์ไว้ประมาณ 4-5 กิ่ง ที่มีระยะห่างกันพอประมาณ และกิ่งแขนงล่างสุดควรอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 1-1.5 ฟุต
2.ลักษณะต้นเป็นกิ่งง่าม ต้องตัดกิ่งทิ้งไว้ 1 กิ่ง โดยเลือกเอากิ่งที่สมบูรณ์แข็งแรงและตรงไว้ ซึ่งกิ่งพันธุ์ลักษณะเช่นนี้จะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการฉีกแยกจากกันได้ง่ายเมื่อต้นเจริญเติบโตต่อไป ฉะนั้นกิ่งที่เหลือไว้ควรเป็นกิ่งกระโดง แล้วจึงทำการตัดแต่งเช่นเดียวกับลักษณะแรก
3.กิ่งแขนงมีการแตกขึ้นมาก ในระยะที่ต้นส้มมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ควรตัดแต่งกิ่งขนาดเล็กที่แตกตามกิ่งโครงร่าง กิ่งอ่อนแอ และกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งเสีย พร้อมกับตัดแต่งให้ได้ลักษณะทรงพุ่มโปร่งพอเหมาะ ไม่ทึบเกินไป โดยให้กิ่งแขนงร่างสุดสูงจากระดับดินปลูกประมาณ 1-1.5 ฟุต
ระยะให้ผลผลิตแล้ว โดยจะต้องทำทุกปี กิ่งที่ควรตัดออก ได้แก่ กิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำร้าย กิ่งที่ปลายยอดห้อยลงชิดดิน กิ่งที่มีลักษณะอ่อนแอ กิ่งคดงอ กิ่งทับกัน กิ่งไขว้กัน กิ่งน้ำค้าง กิ่งแขนงที่ลกทึบด้านล่างและบริเวณกลางลำต้น และกิ่งที่สูงเกินไป
ในการตัดแต่งกิ่งต้องตัดให้ชิดกิ่งที่หญ่กว่าให้มากที่สุด ไม่ให้เหลือตอ เมื่อตัดกิ่งเสร็จแล้วควรใช้มีดคมๆปาดรอยแผลให้เรียบ แล้วใช้ปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราทารอยแผลที่ตัดทุกครั้ง

การออกดอกติดผล
ปกติส้มเขียวหวานสามารถออกดอกออกติดผลได้ตั้งแต่ปีแรกของการปลูก แต่ไม่นิยมเก็บไว้ เพราะจะทำให้ต้นโทรม ไม่เจริญเติบโต จึงควรปลิดดอกทิ้งทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อส้มอายุได้ 3ปีจึงให้ติดผลได้ เพราะต้นใหญ่ขึ้นและแข็งแรงพอที่จะให้ติดผลได้
ปัจจุบันสามารถทำให้ส้มเขียวหวานออกนอกฤดูกาลได้โดยการบังคับการให้น้ำ กล่าวคือ หลังจากการให้น้ำแล้วอีกประมาณ 10 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวผลได้ ดั้งนั้นถ้าต้องการให้ส้มเขียวหวานแก่ในเดือนใดก็จะนับย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนแล้วเริ่มควบคุมการให้น้ำ ก็จะทำให้ส้มเขียวหวานออกดอกออกผลตรงตามเวลาที่ต้องการ
สวนส้มที่ปลูกแบบยกร่องจะสามารถบังคับให้ออกดอกติดผลได้ตามเวลาที่ต้องการดีกว่าสวนส้มที่ปลูกแบบดอน ส่วนวิธีการบังคับให้ส้มเขียวหวานออกดอกมีขั้นตอนดังนี้
1. ก่อนงดให้น้ำควรดูว่าส้มมีใบอ่อนหรือไม่ ถ้ามีจะต้องใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อเร่งให้ใบแก่ทั้งหมดก่อน แล้วจึงเริ่มงดให้น้ำได้ โดยการสูบน้ำออกจากร่องสวนให้หมดและทิ้งไว้ 15-20 วัน
2. หลังจากงดให้น้ำ 15-20 วัน ใบส้มจะเริ่มห่อเข้าหากัน จากนั้นจึงเริ่มให้น้ำกับต้นส้มอย่างเต็มที่ โดยปล่อยน้ำให้ท่วมแปลงจนถึงโคนต้นนาน 10-12 ชั่วโมง แล้วลดระดับน้ำลงให้อยู่ในระดับปกติ สำหรับต้นส้มที่ยังไม่ได้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 มาก่อนก็ให้ใส่ในช่วงนี้ แล้วรดน้ำให้ชุ่มประมาณ 7 วันส้มก็เริ่มออกดอก
3. เมื่อส้มออกดอกแล้ว ควรให้น้ำตามปกติต่อไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 30 วัน ดอกจะเริ่มบานและติดผล
เมื่อมีขนาดเท่าหัวแม่มือให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงให้ผลเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อผลมีอายุประมาณ 5 เดือนจึงใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อทำให้คุณภาพของผลส้มดีขึ้น เพราะในช่วงนี้การเจริญเติบโตจะมีน้อยลง แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านความหว่านมากขึ้น
4. ควรงดการให้ก่อนเก็บเกี่ยวผลประมาณ 10 วัน เพื่อให้ส้มมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เนื้อจะแห้งไม่ฉ่ำน้ำและสามารถเก็บไว้ได้นาน

การค้ำกิ่ง
หลังจากส้มเขียวหวานติดผลควรได้ทำการค้ำกิ่ง เพื่อช่วยป้องกันกิ่งฉีกขาดหรือหัก เนื่องจากน้ำหนักของผลที่ติดอยู่บนต้นมีแรงเหวี่ยงโยนสูงมาก หากมีลมพัดจะยิ่งทำให้ฉีกขาดได้มากขึ้น และยังช่วยยกระดับของผลให้สูงจากพื้นดินเพื่อลดความเสียหายอันเนื่องมาจากโรคและแมลงได้อย่างมาก
วิธีการค้ำกิ่งส้มเขียวหวานนิยมใช้ไม้รวกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 นิ้ว ขึ้นอยู่กับขนาดของกิ่ง ถ้าเป็นส้มที่ปลูกในเขตที่มีลมพัดไม่ค่อยแรงนักจะตัดไม้รวกให้เป็นง่าม แล้วสอดง่ามนี้ให้เข้ากับง่ามของกิ่งส้มให้ไม้ค้ำวางตั้งรับน้ำหนักกิ่งอยู่ส้มให้ไม้ค้ำวางตั้งรับน้ำหนักกิ่งอยู่บนพื้นดินเท่านั้น ส่วนในพื้นที่ที่มีลมค่อนข้างแรงการค้ำกิ่งจะปักไม่รวกให้จมลงดินจนแน่น แล้วมัดกิ่งกับไม้รวกด้วยเชือก

โรคและแมลงศัตรู
โรคและแมลงศัตรูนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นส้มเขียวหวาน ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต และเป็นอุปสรรคต่อการผลิตส้มเขียวหวานให้มีคุณภาพดี เนื่องจากโรคและแมลงสามารถเข้าทำลายส้มได้ทุกรยะการเจริญเติบโตและทำลายได้ทุกส่วนของต้นส้ม รวมทั้งผลส้มด้วย ดังนั้นเกษตรกรควรได้ศึกษาและวางแผนควบคุมกำจัดโรคและแมลงศัตรูส้มไว้เสมอ
สำหรับโรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ โรครากเน่าโคนเน่า โรคกรีนนิ่ง โรคแคงเกอร์ โรคทริสเทซ่า หนอนชอนใบ หนอมแก้วส้ม เพลี้ยไฟ ไรสนิมส้ม เพลี้ยอ่อน เพลี้ยหอย เพลี้ยไก้แจ้ส้ม หนอนเจาะสมอฝ้าย ไรเหลืองส้ม เป็นต้น

การเก็บเกี่ยว
ผลส้มเขียวหวานจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 8-10 เดือน นับจากวันออกดอก ผิวส้มจะมีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเหลืองเข้ม และความแข็งของผลลดลง
วิธีการเก็บเกี่ยว ให้ใช้กรรไกรคมๆตัดที่ก้านผล ไม่ควรดึงหรือเด็ดเพราะจะทำให้ขั้วผลแยกตัวออกจากส่วนเนื้อ ขั้วผลฉีกเป็นแผล อันเป็นช่องทางให้เกิดโรคผลเน่าภายหลังเก็บเกี่ยวได้ง่าย


==อ้างอิง==
==อ้างอิง==
{{รายการอ้างอิง}}
{{รายการอ้างอิง}}
*ขจรศักดิ์ พิทักษ์ศรี.2557.ไม้ผลเศรษฐกิจ(หน้า55-64).กรุงเทพมหานคร.ธนธัชการพิมพ์.

==แหล่งข้อมูลอื่น==
==แหล่งข้อมูลอื่น==



รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:05, 8 ตุลาคม 2558

ส้มเขียวหวาน เป็นไม้ผลที่คนไทยรู้จักดี มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศจีนตอนใต้ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus reticulata Blanco

ในประเทศไทยมีผู้สันนิษฐานว่ามีผู้นำเข้าต้นพันธุ์มาจากประเทศจีนเมื่อระยะเวลากว่า 100 ปีมาแล้ว โดยลักษณะทั่วไปของส้มเขียวหวานมีรูปกลมมน แป้นเล็กน้อย ฐานผลกลมมน ด้านล่างเป็นแอ่งตื้น ๆ ผิวผลเรียบ มีเปลือกบาง เนื้อส้มภายในเป็นสีส้มอมทอง ฉ่ำน้ำ กลีบแยกออกจากกันได้โดยง่าย มีรสชาติอร่อยหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เมื่อแกะออกมาแล้วกลิ่นจะติดจมูก ทำให้เป็นที่นิยมกันเป็นอย่างมาก

แหล่งที่ขึ้นชื่อว่าปลูกส้มเขียวหวานกันมากและมีชื่อเสียงในประเทศไทย คือ ตำบลบางมดในพื้นที่อำเภอราษฎร์บูรณะและอำเภอบางขุนเทียนของจังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือแขวงบางมดในเขตทุ่งครุและเขตจอมทองของกรุงเทพมหานคร) จนได้ชื่อว่า "ส้มบางมด" แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2510 มีน้ำทะเลได้หนุนเข้ามาทำให้ไม่สามารถปลูกได้ จึงได้เปลี่ยนมาปลูกที่ทุ่งรังสิต โดยเริ่มที่คลองสอง ธัญบุรี ต่อมาในปี พ.ศ. 2511 จึงมาปลูกที่อำเภอหนองเสือ จนได้ชื่อว่า "ส้มรังสิต" แต่ปัจจุบันก็มีการเพาะปลูกน้อยลง รวมถึงในพื้นที่บางมดด้วย[1][2]

ส้มเขียวหวาน มีสรรพคุณทางยาและโภชนาการ ตรงที่ผลนำมารับประทานหรือคั้นน้ำดื่มมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานบรรเทาอาการกระหายน้ำ ป้องกันโรคหวัดและการติดเชื้อแบคทีเรีย ลดปริมาณโคเลสเตอรอลในโลหิต ช่วยระบบย่อยอาหารของร่างกาย ระบายได้มีแก้อาการท้องผูก และมีคุณค่าทางอาหาร ส้มเขียวหวานน้ำหนัก 100 กรัม ให้วิตามินซี 42 มิลลิกรัม

นอกจากนี้แล้ว ส้มเขียวหวานยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ อีก เช่น "ส้มแก้วเกลี้ยง", "ส้มจันทบูร", "ส้มแป้นกระดาน", "ส้มแสงทอง", "ส้มแป้นเกลี้ยง", "ส้มจุก" หรือ "ส้มบางมด" เป็นต้น [3]

พันธุ์ส้มเขียวหวาน เนื่องจากส้มเขียวหวานปลูกในประเทศไทยมาเป็นเวลานานมากแล้วได้มีการขยายพันธุ์ต่อๆกันมาและมีการคัดพันธุ์ตามแหล่งปลูกต่างๆ จนได้ส้มเขียวหวานพันธุ์ต่างๆดังนี้ 1.ส้มเขียวหวานแหลมทอง พื้นที่ปลูกเดิมอยู่ในจังหวัดราชบุรี เป็นส้มที่มีลำต้นขนาดใหญ่ ออกดอกติดผลค่อนข้างยาก ขนาดผลปานกลาง และมีรสชาติหวานจัด 2. ส้มบางมด เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกกันทั่วไป ติดผลดกขนาดผลปานกลาง ทรงผลค่อนข้างกลมถึงแป้นเล็กน้อย ผิวผลสีเขียวอมเหลือง แต่เมื่อปลูกทางภาคเหนือผิวผลจะมีสีเหลืองเข้ม ผิวเรียบ ก้นผลราบถึงเว้าเล็กน้อย กลีบแยกออกจากกันง่าย เนื้อผลสีส้ม ชานนิ่ม ฉ่ำน้ำ รสชาติหวาน อมเปรี้ยว ส้มบางมดเป็นสายพันธุ์ที่ปลูกกันมาแต่เดิมในเขตบางมดและบางขุนเทียน แต่ปัจจุบันนำไปปลูกในพื้นที่อื่นแล้วเรียกชื่อต่างกันไป เช่น ส้มผิวทอง ส้มสีทอง เป็นต้น 3.ส้มโชกุน เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับปลูกทางภาคใต้ รู้จักกันในชื่อ ส้มสายน้ำผึ้ง หรือส้มเพชรยะลา ลักษณะทรงต้นและขนาดต้นใกล้เคียงกับส้มเขียวหวาน แต่ทรงพุ่มค่อนข้างจะหนากว่า กิ่งและใบตั้งขึ้น ใบมีขนาดเล็กกวาส้มเขียวหวาน แต่สีใบเขียวเข้มกว่า ลักษณะพิเศษของส้มโชกุนคือ ผลจะมีสะดือ เป็นส้มที่มีเนื้อแน่นชานนิ่ม มีเปอร์เซ็นต์ของน้ำต่อผลสูง รสชาติหวานจัดอมเปรี้ยวเล็กน้อย ผลจะแตกง่ายกว่าส้มเขียวหวาน

การขยายพันธุ์ การขยายพันธุ์ส้มเขียวหวานสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่นิยมคือ การตอนกิ่ง ซึ่งมีวิธีการดังนี้ การเลือกกิ่งตอน ควรเลือกใช้กิ่งตอนจากต้นที่ให้ผลผลิตแล้ว ให้ผลดกและสม่ำเสมอทุกปี เจริญเติบโตดี สมบูรณ์แข็งแรง และปราศจากโรคและแมลง กิ่งที่ควรเลือกไว้เป็นกิ่งตอนต้องเป็นกิ่งเพสลาด มีอายุประมาณ 1 ปี มีขนาดแท่งดินสอดำ ตั้งตรงหรือเอียงเล็กน้อย มีความความยาวประมาณ 50 เซนติเมตร เจริญเติบโตดี แข็งแรง และปราศจากโรคและแมลง วิธีการตอน ทำการควั่นกิ่งโดยรอบกิ่ง 2 รอย ให้ห่างกันประมาณ 2.5-3 เซนติเมตร โดยให้รอยควั่นบนอยู่ใต้ข้อเล็กน้อย กรีดเปลือกระหว่างรอยควั่นทั้งสองแล้วลอกเปลือกออก ใช้สันมีดขูดเยื่อเจริญออกให้หมด นำถุงพลาสติกที่ได้บรรจุขุยมะพร้าวที่ได้เตรียมไว้แล้วมาผ่าตรงกลาง ใช้มือแหวกขุยมะพร้าวให้แยกออกเป็นร่อง แล้วนำไปหุ้มรอยควั่น พร้อมกับมัดด้วยเชือกฟางให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่ม การตัดกิ่งตอน หลังจากตอนประมาณ 1 เดือนก็จะเริ่มงอกราก แต่จะทำการตัดกิ่งตอนต่อเมื่อรากที่งอกออกจากกิ่งตอนเป็นสีน้ำตาลและมีรากสีขาวแตกออกมาอีกที ควรตัดกิ่งตอนในช่วงเย็น และควรตัดกิ่งหรือใบที่มีมากเกินไปทิ้งบ้าง เพื่อป้องกันการคายน้ำ จากนั้นนำกิ่งที่ตอนไปแช่ในน้ำให้ท่วมตุ้มตอนนาน 1-2 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปปลูก

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปกติส้มเขียวหวานไม่ชอบน้ำขัง จึงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี ได้แก่ ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ดินเหนียวที่ปรับปรุงสภาพให้เหใาะสม เช่น มีการยกร่องละใส่ปุ๋ยอินทรีย์ให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์สูงและระบายน้ำดี ดินปลูกควรมีค่า pH ประมาณ 5.5-6.5 ส้มเขียวหวานเป็นไม้ผลที่ต้องการน้ำอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นพื้นที่ปลูกจึงควรมีแหล่งน้ำอย่างเพียงพอด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้งสำหรับอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตคือประมาณ 26-32 องศาเซลเซียส

การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก พื้นที่ปลูกส้มเขียวหวานในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ พื้นที่ลุ่มและพื้นที่ดอน จะมีวิธีการเตรียมพื้นที่ที่ต่างกันคือ พื้นที่ลุ่ม นิยมปลูกแบบยกร่อง โดยมีขนาดของสันร่องกว้างประมาณ 6 เมตร ร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึกประมาณ 1 เมตร พื้นที่ร่องน้ำกว้าง 70 เซนติเมตรและหลังร่องควรสูงจากระดับผิวน้ำอย่างน้อย 70 เซนติเมตร ส่วนความยาวไม่จำกัด สำหรับแนวแปลงปลูกควรอยู่ในแนวเหนือ-ใต้ เมื่อปรับพื้นที่เสร็จแล้วควรตากดินไว้ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้ดินแห้ง พื้นที่ดอน ปกติพื้นที่ดอนน้ำจะไม่ท่วมขังจึงไม่ทำการยกร่องแต่ก่อนปลูกควรปรับพื้นที่ให้ราบ กำจัดวัชพืช และไถกลบดินให้ลึกสัก 2 ครั้ง เพื่อให้ดินร่วนซุย

ระยะการปลูกและหลุมปลูก ส้มเขียวหวานที่ปลูกในพื้นที่ลุ่ม ขนาดทรงพุ่มมักจะไม่ใหญ่มากนักควรปลูกกลางร่อง โดยใช้ในระยะระหว่างต้น 3-4 เมตรส่วนส้มเขียวหวานที่ปลูกในพื้นที่ดอนส่วนมากจะมีทรงพุ่มค่อนข้างใหญ่และอายุยืน จึงใช้ระยะปลูกระหว่าต้น 4 เมตร ระหว่างแถว 6 เมตร หลุมการปลูกควรขุดให้มีความกว้าง ยาว และลึก ประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดินปลูกด้วยปุ๋ยคิกหรือปุ๋ยหมักที่ย่อยสลายดีแล้วอัตรา 10 กิโลกรัม ปุ๋ยร็อคฟอสเฟต 500 กรัม และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 100 กรัม คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน แล้วกลบลงไปในหลุมจนเต็มปากหลุมทิ้งไว้ในระยะหนึ่งจนดินยุบตัวคงที่แล้วจึงเติมดินผสมลงไปอีกจนเต็มเสมอปากหลุม

การปลูก นำต้นพันธ์ส้มเขียวหวานที่เตรียมไว้มากรีดถุงและดึงถุงพลาสติกออก แล้ววางต้นพันธ์ตรงกลางหลุมและกระจายรากออกรอบดิน ตั้งต้นพันธ์ให้ตรง กลบดินให้พอดีกับระดับดินที่ชำ กดดินบริเวณโคนต้นให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม นำไม้มาปักและผูกยึดลำต้น จากนั้นคลุมโคนต้นด้วยฟางหรือหญ้าแห้ง และหาวัสดุพรางแสง เช่นทางมะพร้าวหรือกิ่งไม้ที่มีใบใหญ่มาพรางแสงทางทิศตะวันออกและตะวันตก จะทำให้ต้นส้มเขียวหวานตั้งตัวและเจริญเติบโตยิ่งขึ้น ส่วนฤดูที่เหมาะสมในการปลูกส้มเขียวหวาน คือ ต้นฤดูฝน

การให้น้ำ ในระยะที่เพิ่งปลูกใหม่ๆ อย่าปล่อยให้ส้มขาดน้ำ จะต้องให้น้ำทุกวัน พอหลังจาก 2 สัปดาห์ไปแล้วซึ่งต้นส้มเริ่มตั้งตัวได้ อาจจะให้น้ำห่างขึ้นได้เป็นวันเว้นวัน เมื่อต้นส้มเขียวหวานโตแล้วการให้น้ำก็ยังคงให้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตและสภาพทั่วๆไป เช่น ในระยะก่อนออกดอก จะต้องการน้ำน้อย เพื่อให้มีช่วงเก็บสะสมอาหาร แต่เมื่อติดผลแล้วส้มจะต้องการน้ำมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงผลแก่ เมื่อผลส้มเข้าสีแล้วถ้าลดปริมาณน้ำลงจากปกติจะช่วยให้ผลส้มแก่เร็วขึ้น และควรงดให้น้ำก่อนเก็บเกี่ยวประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยทำให้ส้มมีรสหวานมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าเพิ่มปริมาณน้ำในดินชุ่มชื้นอยู่เสมอจะช่วยชะลอการสุกของผลส้มได้ประมาณ 20 วัน วิธีการให้น้ำส้มเขียวหวานมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น การให้น้ำทางสายยาง การใช้เรือรดน้ำ การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ เป็นต้น ส่วนช่วงเลาการให้น้ำที่เหมาะสมคือ ระหว่างเวลา 08.00-10.00และ 14.00-16.00 น.

การใส่ปุ๋ย ในระยะปีแรก ให้ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 20-10-10,25-7-7 หรือ 15-15-15 ผสมปุ๋ยยูเรีย(46-0-0 ) (1:1) อัตรา 0.5-1 กิโลกรัมต่อต้น โดยแบ่งใส่4-6 เดือนต่อครั้ง และอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้นสำหรับปีที่ 2-4 โดยใส่ 3-4 เดือนต่อครั้ง ส่วนปุ๋ยคอกใส่ในอัตรา 2-3 บุ้งกี๋ทุกๆ4 เดือน สำหรับส้มอายุ 4 ปีขึ้นไปหรือเริ่มให้ผลผลิต ควรใส่ปุ๋ยดังนี้ 1. ก่อนออกดอก ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-12 ในอัตรา 1 กิโลกรัมต่อต้นและพ่นปุ๋ยทางใบเพื่อเพิ่มธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม 2. ระยะติดผล ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม เช่น แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง โบรอน แมงกานีส เป็นต้น โดย พ่นทางใบ 3. ระยะใกล้เก็บเกี่ยว ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 ในอัตรา 1-2 กิโลกรัมต่อต้น เพื่อช่วยให้ผลผลิตส้มมีคุณภาพดีขึ้น 4. ระยะหลังเก็บเกี่ยว ใส่ปุ๋ย สูตร 25-7-7 หรือ 15-15-15 ผสมกับปุ๋ยยูเรีย(46-0-0) อัตรา 1-3 กิโลกรัมต่อต้น พร้อมกับพ่นปุ๋ยทางใยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม และใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 20-5- กิโลกรัมต่อต้น

การตัดแต่งกิ่ง การตัดแต่งกิ่งส้มเขียวหวานมีความสำคัญและจำเป็น เพราะการตัดแต่งกิ่งจะทำให้ต้นส้มสัมบูรณ์และแข็งแรง ออกดอกติดผลดี และผลผลิตมีคุณภาพดี ซึ่งจะมีวิธีการตัดแต่งที่แตกต่างกันตามระยะการเจริญเติบโตดังนี้ ระยะก่อนให้ผลผลิต การตัดแต่งกิ่งส้มเขียวหวานในระยะนี้ให้คำนึงถึงการไว้ทรงต้นเป็นสำคัญ โดยปฎิบัติดังนี้ 1.ลักษณะต้นเดี่ยวๆ ให้ตัดส่วนยอดทิ้ง เหลือลำต้นใหญ่สูงจากพืชดินประมาณ 2 ฟุต ต่อมาจะมีการแตกกิ่งแขนงเล็กๆจำนวนมากที่บริเวณโคนกิ่ง หลังจากปล่อยให้กิ่งเหล่านี้เจริญขึ้นมาแล้สวก็ตัดแต่งให้เหลือเฉพาะกิ่งที่มีลักษณะสมบูรณ์ไว้ประมาณ 4-5 กิ่ง ที่มีระยะห่างกันพอประมาณ และกิ่งแขนงล่างสุดควรอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 1-1.5 ฟุต 2.ลักษณะต้นเป็นกิ่งง่าม ต้องตัดกิ่งทิ้งไว้ 1 กิ่ง โดยเลือกเอากิ่งที่สมบูรณ์แข็งแรงและตรงไว้ ซึ่งกิ่งพันธุ์ลักษณะเช่นนี้จะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องการฉีกแยกจากกันได้ง่ายเมื่อต้นเจริญเติบโตต่อไป ฉะนั้นกิ่งที่เหลือไว้ควรเป็นกิ่งกระโดง แล้วจึงทำการตัดแต่งเช่นเดียวกับลักษณะแรก 3.กิ่งแขนงมีการแตกขึ้นมาก ในระยะที่ต้นส้มมีอายุ 2 ปีขึ้นไป ควรตัดแต่งกิ่งขนาดเล็กที่แตกตามกิ่งโครงร่าง กิ่งอ่อนแอ และกิ่งที่ไม่สมบูรณ์ทิ้งเสีย พร้อมกับตัดแต่งให้ได้ลักษณะทรงพุ่มโปร่งพอเหมาะ ไม่ทึบเกินไป โดยให้กิ่งแขนงร่างสุดสูงจากระดับดินปลูกประมาณ 1-1.5 ฟุต ระยะให้ผลผลิตแล้ว โดยจะต้องทำทุกปี กิ่งที่ควรตัดออก ได้แก่ กิ่งที่เป็นโรคหรือถูกแมลงทำร้าย กิ่งที่ปลายยอดห้อยลงชิดดิน กิ่งที่มีลักษณะอ่อนแอ กิ่งคดงอ กิ่งทับกัน กิ่งไขว้กัน กิ่งน้ำค้าง กิ่งแขนงที่ลกทึบด้านล่างและบริเวณกลางลำต้น และกิ่งที่สูงเกินไป ในการตัดแต่งกิ่งต้องตัดให้ชิดกิ่งที่หญ่กว่าให้มากที่สุด ไม่ให้เหลือตอ เมื่อตัดกิ่งเสร็จแล้วควรใช้มีดคมๆปาดรอยแผลให้เรียบ แล้วใช้ปูนแดงหรือยาป้องกันเชื้อราทารอยแผลที่ตัดทุกครั้ง

การออกดอกติดผล ปกติส้มเขียวหวานสามารถออกดอกออกติดผลได้ตั้งแต่ปีแรกของการปลูก แต่ไม่นิยมเก็บไว้ เพราะจะทำให้ต้นโทรม ไม่เจริญเติบโต จึงควรปลิดดอกทิ้งทั้งหมด จนกระทั่งเมื่อส้มอายุได้ 3ปีจึงให้ติดผลได้ เพราะต้นใหญ่ขึ้นและแข็งแรงพอที่จะให้ติดผลได้ ปัจจุบันสามารถทำให้ส้มเขียวหวานออกนอกฤดูกาลได้โดยการบังคับการให้น้ำ กล่าวคือ หลังจากการให้น้ำแล้วอีกประมาณ 10 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวผลได้ ดั้งนั้นถ้าต้องการให้ส้มเขียวหวานแก่ในเดือนใดก็จะนับย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนแล้วเริ่มควบคุมการให้น้ำ ก็จะทำให้ส้มเขียวหวานออกดอกออกผลตรงตามเวลาที่ต้องการ สวนส้มที่ปลูกแบบยกร่องจะสามารถบังคับให้ออกดอกติดผลได้ตามเวลาที่ต้องการดีกว่าสวนส้มที่ปลูกแบบดอน ส่วนวิธีการบังคับให้ส้มเขียวหวานออกดอกมีขั้นตอนดังนี้ 1. ก่อนงดให้น้ำควรดูว่าส้มมีใบอ่อนหรือไม่ ถ้ามีจะต้องใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 เพื่อเร่งให้ใบแก่ทั้งหมดก่อน แล้วจึงเริ่มงดให้น้ำได้ โดยการสูบน้ำออกจากร่องสวนให้หมดและทิ้งไว้ 15-20 วัน 2. หลังจากงดให้น้ำ 15-20 วัน ใบส้มจะเริ่มห่อเข้าหากัน จากนั้นจึงเริ่มให้น้ำกับต้นส้มอย่างเต็มที่ โดยปล่อยน้ำให้ท่วมแปลงจนถึงโคนต้นนาน 10-12 ชั่วโมง แล้วลดระดับน้ำลงให้อยู่ในระดับปกติ สำหรับต้นส้มที่ยังไม่ได้ใส่ปุ๋ยสูตร 8-24-24 มาก่อนก็ให้ใส่ในช่วงนี้ แล้วรดน้ำให้ชุ่มประมาณ 7 วันส้มก็เริ่มออกดอก 3. เมื่อส้มออกดอกแล้ว ควรให้น้ำตามปกติต่อไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 30 วัน ดอกจะเริ่มบานและติดผล เมื่อมีขนาดเท่าหัวแม่มือให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 เพื่อบำรุงให้ผลเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อผลมีอายุประมาณ 5 เดือนจึงใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 เพื่อทำให้คุณภาพของผลส้มดีขึ้น เพราะในช่วงนี้การเจริญเติบโตจะมีน้อยลง แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านความหว่านมากขึ้น 4. ควรงดการให้ก่อนเก็บเกี่ยวผลประมาณ 10 วัน เพื่อให้ส้มมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เนื้อจะแห้งไม่ฉ่ำน้ำและสามารถเก็บไว้ได้นาน

การค้ำกิ่ง หลังจากส้มเขียวหวานติดผลควรได้ทำการค้ำกิ่ง เพื่อช่วยป้องกันกิ่งฉีกขาดหรือหัก เนื่องจากน้ำหนักของผลที่ติดอยู่บนต้นมีแรงเหวี่ยงโยนสูงมาก หากมีลมพัดจะยิ่งทำให้ฉีกขาดได้มากขึ้น และยังช่วยยกระดับของผลให้สูงจากพื้นดินเพื่อลดความเสียหายอันเนื่องมาจากโรคและแมลงได้อย่างมาก วิธีการค้ำกิ่งส้มเขียวหวานนิยมใช้ไม้รวกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-1.5 นิ้ว ขึ้นอยู่กับขนาดของกิ่ง ถ้าเป็นส้มที่ปลูกในเขตที่มีลมพัดไม่ค่อยแรงนักจะตัดไม้รวกให้เป็นง่าม แล้วสอดง่ามนี้ให้เข้ากับง่ามของกิ่งส้มให้ไม้ค้ำวางตั้งรับน้ำหนักกิ่งอยู่ส้มให้ไม้ค้ำวางตั้งรับน้ำหนักกิ่งอยู่บนพื้นดินเท่านั้น ส่วนในพื้นที่ที่มีลมค่อนข้างแรงการค้ำกิ่งจะปักไม่รวกให้จมลงดินจนแน่น แล้วมัดกิ่งกับไม้รวกด้วยเชือก

โรคและแมลงศัตรู โรคและแมลงศัตรูนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของต้นส้มเขียวหวาน ปริมาณและคุณภาพของผลผลิต และเป็นอุปสรรคต่อการผลิตส้มเขียวหวานให้มีคุณภาพดี เนื่องจากโรคและแมลงสามารถเข้าทำลายส้มได้ทุกรยะการเจริญเติบโตและทำลายได้ทุกส่วนของต้นส้ม รวมทั้งผลส้มด้วย ดังนั้นเกษตรกรควรได้ศึกษาและวางแผนควบคุมกำจัดโรคและแมลงศัตรูส้มไว้เสมอ สำหรับโรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ ได้แก่ โรครากเน่าโคนเน่า โรคกรีนนิ่ง โรคแคงเกอร์ โรคทริสเทซ่า หนอนชอนใบ หนอมแก้วส้ม เพลี้ยไฟ ไรสนิมส้ม เพลี้ยอ่อน เพลี้ยหอย เพลี้ยไก้แจ้ส้ม หนอนเจาะสมอฝ้าย ไรเหลืองส้ม เป็นต้น

การเก็บเกี่ยว ผลส้มเขียวหวานจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 8-10 เดือน นับจากวันออกดอก ผิวส้มจะมีสีเขียวอมเหลืองหรือสีเหลืองเข้ม และความแข็งของผลลดลง วิธีการเก็บเกี่ยว ให้ใช้กรรไกรคมๆตัดที่ก้านผล ไม่ควรดึงหรือเด็ดเพราะจะทำให้ขั้วผลแยกตัวออกจากส่วนเนื้อ ขั้วผลฉีกเป็นแผล อันเป็นช่องทางให้เกิดโรคผลเน่าภายหลังเก็บเกี่ยวได้ง่าย

อ้างอิง

  1. พินิจนคร, รายการ คลองรังสิตประยูรศักดิ์ สายน้ำพระราชทานในรัชกาลที่ 5 เมืองข้าว เมืองนาแห่งราชอาณาจักรสยาม: วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ทางไทยพีบีเอส
  2. ต่อลมหายใจ “ส้มบางมด” อดทนสู้เพื่อคนรักส้ม จากผู้จัดการออนไลน์
  3. ส้มเขียวหวาน
  • ขจรศักดิ์ พิทักษ์ศรี.2557.ไม้ผลเศรษฐกิจ(หน้า55-64).กรุงเทพมหานคร.ธนธัชการพิมพ์.

แหล่งข้อมูลอื่น