พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล)
พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล) | |
---|---|
เกิด | พ.ศ. 2393 กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย |
เสียชีวิต | พ.ศ. 2459 |
คู่สมรส | อำพัน, คุณหญิงอนงค์, หุ่น, ถมยา, เนย, เปรม, นิ่ม, ปราง, เนื่อง, ลำดวน, สง่า, ช่วง |
บุตร | 27 คน |
บิดามารดา | พระยากระสาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) คุณหญิงพลอย ไกรฤกษ์ |
นายหมู่ตรี พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล) เจ้ากรมพระราชอุทยานสราญรมย์ ผู้ริเริ่มตั้งโรงไฟฟ้าและโรงน้ำแข็งในประเทศไทย (พ.ศ. 2393 - พ.ศ. 2459)
ชีวิตส่วนตัว
[แก้]ธรรมเนียมยศของ พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน | |
---|---|
ตราประจำตัว | |
การเรียน | ใต้เท้า |
การแทนตน | กระผม/ดิฉัน |
การขานรับ | ขอรับ/เจ้าค่ะ |
พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล) เกิดเมื่อปีพ.ศ. 2393 เป็นบุตรชายของ พระยากระสาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล) กับ คุณหญิงพลอย ไกรฤกษ์ ท่านมีพี่ชาย คือ พระปรีชากลการ (สำอาง อมาตยกุล) และพระยาเพ็ชรพิไชย (เจิม อมาตยกุล) [1]
พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานมีภรรยาหลายคน มีเรื่องเล่าว่าเมื่อกลับจากทำงาน ภรรยาของท่านจะมานั่งเรียงกันตลอดสองฝั่งถนนที่อยู่ในบริเวณบ้าน คนหนึ่งรับหมวก ไม้เท้า กระเป๋า ฯลฯ นอกจากนี้ ท่านเป็นคนมีความเด็ดขาด หากภรรยาคนใดดื้อดึง ท่านจะให้บ่าวไพร่เฆี่ยนตีเสมอ [2] ในจำนวนภรรยาทั้งหมด มีภรรยาจำนวน 12 คน ที่มีบุตรธิดากับท่าน รวมบุตรธิดาจำนวน 27 คน คือ [3] [4]
อำพัน บูรณศิริ มีบุตรธิดา คือ
- คุณหญิงประไพ ภรรยาพระยาพิทักษ์ทวยหาญ (ทองคำ กฤษณามระ)
- พระยาราชวินิจฉัย (อุทัยวรรณ) สามีของคุณหญิงพุ่มพวงและคุณหญิงประทุม (บูรณศิริ)
คุณหญิงอนงค์ มีบุตรธิดา คือ
- วรนาฏ
- น.อ. พระยาสาครสงคราม (สุริเยศ) สามีของเล็ก
- เจ้าจอมประยงค์ ในรัชกาลที่ 5 [5]
- คุณหญิงปุก
- นายรัตน์ ถึงแก่กรรมแต่วัยเยาว์
- ชายไม่มีชื่อ ถึงแก่กรรมแต่วัยเยาว์
- นายเสกศักดิ์หรือนายนิเวศน์ธิบาล สามีของสุ่น บุนนาค และอนงค์ ภูมิรัตน์
หุ่น มีบุตรธิดา คือ
- พระสวัสดิ์นคเรศ (มงคล) สามีของเลื่อนและสาย
- ระทวย
- หลวงรักษ์ราษฎร์นิกร (เทียบ) สามีของย้อย
- มาลัย ภรรยาขุนมัชชากรธนานุรักษ์ (เขียนพิมล บรรยงค์)
ถมยา มีบุตรธิดา คือ
- นายพยนต์ สามีของคืบ
- หลวงประภาธุรกิจ (ยัน) สามีของเยื้อน
- ขุนสรรพชวลิต (ยิน) สามีของรอดและลม้าย
เนย มีบุตรธิดา คือ
- นายเฉื่อย สามีของย้อยและเผื่อน
- คุณหญิงสนิท ภรรยาพระยาธรรมสารวิทย์ (สันต์ สันตสิริ)
เปรม มีบุตรธิดา คือ
- ขุนสำรวจรัฐกิจ (เล็ก) สามีของสาย
- นายไวย
นิ่ม มีบุตรธิดา คือ
- ขุนมาสมาศกรัตน์ (มาศ) สามีของพร้อม
ปราง มีบุตรธิดา คือ
- นายใหญ่
เนื่อง มีบุตรธิดา คือ
- ฉลวย ภรรยานายชื่น นาอิ่มใจ
ลำดวน มีบุตรธิดา คือ
- เฉลย ภรรยานายจันทร์ ศรีทองคำ
ช่วง มีบุตรธิดา คือ
- น.ต.จิรศักดิ์ ร.น. สามีของบุญมา รักเวชชอบ และขุนทอง เจริญภักดี
สง่า มีบุตรธิดา คือ
- หญิงแฝดไม่มีชื่อ ถึงแก่กรรมแต่ยังเยาว์
- ทิพย์ ภรรยานายอินทร์ สุวรรณทัต
ในปัจจุบัน ท่านมีบุตรหลานที่มีความสามารถหลายท่าน เช่น นายบุญเติม อมาตยกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ปูนซีเมนต์ไทย [6] [7] รศ.ปฏิภาณ อมาตยกุล อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รศ.ดร.เกียรติวรรณ อมาตยกุล อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ก่อตั้งโรงเรียนอมาตยกุล นายเกียรติพงศ์ อมาตยกุล ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา [8]ไชยยศ อมาตยกุล นักร้องในวงดนตรีจุฬารัตน์ ญาณินท์ อมาตยกุล รองอธิบดีกรมสรรพสามิต สมาส อมาตยกุล ผู้ว่าราชการจังหวัด มาริษา อมาตยกุล นักร้องวงสุนทราภรณ์ พ.ต.อ.อิสสร อมาตยกุล ผู้กำกับการตำรวจ และ ว่าที่ร้อยเอก ดร. ศรัณย์ อมาตยกุล นักวิชาการ [9] [10]
พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานถึงแก่อนิจกรรมเมื่อพ.ศ. 2459 และได้จัดงานพระราชทานเพลิงศพขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2460 ที่เมรุ วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานวอรับศพ ผ้าไตร 1 ไตร ผ้าขาว 4 พับ และเงิน 2000 สตางค์[11]
ชีวิตการทำงาน
[แก้]พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล) ถวายตัวเป็นมหาดเล็กใน รัชกาลที่ 4 เมื่อปีพ.ศ. 2407 โปรดเกล้าฯ ให้ช่วยบิดาทำราชการในโรงกษาปณ์สิทธิการและโรงแก๊ส ท่านชอบการถ่ายรูปและทำโคมลอยอย่างต่างประเทศ
ต่อมาในสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระราชทานสัญญาบัตรเป็นหลวงพินิจจักรภัณฑ์ ปลัดกรมโรงกษาปณ์ (กรมกษาปณ์สิทธิการ) ในปีพ.ศ. 2412 โดยเป็นผู้ที่ทรงใช้สอยใกล้ชิดในด้านกิจการสมัยใหม่ในยุคนั้น เช่น การแต่งพระที่นั่งและตำหนักรักษา ในเวลานั้น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ พระเจ้าน้องยาเธอ และข้าราชการต่าง ๆได้สนิทสนมคุ้นเคยกับท่าน จึงทำให้มีมิตรสหายเป็นจำนวนมาก
พระยาอภิรักษ์ฯ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิศริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ 5 วิจิตรราภรณ์ ภายในปีแรกที่สร้างเครื่องราชอิศริยาภรณ์ และเมื่อปีพ.ศ. 2417 รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างสวนสราญรมย์ โปรดให้พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานที่ยังเป็นหลวงพินิจจักรภัณฑ์ เป็นผู้ดูแลควบคุมการก่อสร้าง
ในปีพ.ศ. 2417 ถังโรงทำไฟแก๊สในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งอยู่ตรงพระที่นั่งภาณุมาศจำรูญในปัจจุบันเกิดไฟไหม้และระเบิดขึ้น รัชกาลที่ 5ได้โปรดให้ย้ายโรงแก๊สไปสร้างใหม่ที่หน้าวัดสุทัศน์ และฝังท่อใช้ไฟแก๊สทั้งในพระบรมมหาราชวังและถนนในพระนครด้วย โดย รัชกาลที่ 5โปรดให้พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานเป็นผู้บังคับการโรงแก๊สนี้อีกตำแหน่งหนึ่ง จนได้พระราชทานเหรียญบุษปมาลาเป็นบำเหน็จในวิชาช่าง เมื่อปีพ.ศ. 2418
นอกจากนี้ ท่านได้ริเริ่มธุรกิจต่าง ๆ ด้วยความที่เป็นผู้มีนิสัยอยู่ในทางวิชาช่างและได้รับการถ่ายทอดวิชาเครื่องกลจากบิดามากกว่าผู้อื่น จนสามารถอ่านแผนทางเดินของไฟฟ้าตามที่ใช้ในทวีปยุโรปได้ ท่านได้คิดค้นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าโดยร่วมมือกับนายช่างไฟฟ้าชาวอังกฤษนายเลียว นาดี เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นจำหน่าย [12] โรงไฟฟ้านี้เป็นที่รู้จักทั่วไปในชื่อ โรงไฟฟ้าวัดเลียบเนื่องจากสร้างขึ้นในบริเวณวัดราชบูรณะ ที่อยู่ตรงข้ามบ้านของท่าน [13] ท่านได้ตั้งบริษัทชื่อ บางกอกอิเล็กตริกไลท์ ซินดีเคต จำกัด (Bangkok Electric Light Syndicate) เมื่อพ.ศ. 2440 กิจการนี้ได้เรียกหุ้นในลักษณะของห้างหุ้นส่วนจากเจ้านายบางพระองค์ เช่น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ ข้าราชการ รวมทั้งพี่น้องของท่าน คือ พระปรีชากลการและ พระยาเพชรพิชัย ส่วนนายช่างชาวอังกฤษผู้นำแผนผังการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตลอดจนอุปกรณ์ไฟฟ้ามานั้น ก็ได้รับหุ้นลมด้วยอีกผู้หนึ่ง
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าโรงไฟฟ้านี้ไม่อาจประกอบกิจการได้นาน เนื่องจากในขณะนั้นประชาชนยังไม่นิยมใช้ไฟฟ้า อีกทั้งลูกค้าส่วนมากเป็นเพียงวังเจ้านาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และสถานที่ราชการเท่านั้น ดังนั้น รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าจึงไม่คุ้มกับที่ต้องลงทุนไป กิจการจึงประสบภาวะขาดทุน กิจการโรงไฟฟ้านี้จึงได้โอนให้กับนายเว้สเตนโฮลส์ ชาวเดนมาร์ค เป็นผู้ดำเนินการต่อมา โดยตั้งขึ้นเป็นบริษัทจำกัดชื่อว่าบริษัทไฟฟ้าสยาม (Siam Electricity Company Ltd.) ที่จะทะเบียนที่กรุงโคเปนฮาเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2441 โดยมีทุนจดทะเบียน 33,400 ปอนด์ ซึ่งในปัจจุบันกิจการนี้ก็คือ การไฟฟ้านครหลวง บริษัทไฟฟ้าสยามได้รับสัมปทานให้จำหน่ายกระแสไฟฟ้าเป็นการผูกขาดแต่เพียงผู้เดียวในเขตพระนครและธนบุรี และยังคงมีที่ทำการอยู่ที่เดิมตลอดจนกระทั่งบริษัทตกเป็นของรัฐบาล [14] อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากิจการบริษัทไฟฟ้าซึ่งพระยาอภิรักษ์ราชอุทยานได้เป็นผู้จัดตั้งขึ้นนี้ จะเปลี่ยนมือเป็นของคนต่างชาติ แต่สมาชิกในสกุลอมาตยกุลหลายท่านยังคงถือหุ้นใหญ่ และกลายเป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานในเวลาต่อมา
เมื่อโอนกิจการโรงไฟฟ้าไปแล้ว พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานได้ริเริ่มทำโรงน้ำแข็งขึ้นอีกธุรกิจหนึ่ง โดยจำหน่ายให้กับประชาชนในพระนคร กิจการนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณบ้านของท่านเองที่หน้าวัดราษฎรบูรณะ ทั้งนี้ การลงทุนทำโรงน้ำแข็ง ท่านมิได้เรียกหุ้นจากผู้อื่น แต่ใช้เงินส่วนตัวในการลงทุน ดังนั้น จึงมีข้อจำกัดในการประกอบกิจการที่ไม่สามารถทำได้ใหญ่โตนัก
จนเมื่อพ.ศ. 2442 รัชกาลที่ 5 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเป็นพระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน เจ้ากรมพระราชอุทยานสราญรมย์ เและได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ภูษณาสรณ์ (ช้างเผือกชั้น 4) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2447 ได้รับพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ ในรัชกาลที่ 4 และต่อมาได้รับตรามัณฑนาภรณ์ (มงกุฏสยาม ชั้น 3)
ครั้นต่อมาเมื่อทรงสร้างพระราชวังดุสิต โปรดให้ไปดูการทำสวนในบริเวณพระราชวัง และในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2451 โปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้จัดการโรงทำโซดาดุสิต ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า น้ำโซดาดุสิต มาจนตลอดรัชกาล พระยาอภิรักษ์ราชอุทยานประกอบคุณงามความดีรับใช้เบื้องพระยุคลบาทนานับประการ จึงได้รับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 เหรียญราชรุจิ เหรียญประพาสยุโรป เหรียญทวีทาภิเษก เหรียญรัชมงคล เหรียญรัชมังคลาภิเษก เข็มครุฑ และในปีพ.ศ. 2455 ได้รับพระราชทานเหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 อีกด้วย
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งคณะเสือป่าขึ้น ท่านก็ได้เข้าเป็นเสือป่าด้วยเช่นกัน แต่ขณะนั้นท่านมีอายุถึง 62 ปี เข้าสู่วัยชราภาพแล้ว จึงจำต้องเป็นเสือป่านอกกอง แต่ก็ได้พยายามไปทำการตามหน้าที่เสือป่าอย่างสม่ำเสมอ จนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชดำริเห็นว่าเป็นผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร จึงพระราชทานสัญญาบัตรให้เป็นนายหมู่ตรีเสือป่า เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2455[15]
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
[แก้]- พ.ศ. 2447 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 3 ตริตาภรณ์มงกุฎไทย (ต.ม.)[16]
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 4 จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญบุษปมาลา (ร.บ.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 4 ชั้นที่ 4 (ม.ป.ร.4)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 5 ชั้นที่ 4 (จ.ป.ร.4)[17]
- พ.ศ. ไม่ปรากฎ – เหรียญราชรุจิทอง รัชกาลที่ 5 (ร.จ.ท.5)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. ไม่ปรากฏ – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2453 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
- เข็มครุฑ
ลำดับสาแหรก
[แก้]ลำดับสาแหรกของพระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (แฉล้ม อมาตยกุล) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
|
อ้างอิง
[แก้]- ↑ มูลนิธิสกุลอมาตยกุล. (2514). ลำดับสกุลอมาตยกุล. กรุงเทพฯ. โรงพิมพ์มหาดไทย.
- ↑ น.ต. จิรศํกดิ์ อมาตยกุล ร.น. (2535). สัมภาษณ์.
- ↑ มูลนิธิสกุลอมาตยกุล. (2514). ลำดับสกุลอมาตยกุล. กรุงเทพฯ. โรงพิมพ์มหาดไทย.
- ↑ ตระกูลไกรฤกษ์. (2549). ลำดับตระกูลไกรฤกษ์. กรุงเทพฯ. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
- ↑ วิกิพีเดีย. (2560). รายพระนามพระภรรยาเจ้าและพระสนมในรัชกาลที่ 5. ค้นเมื่อ 22 กันยายน 2560 จาก https://th.wikipedia.org/wiki/รายพระนามพระภรรยาเจ้าและพระสนมในรัชกาลที่_5
- ↑ นิตรสารผู้จัดการ. (2527). และแล้วจะถึงคราวใคร. ค้นเมื่อ 20 กันยายน 2560 จาก http://info.gotomanager.com/news/printnews.aspx?id=8427[ลิงก์เสีย]
- ↑ ปูนซีเมนต์ไทย. (2560). SCG Heritage. ค้นเมื่อ 20 กันยายน 2560 จาก http://ww.sahaoffice.com/content/detail/reference/3470/1/[ลิงก์เสีย]
- ↑ T_0010.PDF (soc.go.th)
- ↑ ตระกูลไกรฤกษ์. (2549). ลำดับตระกูลไกรฤกษ์. กรุงเทพฯ. อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
- ↑ โครงการ “เศรษฐทัศน์” ประจำปี 2561 (bot.or.th)
- ↑ พระราชทานเพลิงศพ
- ↑ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย. (2560). ปฏิวัติกิจการไฟฟ้าไทย. ค้นเมื่อ 20 กันยายน 2560 จาก https://www.egat.co.th/index.php?option=com_content&view=article&id=11&Itemid=152
- ↑ นายเอ็นจิเนียร์. (2560). วัดเลียบยุคบุกเบิกไฟฟ้าไทย. ค้นเมื่อ 20 กันยายน 2560 จาก http://www.9engineer.com/index.php?m=article&a=print&article_id=901
- ↑ การไฟฟ้านครหลวง. (2560). ประวัติความเป็นมาของการไฟฟ้านประเทศไทย. ค้นเมื่อ 22 กันยายน 2560 จาก http://www.mea.or.th/profile/91/96[ลิงก์เสีย]
- ↑ พระราชทานสัญญาบัตรเสือป่า
- ↑ "พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๘๐๓)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2020-07-06. สืบค้นเมื่อ 2020-07-05.
- ↑ พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (หน้า ๑๐๑๔)