พระยามหิบาลบริรักษ์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระยามหิบาลบริรักษ์
เกิด22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2410
เสียชีวิต30 พฤษภาคม พ.ศ. 2470 (60 ปี)
สาเหตุเสียชีวิตหืดและหัวใจอ่อน
ตำแหน่งอัครราชทูตสยามประจำรัสเซีย
คู่สมรสคุณหญิงมหิบาลบริรักษ์ (อุ๊น ภูมิรัตน์)
บุตร4 คน บุตรบุญธรรม 1 คน
บิดามารดา
  • พระยาไกรโกษา (เทศ ภูมิรัตน์) (บิดา)
  • บุบผา หรือ ถมยา (มารดา)

มหาอำมาตย์ตรี พระยามหิบาลบริรักษ์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์) (22 กุมภาพันธ์ 2410 – 30 พฤษภาคม 2470)[1] เป็นขุนนางชาวไทย ผู้ว่าราชการเมืองน่าน, ข้าหลวงพิเศษชำระความเมืองชลบุรี, ผู้ว่าราชการเมืองชลบุรี, อัครราชทูตประจำประเทศรัสเซีย, ข้าหลวงใหญ่บริเวณแขก 7 หัวเมือง และข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลสุราษฎร์

ประวัติ[แก้]

มหาอำมาตย์ตรี พระยามหิบาลบริรักษ์ เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2410 ที่ตำบลท่าเตียน จังหวัดพระนคร เป็นบุตรชายของ พระยาไกรโกษา (เทศ ภูมิรัตน์) มารดาชื่อบุบผา หรือ ถมยา ศึกษาเล่าเรียนและบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ คุณหญิงมหิบาลบริรักษ์ (อุ๊น ภูมิรัตน์) มีบุตร-ธิดารวม 4 คนคือ ประดับ โกมลมาลย์, ไกรเกรียง-เกรียงไกร ภูมิรัตน์ และ พัฒนะ ภูมิรัตน์ นอกจากนี้ยังได้รับหม่อมศรีพรหมา กฤดากร พระธิดาของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช และชายาของหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร เป็นบุตรบุญธรรม[2]

มหาอำมาตย์ตรี พระยามหิบาลบริรักษ์ ถึงแก่กรรมด้วยโรคหืดและหัวใจอ่อน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2470 และได้มีการจัดงานพระราชทานเพลิงศพที่วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2509 ตามคำสั่งเสียของท่านที่ให้จัดงานได้เมื่อลูกหลานมีความพร้อม[3]

รับราชการ[แก้]

พระยามหิบาลบริรักษ์เริ่มต้นรับราชการในตำแหน่งมหาดเล็กวิเศษในกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ ต่อมาในปี 2427 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์เป็น นายนเรศธิรักษ์ มหาดเล็กหุ้มแพร ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา 200 ในปี 2429 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น หลวงชาญภูเบศร์ นายเวรมหาดเล็ก ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา ต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม 2436 ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระพรหมสุรินทร์ เจ้ากรมพระตำรวจขวา ฝ่ายพระราชวังบวร ถือศักดินา 1500[4] ก่อนหน้านั้นในปี 2435 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงประจำเมืองน่าน (เทียบเท่าตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดน่านในปัจจุบัน)

จากนั้นในเดือนมิถุนายน 2439 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น ข้าหลวงพิเศษจัดการศาลยุติธรรมมณฑลปราจิณบุรี พร้อมกับตำแหน่งข้าหลวงว่าราชการเมืองชลบุรี (เทียบเท่าตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีในปัจจุบัน)[5] ก่อนจะพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2440 เนื่องจากมีการย้ายที่ทำการศาลยุติธรรมมณฑลไปอยู่ที่ฉะเชิงเทราและตัวท่านรับราชการเป็นข้าหลวงว่าราชการเมืองชลบุรีไม่สามารถย้ายตามไปทำหน้าที่ได้[6] กระทั่งวันที่ 2 มกราคม 2440 (แบบสากลคือ 2441) ได้โปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ท่านเป็น พระยาชลบุรานุรักษ์ ผู้ว่าราชการเมืองชลบุรี ถือศักดินา 3000[7]

ในปี 2441 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระอภิบาลของ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ ระหว่างเสด็จไปศึกษาที่ประเทศรัสเซีย โดยได้เข้าเฝ้ากราบถวายบังคมลาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2441 และในวันรุ่งขึ้นได้เข้าเฝ้าที่วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เพื่อรับพระราชทานสัญญาบัตรเปลี่ยนบรรดาศักดิ์เป็น พระยามหิบาลบริรักษ์ คงถือศักดินา 3000[8] ในปีถัดมาคือ 2442 ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นอรรคราชทูตสยามประจำรัสเซีย ต่อมาในวันที่ 9 มกราคม 2444 ได้โปรดเกล้าฯ ให้เรียกตัวกลับเข้ามารับราชการที่กรุงเทพฯ โดยมีพระยาศรีธรรมสาส์น อุปทูตรับหน้าที่แทน[9]

ในระหว่างเป็นอรรคราชทูตที่รัสเซีย พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชื่อ เซนต์สตานิสลาส ชั้นที่ 1[10] ต่อมาท่านได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงใหญ่บริเวณ 7 หัวเมือง จากนั้นในวันที่ 25 สิงหาคม 2448 ท่านได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลชุมพร แทนพระยาวรสิทธิ์เสวีวัตร ที่ย้ายกลับไปรับราชการที่กรุงเทพฯ[11]

จากนั้นในวันที่ 20 สิงหาคม 2454 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศให้ท่านเป็น มหาอำมาตย์ตรี พระยามหิบาลบริรักษ์[12] ต่อมาในวันที่ 19 พฤศจิกายน ศกเดียวกัน ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ท่านแต่งตัวชั้นเสวกเอกในกระทรวงวัง[13] ในวันที่ 26 มกราคม 2455 ท่านได้กราบถวายบังคมลาออกจากราชการทำให้พ้นจากตำแหน่งข้าหลวงเทศาภิบาลมณฑลชุมพร โดยมี อำมาตย์โท พระบริรักษ์ภูธร มารักษาราชการแทน[14]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

พระยามหิบาลบริรักษ์ (สวัสดิ์ ภูมิรัตน์) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสยามและต่างประเทศ ดังนี้

เครื่องราชอิสริยาภรณ์สยาม[แก้]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ข่าวตาย
  2. ความรักของ “สาวน่าน” : หม่อมศรีพรหมา กฤดากร
  3. มหิบาล รำลึก
  4. พระราชทานสัญญาบัตร
  5. พระบรมราชโองการ ประกาศ ตั้งข้าหลวงพิเศษจัดการศาลยุติธรรมมณฑลปราจิณบุรี
  6. แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
  7. พระราชทานหิรัญบัตรและสัญญาบัตร
  8. พระราชทานสัญญาบัตร
  9. ประกาศ เปลี่ยนอรรคราชทูตสยาม
  10. พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างประเทศ
  11. แจ้งความกระทรวงมหาดไทย
  12. ประกาศพระราชทานยศแก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย (หน้า 973)
  13. แจ้งความกระทรวงวัง
  14. แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง รั้งตำแหน่งเทศาภิบาลและผู้ว่าราชการเมือง
  15. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๙๙๔, ๑๐ ธันวาคม ๑๓๐
  16. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๑๖ ตอนที่ ๒๑ หน้า ๒๗๐, ๒๐ สิงหาคม ๑๑๘
  17. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลปัจจุบัน, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๗๒, ๓๐ เมษายน ๑๓๐
  18. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๑๘ ตอนที่ ๒๓ หน้า ๓๔๕, ๘ กันยายน ๑๒๐
  19. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างประเทศ, เล่ม ๑๙ ตอนที่ ๒๕ หน้า ๕๐๒, ๒๑ กันยายน ๑๒๑
  20. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเหรียญต่างประเทศ, เล่ม ๒๙ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๔๕๒, ๒๙ กันยายน ๑๓๑