ข้ามไปเนื้อหา

พระยาพิมพิสารราชา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระยาพิมพิสารราชา
เจ้าเมืองแพร่
ครองราชย์พ.ศ. 2390 — พ.ศ. 2429[1]
ก่อนหน้าพระยาอินทวิไชย
ถัดไปเจ้าพิริยเทพวงษ์
เกิดพ.ศ. 2354
ถึงแก่กรรม19 ตุลาคม พ.ศ. 2429
พระชายาแม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี
แม่เจ้าธิดาเทวี
แม่เจ้าคำใย้เทวี
หม่อมจันทร์
พระบุตร5 พระองค์
ราชวงศ์แสนซ้าย
พระบิดาพระยาวังขวา
พระมารดาแม่เจ้าปิ่นแก้ว
เจ้าผู้ครองนครแพร่แห่ง
ราชวงศ์แสนซ้าย
*พระยาแสนซ้าย
*พระยาเทพวงศ์
*พระยาอินทวิไชย
ไฟล์:เจ้าหลวงพิมพิสาร.jpgพระยาพิมพิสารราชา
เจ้าพิริยเทพวงษ์

พระยาพิมพิสารราชา หรือ เจ้าหลวงพิมพิสาร [1] เป็นพระยาแพร่ องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์แสนซ้าย ตรงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงครองนครแพร่ต่อจากพระยาอินทวิไชยผู้เป็นราชมาตุลา .

พระประวัติ

[แก้]

พระยาพิมพิสารราชา มีนามเดิมว่า เจ้าพิมพิสาร เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2354 เป็นโอรสของพระยาวังขวา (เฒ่า) กับเจ้าปิ่นแก้ว น้องสาวของพระยาแสนซ้าย เจ้าเมืองแพร่[2] แต่ในหนังสือ เชื้อสายเจ้าหลวงเมืองแพร่ 4 สมัย เรียบเรียงโดยบัวผิว วงศ์พระถาง เจ้าไข่มุกต์ ประชาศรัยสรเดช และ ร.ต.ดวงแก้ว รัตนวงศ์ ระบุว่า เป็นพระธิดาพระยาเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 1 กับแม่เจ้าสุชาดา และเป็นพระขนิษของพระยาอินทวิไชย เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 3

เจ้าพิมพิสาร ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นที่ พระยาราชวงศ์เมืองแพร่ ครั้นเมื่อ พระยาอินทวิไชย เจ้าผู้ครองนครแพร่ องค์ที่ 3 ผู้เป็นราชมาตุลาถึงแก่กรรมใน พ.ศ. 2390 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งเป็น พระยาพิมพิสารราชา พระยาแพร่ ขณะมีชันษาได้ 34 ปี ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเศก เมื่อ พ.ศ. 2394 พระยาพิมพิสารราชา เจ้าเมืองแพร่ ไม่ได้ลงไปร่วมพระราชพิธี จึงไม่ได้รับพระราชทานสถาปนาเชื้อวงศ์ขึ้นเป็นเจ้าอย่าง เจ้านครเชียงใหม่, เจ้านครลำพูน, เจ้านครลำปาง, และเจ้านครเมืองน่าน[2]

พระยาพิมพิสารราชาเป็นเจ้าหลวงที่ปลูกฝังนิสัยเรื่องการประหยัด และการรู้จักประมาณตนแก่ชาวเมืองแพร่เป็นอย่างดี ดังมีเรื่องเล่ากันว่า หม้อน้ำที่ท่านตั้งไว้ข้างถนนสำหรับผู้สัญจรนั้น จะมีกระบวยใหญ่และกระบวยเล็กอย่างละ 1 อัน หากใครใช้กระบวยใหญ่ตักดื่มน้ำแล้ว เทน้ำที่เหลือทิ้ง หรือใช้กระบวยเล็กตักดื่มซ้ำเมื่อไม่อิ่ม ต่างก็โดนก๋งยิง (เป็นอาวุธที่ใช้ลูกหินขนาดเล็กเป็นกระสุนสามารถทำให้เจ็บตัวหรือเป็นแผลได้) ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่รู้จักประมาณตนเอง หรือไม่ประหยัด นอกจากนี้เจ้าหลวงพิมพิสารยังมีกิจการค้าไม้สัก ทำรายได้เข้าเมืองแพร่นับหลายล้านบาทต่อปี ทำให้เศรษฐกิจในเมืองแพร่มีความต่อเนื่องและเป็นไปได้ดี[3] และพระองค์ยังทรงบูรณะวัดหลวง เมืองนครแพร่ในปี พ.ศ. 2416

ถึงแก่กรรม

[แก้]

พระยาพิมพิสารราชาถึงแก่พิราลัย เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2429 (แรม ๗ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีจอ) เวลาบ่าย 5 โมง สิริชนมายุได้ 74 วัสสา

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องไทยทาน แลหีบศิลาน่าเพลิง ขึ้นไปพระราชทานเพลิงศพ พระยาพิมพิสารราชา เจ้าเมืองแพร่ ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2431 เวลาเช้าชักศพ พระยาพิมพิสารราชา เจ้าเมืองแพร่ เข้าโรงทิมริมน้ำยม ได้ทำบุญให้ทานแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2431 เวลาบ่ายได้เชิญหีบศิลาน่าเพลิงตั้งที่สมควร พระยาอุปราชญาติพี่น้องพระยาลาวท้าวแสน กราบถวายบังคมลงมา ต่อใต้ฝ่าลอองธุลีพระบาท แล้วตีศิลาน่าเพลิงจุดธูปเทียนเผาศพ พระยาพิมพิสารราชา เสร็จแล้วขอพระราชทานถวายพระราชกุศล[4]

ทายาท

[แก้]

พระยาพิมพิสาร มีพระชายา และราชโอรส-ธิดา ดังนี้[3]

  • แม่เจ้าแก้วไหลมาราชเทวี (พบหลักฐานในแผ่นศิลา-จารึกที่วัดหลวง) แต่ไม่ปรากฏมีว่าราชบุตร ด้วยกันหรือไม่
  • แม่เจ้าธิดาเทวี (ธิดาเจ้าหนานคัมภีระ) มีราชโอรส-ธิดา 4 พระองค์ คือ
    • เจ้าบัวไข สมรสกับ เจ้าหนานไชยลังกา (บุตรพระวังขวา (เจ้าหนานคำแสน) กับเจ้าบัวเขียว) ไม่มีบุตร
    • เจ้าเบาะ สมรสกับ พระยาอุปราช (เจ้าหัวหน้า) มีโอรส-ธิดา 2 คน
      • เจ้าฟองคำ สามีไม่ทราบนาม
      • เจ้าน้อยทวงศ์ สมรสกับเจ้าขันคำ รสเข้ม (ไม่มีบุตร)
    • แม่เจ้าอินทร์ลงเหลา เสกสมรสกับเจ้าหนานศรีทิ (เจ้านายเมืองน่าน) มีโอรส-ธิดา 3 คน
      • เจ้าน้อยศรีเมือง หงส์ยี่สิบสาม
      • แม่เจ้าฟอง บรรเลง สมรสกับนายหนานแสน บรรเลง โยมมารดา-บิดา พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ฟู อตฺตสิโว) อดีตเจ้าคณะตรวจการภาค 4 และ 5
      • แม่เจ้าแก้วเหลี่ยมเพชร
    • เจ้าน้อยเทพวงศ์ ต่อมาคือ เจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย
  • แม่เจ้าคำใย้เทวี มีโอรส 1 พระองค์ คือ
    • พระสุริยะจางวาง (น้อยมหาอินทร์ สารศิริวงศ์) เจ้าสุริยะจางวางนครแพร่ เสกสมรส 4 ครั้ง
      • สมรสครั้งที่ 1 กับแม่เจ้าสุชาดา (ไม่มีบุตร)
      • สมรสครั้งที่ 2 กับหม่อมฟองแก้ว มีธิดา 1 คน คือ
        • เจ้าบุญนำ วังซ้าย (สารศิริวงศ์)
      • สมรสครั้งที่ 3 กับหม่อมเป็ง มีโอรส 1 คน คือ
        • เจ้าน้อยคำ สารศิริวงศ์
      • สมรสครั้งที่ 4 กับหม่อมแก้ว มีโอรส 1 คน คือ
        • เจ้าน้อยเป็ด สารศิริวงศ์
  • หม่อมจันทร์ (พบชื่อในประวัติพญาพรหมโวหาร) ไม่ปรากฏว่ามีราชบุตรด้วยกันหรือไม่

พระอิสริยยศ

[แก้]
  • พ.ศ. 2356 เจ้าพิมพิสาร
  • ก่อน พ.ศ. 2390 พระยาราชวงศ์
  • พ.ศ. 2390 - พ.ศ. 2429 พระยาแพร่

ราชตระกูล

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. 1 2 วรชาติ มีชูบท. เจ้านายฝ่ายเหนือและตำนานรักมะเมียะ. กรุงเทพฯ : สร้างสรรค์บุ๊คส์, 2556. 428 หน้า. หน้า 20. ISBN 978-616-220-054-0
  2. 1 2 เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ (ขำ บุนนาค). พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑-๔. กรุงเทพฯ : ศรีปัญญา, 2555. 2,136 หน้า. หน้า 1559. ISBN 978-616-7146-30-0
  3. 1 2 "เจ้าหลวงพิมพิสาร (พิมสาร หรือขาเค)". วังฟ่อนดอตคอม. 18 สิงหาคม 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2559. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. ราชกิจจานุเบกษา,หัวเมืองบอกถวายพระราชกุศลเผาศพ และขอตั้งตำแหน่ง ๒๒ ส.ค. ๒๔๓๐ เล่ม ๔ ตอนที่ ๒๐ หน้า ๑๕๕
ก่อนหน้า พระยาพิมพิสารราชา ถัดไป
พระยาอินทวิไชย เจ้าผู้ครองเมืองแพร่
(พ.ศ. 2390 — พ.ศ. 2429)
เจ้าพิริยเทพวงษ์