โจวันนาแห่งซาวอย
ลิงก์ข้ามภาษาในบทความนี้ มีไว้ให้ผู้อ่านและผู้ร่วมแก้ไขบทความศึกษาเพิ่มเติมโดยสะดวก เนื่องจากวิกิพีเดียภาษาไทยยังไม่มีบทความดังกล่าว กระนั้น ควรรีบสร้างเป็นบทความโดยเร็วที่สุด |
โจวันนาแห่งซาวอย | |||||
---|---|---|---|---|---|
ซารินาแห่งบัลแกเรีย | |||||
ระหว่าง | 25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 – 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 | ||||
พระราชสมภพ | 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 โรม,ราชอาณาจักรอิตาลี | ||||
สวรรคต | 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เอสโตริล,ประเทศโปรตุเกส (พระชนมายุ 92 พรรษา) | ||||
พระราชสวามี | พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย | ||||
พระราชบุตร | เจ้าหญิงมารียา ลูอีซาแห่งบัลแกเรีย พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย | ||||
| |||||
ราชวงศ์ | ซาวอย แซ็กซ์-โคบูร์กและโกธา | ||||
พระราชบิดา | พระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 3 แห่งอิตาลี | ||||
พระราชมารดา | เจ้าหญิงเยเลนาแห่งมอนเตเนโกร |
โจวันนาแห่งซาวอย ซารินาแห่งบัลแกเรีย (ภาษาบัลแกเรีย: Йоанна Савойска; ภาษาอิตาลี: Giovanna Elisabetta Antonia Romana Maria) (13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2450 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543) ทรงเป็นซารินาแห่งบัลแกเรีย พระองค์สุดท้าย โดยเป็นพระมเหสีในพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย เป็นพระราชวงศ์อิตาลี
เมื่อทรงพระเยาว์
[แก้]เจ้าหญิงโจวันนาทรงประสูติในกรุงโรม เป็นพระธิดาพระองค์ที่ 3 ในพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 3 แห่งอิตาลีกับสมเด็จพระราชินีเอเลนาแห่งอิตาลี เดิมเป็นเจ้าหญิงแห่งมอนเตเนโกร พระนางทรงเจริญพระชันษาในวิลลา ซาวอยและตั้งแต่พระชันษายังน้อยทรงได้ตระหนักถึงจุดมุ่งหมายในชีวิตของตน ที่จะสนับสนุนให้ราชวงศ์ซาวอยมีอำนาจขึ้นมาจากการอภิเษกสมรส ในโอกาสพิธีศีลจุ่มเข้ารีตคาทอลิกและมีพระนามว่า โจวันนา เอลิซาเบธตา แอนโตเนีย โรมานา มาเรีย พระนางมีพระเชษฐภคินี 2 พระองค์ได้แก่ เจ้าหญิงโยลันดาแห่งซาวอยและเจ้าหญิงมาเฟลดาแห่งซาวอย พระเชษฐา 1 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 แห่งอิตาลีและพระขนิษฐา 1 พระองค์คือ เจ้าหญิงมาเรีย ฟรานเชสกาแห่งซาวอย
การอภิเษกสมรสและพระโอรสธิดา
[แก้]เจ้าหญิงโจวันนาทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย พิธีจัดตามแบบคาทอลิกที่อาซิซิ ประเทศอิตาลีในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2473 โดยผู้นำเผด็จการแห่งอิตาลี เบนิโต มุสโสลินีได้เข้าร่วมพิธีด้วย ชาวบัลแกเรียเห็นว่าเป็นการอภิเษกสมรสที่ดีเพราะพระมารดาของพระนางทรงเป็นชนพื้นเมืองชาวสลาฟ พระราชพิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นครั้งที่ 2 ที่กรุงโซเฟีย ประเทศบัลแกเรีย เจ้าหญิงโจวันนาทรงอภิเษกสมรสแบบนิกายออร์ทอด็อกซ์ ซึ่งเดิมทีพระนางเป็นพระธิดาในกษัตริย์ผู้เป็นคาทอลิกและราชินีซึ่งนับถืออร์ทอด็อกซ์ แตเพราะพระนางนั้นนับถือนิกายคาทอลิกอยู่แล้วทำให้ขัดแย้งกับคริสตจักรโรมันคาทอลิก พระนางทรงใช้พระนามแบบบัลแกเรียว่า ลอนนา พระนางทรงดำรงเป็น "ซารินาแห่งบัลแกเรีย" หรือ "สมเด็จพระราชินีแห่งบัลแกเรีย" เนื่องจากรัฐธรรมนูญบัลแกเรียได้เขียนไว้ว่า รัชทายาททุกพระองค์ต้องเป็นนิกายออร์ทอด็อกซ์ แต่สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 11 ทรงต้องการให้พระโอรสธิดาที่ประสูติเข้ารีตโรมันคาทอลิก พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 ทรงไม่ยินยอม พระสันตปาปาได้เตรียมบัพพชนียกรรมพระเจ้าซาร์บอริส แต่พระคาร์ดินัลด์ อันเจโล จิอูเซปเป รอนกัลลีซึ่งต่อมาคือ สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 23 ได้ช่วยเหลือและห้ามปรามพระสันตปาปาไว้ พระเจ้าซาร์บอริสจึงทำข้อตกลงกับพระสันตปาปาเป็นไปด้วยดี ซารินาโจวันนาและพระเจ้าซาร์บอริสมีพระโอรส-ธิดาร่วมกัน 2 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงมารียา ลูอีซาแห่งบัลแกเรีย ประสูติ 13 มกราคม พ.ศ. 2476 ทรงอภิเษกสมรสกับ
- ในปีพ.ศ. 2500 เจ้าชายคาร์ลแห่งเลนนินเกน มีพระโอรสรวมกัน 2 พระองค์
- ในปีพ.ศ. 2512 บรอนิสลอว์ โครว์บอก มีพระโอรสธิดารวมกัน 2 พระองค์
- พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย ประสูติ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2480 เป็นพระเจ้าซาร์แห่งบัลแกเรียตั้งแต่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 – 15 กันยายน พ.ศ. 2489 ได้ลี้ภัยไปยังสเปน และได้กลับมายังบัลแกเรียในปีพ.ศ. 2544 และได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบัลแกเรีย
สงครามโลกครั้งที่ 2 และการเสด็จสวรรคตของพระสวามี
[แก้]ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระนางทรงกระตือรือร้นในการเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลและทรงบริจากทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อการกุศล รวมถึงการอุปถัมภ์โรงพยาบาลแก่เด็ก ระหว่างสงครามพระสวามีของพระนางต้องลงนามในสนธิสัญญาไตรภาคีกับฝ่ายอักษะ พระนางและพระสวามีทรงเปิดช่องทางให้ชาวยิวได้หลบหนีไปยังอาร์เจนตินา พระเจ้าซาร์บอริสทรงไม่อ่อนข้อยอมทำตามคำสั่งอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ในการประชุมที่เบอร์ลิน พ.ศ. 2486 ฮิตเลอร์พยายามชักจูงพระองค์เพื่อช่วยรบกับโซเวียตและจะให้ได้ดินแดนเพิ่มขึ้นทางภาคใต้และตะวันตกเพื่อต่อต้านการขยายตัวของสหภาพโซเวียต พระองค์ทรงปฏิเสธและเสด็จกลับ พระองค์ทรงกลับในวันถัดไปไปที่กรุงโซเฟียกับเครื่องบินของเยอรมัน 9 วันหลังจากเสด็จกลับ พระเจ้าซาร์บอริสทรงอาเจียนอย่างรุนแรงและเสด็จสวรรคตในวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 สิริพระชนมายุ 49 พรรษา การเสด็จสวรรคตของพระองค์ยังเป็นที่โต้แย้งกันมาก บางคนกล่าวโทษฮิตเลอร์ แม้พระอนุชาของพระองค์เจ้าชายคิริลแห่งบัลแกเรียทรงประกาศถึงการสวรรคตของพระองค์ในปีพ.ศ. 2488 ว่าทรงถูกลอบวางยาพิษระหว่างเสด็จกลับทางเครื่องบิน แต่การชันสูตรพระศพแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าซาร์บอริสทรงหัวใจวายจากอาการที่ทรงเครียด เจ้าชายซิเมออน พระโอรสได้ขึ้นครองราชสมบัติขึ้นเป็น พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย เนื่องจากมีพระชนมายุเพียง 6 พรรษา จึงจำเป็นต้องมีผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ซึ่งก็คือ เจ้าชายคิริลแห่งบัลแกเรีย พระอนุชาของพระเจ้าซาร์บอริส ทรงพยายามประนีประนอมกับเยอรมนี
การลี้ภัย
[แก้]หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 บัลแกเรียถูกโจมตีโดยสหภาพโซเวียต เจ้าชายคิริลและคณะผู้สำเร็จราชการ, อดีตรัฐมนตรี 22 คน, ผู้แทนราษฎร 67 คน, ที่ปรึกษาพระราชวงศ์ 8 คนและเจ้าหน้าที่ระดับสูง 47 คน รวมถึงผู้ต่อต้านโซเวียตกว่าพันคนถูกสั่งประหารชีวิตทั้งหมด พระราชวงศ์ที่เหลือได้แก่ สมเด็จพระราชินีโจวันนา, พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2, เจ้าหญิงมารี หลุยส์แห่งบัลแกเรีย พระธิดาและเจ้าหญิงยูโดเซียแห่งบัลแกเรีย พระขนิษฐาของพระเจ้าซาร์บอริส ได้รับการอนุญาตให้พำนักที่พระราชวังวรานาใกล้กรุงโซเฟียในขณะที่ได้มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการคอมมิวนิสต์ชุดใหม่ ในบันทึกของพระนางทรงได้เล่าว่า "ทหารโซเวียตในครั้งนั้นได้มีความสนุกจากไล่ยิงพสกนิกรในทุก ๆ ที่ที่นอกเหนือจากได้รับคำสั่งจากคณะรัฐบาลซึ่งตอนนั้นฉันกำลังเดินกับลูก ๆ อยู่ที่ที่นั้น"
ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2489 ได้มีการลงคะแนนเสียงภายในกองทัพโซเวียต ผลออกมาร้อยละ 97 เห็นด้วยในการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนบัลแกเรียและล้มล้างพระราชวงศ์และระบอบกษัตริย์ โดยให้พระราชวงศ์เตรียมตัว 1 เดือนเพื่อออกจากประเทศแต่เพียงวันเดียวคือในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2489 พระราชวงศ์ได้ถูกบังคับให้ออกจากบัลแกเรีย อย่างไรก็ตามพระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงไม่เคยลงพระนามในเอกสารสละราชบัลลังก์อย่างเป็นทางการ พระราชวงศ์ทั้งหมดจึงต้องลี้ภัยไปที่อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ ที่ซึ่งพระบิดาของพระนางคือ สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลีพำนักอยู่หลังจากทรงลี้ภัยจากอิตาลี พระองค์และพระราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากโดยทรงมีทรัพย์เพียงพระองค์ละ 200 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ต่อมาพระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลผู้เป็นพระราชบิดาได้เสด็จสวรรคตลง ทรงมอบมรดกให้แก่พระธิดาซึ่งก็คือ สมเด็จพระราชินีโจวันนา ทำให้ราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2494 รัฐบาลสเปนนำโดยจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโกได้เชิญพระราชวงศ์ลี้ภัยที่สเปน
ปลายพระชนม์ชีพ
[แก้]หลังจากการอภิเษกสมรสของพระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 กับธิดาตระกูลขุนนางสเปนมาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลา ในปี พ.ศ. 2505 พระราชินีโจวันนาทรงย้ายไปพำนักที่ เอสโตริล, ประเทศโปรตุเกส ที่ซึ่งพระนางทรงพำนักในช่วงท้ายของพระชนม์ชีพ ในปี พ.ศ. 2536 พระนางเสด็จกลับบัลแกเรียเพื่อคารวะพระศพของพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 ในระหว่างการเสด็จเยือนบัลแกเรียครั้งนั้นซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายตลอดพระชนม์ชีพพระนาง พระนางทรงได้รับการต้อนรับจากพสกนิกรชาวบัลแกเรียหลายพันคนบนถนน ทุกคนมาเพื่อถวายการต้อนรับพระนาง
สมเด็จพระราชินีโจวันนาเสด็จสวรรคตในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 สิริพระชนมายุ 92 พรรษา พระศพได้ถูกฝังที่อาซิชิ ประเทศอิตาลี ที่ซึ่งพระนางทรงอภิเษกสมรสกับพระสวามีครั้งแรก
พระราชตระกูล
[แก้]16. พระเจ้าชาร์ลส์ อัลเบิร์ตแห่งซาร์ดิเนีย | ||||||||||||||||
8. สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 2 แห่งอิตาลี | ||||||||||||||||
17. เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซาแห่งทัสคานี | ||||||||||||||||
4. พระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี | ||||||||||||||||
18. อาร์คดยุคไรเนอ โจเซฟแห่งออสเตรีย | ||||||||||||||||
9. เจ้าหญิงมาเรีย อเดเลดแห่งออสเตรีย | ||||||||||||||||
19. เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งซาวอย | ||||||||||||||||
2. พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลี | ||||||||||||||||
20. พระเจ้าชาร์ลส์ อัลเบิร์ตแห่งซาร์ดิเนีย(= 16) | ||||||||||||||||
10. เจ้าชายเฟอร์ดินานด์ ดยุคแห่งเจนัว | ||||||||||||||||
21. เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซาแห่งทัสคานี(=17) | ||||||||||||||||
5. เจ้าหญิงมาร์เกริตาแห่งซาวอย | ||||||||||||||||
22. พระเจ้าจอห์นแห่งแซกโซนี | ||||||||||||||||
11. เจ้าหญิงเอลิซาเบธแห่งแซกโซนี | ||||||||||||||||
23. เจ้าหญิงอเมเลีย ออกุสต์แห่งบาวาเรีย | ||||||||||||||||
1. โจวันนาแห่งซาวอย สมเด็จพระราชินีแห่งบัลแกเรีย | ||||||||||||||||
24. ซาวา เปโทรวิช-นีเยกอซ | ||||||||||||||||
12. เมอโก เปโทรวิช-นีเยกอซ | ||||||||||||||||
25. แองเจลิกา ราดามอวิช | ||||||||||||||||
6. สมเด็จพระราชาธิบดีนิโคลัสที่ 1 แห่งมอนเตเนโกร | ||||||||||||||||
26. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
13. อนาสตาซียา มาร์ตินอวิช | ||||||||||||||||
27. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
3. เจ้าหญิงเอเลนาแห่งมอนเตเนโกร | ||||||||||||||||
28. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
14. ปีเตอร์ วูคอวิช | ||||||||||||||||
29. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
7. มิเลนา วูคอวิช | ||||||||||||||||
30. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
15. เยเลนา วูคอวิช | ||||||||||||||||
31. ไม่ทราบชื่อ | ||||||||||||||||
อ้างอิง
[แก้]- http://en.wikipedia.org/wiki/Giovanna_of_Italy
- Boris III of Bulgaria 1894-1943, by Pashanko Dimitroff, London, 1986, ISBN 0-86332-140-2
- Crown of Thorns by Stephane Groueff, Lanham MD., and London, 1987, ISBN 0-8191-5778-3
- The Daily Telegraph, Obituary for "HM Queen Ioanna of the Bulgarians", London, 28 February 2000.
ก่อนหน้า | โจวันนาแห่งซาวอย | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าหญิงเอเลนอร์ รอสแห่งคอสทริกส์ | ซารินาแห่งบัลแกเรีย (บัลแกเรีย) (25 ตุลาคม พ.ศ. 2473 – 28 สิงหาคม พ.ศ. 2489) |
พระอิศริยยศถูกยกเลิก หรือ มาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลา |
- บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2450
- บุคคลที่เสียชีวิตในปี พ.ศ. 2543
- ราชวงศ์ซาวอย
- บุคคลจากโรม
- ราชินีแห่งบัลแกเรีย
- เจ้าหญิงอิตาลี
- ชาวบัลแกเรียเชื้อสายอิตาลี
- สมเด็จพระราชินี
- สมเด็จพระราชชนนีพันปีหลวง
- พระราชธิดาในพระมหากษัตริย์
- พระราชธิดาในสมเด็จพระจักรพรรดิ
- พระราชบุตรในพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 3 แห่งอิตาลี
- พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรีย