กาศีวิศวนาถมนเทียร

พิกัด: 25°18′38.79″N 83°0′38.21″E / 25.3107750°N 83.0106139°E / 25.3107750; 83.0106139
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กาศีวิศวนาถมนเทียร
ศาสนา
ศาสนาศาสนาฮินดู
เขตอำเภอวาราณสี
เทพวิศเวศวร (พระศิวะ)
เทศกาลมหาศิวราตรี
ที่ตั้ง
ที่ตั้งพาราณสี
รัฐรัฐอุตตรประเทศ
ประเทศอินเดีย
กาศีวิศวนาถมนเทียรตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศ
กาศีวิศวนาถมนเทียร
ที่ตั้งในรัฐอุตตรประเทศ
พิกัดภูมิศาสตร์25°18′38.79″N 83°0′38.21″E / 25.3107750°N 83.0106139°E / 25.3107750; 83.0106139
สถาปัตยกรรม
ประเภทมนเทียร
ผู้สร้าง
เสร็จสมบูรณ์1780
ทำลาย
เว็บไซต์
shrikashivishwanath.org

กาศีวิศวนาถมนเทียร (อังกฤษ: Kashi Vishwanath Temple) เป็นโบสถ์พราหมณ์บูชาพระศิวะ ตั้งอยู่ที่วิศวนาถคาลี ใกล้กับนครพาราณสี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย มนเทียรนี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการจาริกแสวงบุญที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดสำหรับศาสนิกชนของลัทธิไศวะ และถือเป็นหนึ่งใน ชโยติรลึงค์ ทั้งสิบสอง ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิมานที่ประทับที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระศิวะ มนเทียรตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคงคา และมีเทพองค์ประธานคือพระวิศวเนศวร ซึ่งแปลว่า "เจ้าแห่งจักรวาล" ส่วนชื่อ "กาศี" เป็นชื่อเดิมของนครพาราณสี

มนเทียรเคยถูกบุกเข้าทำลายหลายครั้ง ครั้งล่าสุดโดยจักรพรรดิโมกุล เอารังเซบ ผู้สร้างมัสยิดญาณวาปี ขึ้นทับแทนที่[1] มนเทียรหลังปัจจุบันนั้นสร้างขึ้นใหม่อยู่ตรงข้ามกันโดยผู้นำของมราฐา อาหิลยาบาอี โหลกัร แห่งอินเทาร์ ในปี 1780[2] คณะกรรมการทรัสต์ของมนเทียรอยู่ภายใต้การจัดตั้งของรัฐบาลรัฐอุตตรประเทศ นับตั้งแต่ปี 1983 มา[3]

ตามตำนานในศิวปุราณะ พระพรหม กับ พระวิษณุ เคยถกเถียงกันถึงว่าผู้ใดมีความยิ่งใหญ่กว่ากัน[4] พระศิวะจึงเจาะรูขนาดใหญ่ทะลุโลกและตั้งเสาแสงที่มีความยาวเป็นอนันต์ เพื่อทดสอบกำลังของทั้งสอง เสาแสงนี้เรียกว่า ชโยติรลึงค์ ในตอนแรก พระวิษณุอวตารเป็นหมูป่า (วราหะ) เพื่อขุดดินลงไปหาฐานของเสา ส่วนพระพรหมอวตารเป็นหงส์ขึ้นไปบนฟ้าเพื่อหายอดของเสา พระพรหมอ้างว่าตนพบยอดของเสาแล้ว แม้จะไม่เป็นความจริง ในขณะที่พระวิษณุยอมรับความพ่ายแพ้ที่ตนไม่สามารถหาฐานของเสาได้ พระศิวะจึงลงโทษพระพรหมโดยการตัดเศียรที่ห้าออกและสาปแช่งให้ไม่มีใครเคารพบูชาพระพรหมอีก เนื่องจากพระวิษณุเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ จึงได้รับการเคารพบูชาอย่างมากเทียบเท่ากับพระศิวะ มนเทียรที่มีเทพองค์ประธานเป็นพระศิวะและพระวิษณุจึงสามารถพบเห็นได้ทั่วไป[5] มนเทียรที่เป็นชโยติรลึงค์จึงบูชาพระศิวะในรูปของเสาแสงอนันต์นี้ตามตำนาน[6][7] ดังที่ปรากฏบูชาในรูปของ ลึงค์ ซึ่งแทนเสา (สตมภ์) ที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและไม่มีที่สิ้นสุด อันเป็นสัญลักษณ์แทนความเป็นอนันต์ของพระศิวะ[8][9][10] กาศีวิศวนาถ เป็นหนึ่งใน 12 ชโยติรลึงค์นี้[4][11]

อ้างอิง[แก้]

  1. Akhil Bakshi (2004). Between heaven and hell: travels through Sri Lanka, Bangladesh, Bhutan, Nepal, and India: an account of the expedition hands across the borders. Odyssey Books.
  2. "Shri Kashi Vishwanath Temple - A Brief history".
  3. Dumper, Michael (2020). Power, piety, and people the politics of holy cities in the twenty-first century. New York. ISBN 978-0-231-54566-2. OCLC 1145080849.
  4. 4.0 4.1 R. 2003, pp. 92-95
  5. Saraswati, Saranyu S. (2020). Biological Decoding of the Hindu Gods and Goddesses (ภาษาอังกฤษ). Notion Press. ISBN 9781649516336.
  6. Eck 1999, p. 107
  7. See: Gwynne 2008, Section on Char Dham
  8. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ Lochtefeld
  9. Harding 1998, pp. 158-158
  10. Vivekananda Vol. 4
  11. Chaturvedi 2006, pp. 58-72

บรรณานุกรม[แก้]