การออกอากาศโทรทัศน์ในระบบยูเอชเอฟ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

การออกอากาศโทรทัศน์ในระบบยูเอชเอฟ คือการใช้คลื่นวิทยุย่านความถี่สูงยิ่ง หรือยูเอชเอฟ (UHF) สำหรับการแพร่สัญญาณโทรทัศน์ภาคพื้นดินทั้งระบบแอนะล็อกและดิจิทัล โดยทั่วไปช่องยูเอชเอฟจะมีหมายเลขช่องสัญญาณที่สูง ๆ เช่น การจัดเรียงช่องของประเทศไทย มีช่องวีเอชเอฟอยู่ 11 ช่อง คือช่อง 2 - 12 และช่องยูเอชเอฟอีก 49 ช่อง คือช่อง 21 - 69 เมื่อเทียบกับเครื่องส่งโทรทัศน์วีเอชเอฟที่เทียบเท่าแล้ว เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่เดียวกันด้วยเครื่องส่งสัญญาณยูเอชเอฟ ต้องใช้กำลังการแผ่รังสีที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ซึ่งอาจหมายถึงเครื่องส่งที่มีกำลังมากกว่า หรือเสาอากาศที่ซับซ้อนมากกว่า อย่างไรก็ตาม ช่องที่เพิ่มเติมช่วยให้มีผู้แพร่ภาพกระจายเสียงมากขึ้นในภูมิภาคที่กำหนด โดยไม่ก่อให้เกิดการรบกวนซึ่งกันและกันที่น่ารังเกียจ

การออกอากาศระบบยูเอชเอฟเกิดขึ้นเนื่องจากการเปิดตัวหลอดสุญญากาศความถี่สูงรุ่นใหม่ที่พัฒนาโดยฟิลิปส์ในทันทีก่อนที่สงครามโลกครั้งที่สองจะเปิดฉากขึ้น สิ่งเหล่านี้ถูกใช้ในโทรทัศน์รุ่นทดลองในสหราชอาณาจักรในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในช่วงสงครามในฐานะเครื่องรับเรดาร์ ท่อส่วนเกินท่วมตลาดในยุคหลังสงคราม ในเวลาเดียวกัน การพัฒนาโทรทัศน์สีกำลังดำเนินการขั้นตอนแรก โดยเริ่มจากระบบส่งสัญญาณที่เข้ากันไม่ได้ คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐได้จัดสรรความถี่ยูเอชเอฟที่ไม่ได้ใช้แล้วและใช้งานได้จริงสำหรับการใช้งานโทรทัศน์สี การแนะนำมาตรฐานเอ็นทีเอสซีที่สามารถเข้ากันได้กับรุ่นที่เก่ากว่า ทำให้ช่องเหล่านี้ถูกเผยแพร่ทางโทรทัศน์ในปี ค.ศ. 1952

โดยทั่วไปแล้วเครื่องรับในช่วงแรกจะมีประสิทธิภาพน้อยกว่าที่การรับย่านความถี่ยูเอชเอฟ และสัญญาณยังอาจถูกรบกวนจากสิ่งแวดล้อมมากขึ้น[1] นอกจากนี้สัญญาณยังไม่ไวต่อผลจากการเลี้ยวเบนซึ่งสามารถปรับปรุงการรับสัญญาณในระยะไกลได้[2] โดยทั่วไปยูเอชเอฟมีสัญญาณที่ชัดเจนน้อยกว่า และสำหรับบางตลาดกลายเป็นบ้านของผู้แพร่ภาพกระจายเสียงขนาดเล็กที่ไม่เต็มใจที่จะประมูลการจัดสรรวีเอชเอฟที่เป็นที่ต้องการ ปัญหาเหล่านี้ลดลงอย่างมากเมื่อมีโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล และในปัจจุบันการออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดินส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระบบยูเอชเอฟ ในขณะที่ช่องวีเอชเอฟกำลังจะเลิกใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงการหายไปของช่อง ระบบการออกอากาศแบบดิจิทัลจึงมีแนวคิด ช่องเสมือน ซึ่งช่วยให้สถานีโทรทัศน์สามารถรักษาหมายเลขช่องวีเอชเอฟเดิมไว้ได้ในขณะที่ออกอากาศจริงด้วยความถี่ยูเอชเอฟ

เมื่อเวลาผ่านไป ช่องโทรทัศน์ในอดีตจำนวนมากในระบบยูเอชเอฟย่านความถี่สูงก็ได้รับการกำหนดให้ใช้งานในแบบอื่นอีกครั้ง ไม่เคยใช้ช่อง 37 ในสหรัฐและบางประเทศเพื่อป้องกันการแทรกแซงทางดาราศาสตร์วิทยุ[3] ส่วนในประเทศไทย กรมไปรษณีย์โทรเลข (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสำนักงาน กสทช.) ได้สงวนช่องสัญญาณที่ 21 - 25 และ 61 - 69 ไว้เพื่อใช้ในระบบการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือแบบรวงผึ้ง จึงทำให้ประเทศไทยสามารถใช้ช่องสัญญาณเพื่อออกอากาศทางโทรทัศน์ได้ตั้งแต่ช่องที่ 26 - 60 เท่านั้น จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2562 สำนักงาน กสทช. ได้ปรับเปลี่ยนการใช้งานระบบยูเอชเอฟสำหรับออกอากาศโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลในประเทศไทย โดยให้ดำเนินการออกอากาศโดยปรับลดไปยังช่องความถี่ที่ต่ำลงกว่าเดิม คือช่องที่ 21 - 48 ทั้งนี้ เนื่องจากจะต้องเรียกคืนคลื่นความถี่ 700 เมกะเฮิรตซ์ขึ้นไป เพื่อจัดสรรและมอบให้แก่ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายต่าง ๆ เพื่อให้นำไปใช้และให้บริการเครือข่ายการสื่อสารระบบ 5 จี ซึ่งจะเริ่มทดลองและให้บริการจริงตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2563 และในปี พ.ศ. 2563 นี้เอง ในช่วงเดือนกันยายนถึงธันวาคม สำนักงาน กสทช. ได้ปรับปรุงระบบสัญญาณทั่วประเทศเพื่อย้ายความถี่ในการออกอากาศสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ ทำให้แต่ละพื้นที่รับสัญญาณไม่ได้ชั่วคราว โดยผู้ชมที่รับชมผ่านกล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัล และสมาร์ททีวี สามารถปรับจูนสัญญาณโทรทัศน์ได้ด้วยตนเอง ส่วนโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมและโทรทัศน์ผ่านสายเคเบิลจะไม่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้[4]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Choosing a mounting site". HDTVPrimer.
  2. "Why Is There No Channel 37?". History of UHF Television. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-01-15. สืบค้นเมื่อ 2020-11-21.
  3. "Why Is There No Channel 37?". History of UHF Television. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-01-15. สืบค้นเมื่อ 2020-11-21.
  4. "เตรียมจูนทีวีใหม่ ก่อนจอดำ! กันยายนนี้ กสทช. สั่งปรับความถี่ รองรับการเรียกคืนคลื่น 700 MHz". แบไต๋. 19 สิงหาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2563. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |access-date= (help)CS1 maint: url-status (ลิงก์)