กริช
บทความนี้ไม่มีการอ้างอิงจากแหล่งที่มาใด |
กริชอินโดนีเซีย * | |
---|---|
![]() | |
![]() กริชบาหลี | |
ประเทศ | ![]() |
ภูมิภาค ** | เอเชียและแปซิฟิก |
สาขา | งานช่างฝีมือดั้งเดิม |
อ้างอิง | 112 |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2551 (คณะกรรมการสมัยที่ 3) |
รายการ | ตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ |
* ชื่อตามที่ได้จดทะเบียนในบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและการสงวนรักษาที่ดี ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
กริช เป็นมีดสั้นแบบหนึ่ง ใบมีดคดแบบลูกคลื่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในหมู่ผู้คนในประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และห้าจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย กริชนั้นเป็นทั้งอาวุธและวัตถุมงคล บ่งบอกถึงเหตุดีร้ายในชีวิตได้ ปัจจุบันยังนิยมสะสมเป็นของเก่าที่มีคุณค่าสูง
คำว่า กริช ในภาษาไทย น่าจะถอดมาจาก keris ในภาษามลายู ซึ่งหมายถึง "มีดสั้น" คำนี้รับผ่านมาจากภาษาชวาโบราณอีกทอดหนึ่ง คือ งริช หรือ เงอะริช หมายถึง "แทง" ภาษาต่าง ๆ ในยุโรป ใช้ว่า kris ตามมลายู
เชื่อกันว่ากริชนั้นเริ่มมีใช้ในเกาะชวา แล้วแพร่หลายไปทั่วหมู่เกาะอินโดนีเซีย ผ่านไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันเป็นที่รู้จักในมาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ตอนใต้ กัมพูชา ภาคใต้ของไทย สิงคโปร์ และแม้กระทั่งเวียดนาม
ลักษณะ[แก้]
ตัวกริชหรีอส่วนใบมีดนั้นมักจะเรียวและคด ส่วนโคนกว้าง ความยาวของกริชนั้นแตกต่างกันไปไม่จำกัด ใบมีดก็ตีจากแร่เหล็กต่าง ๆ กัน แต่โดยมากจะมีนิกเกิลผสมอยู่ ช่างทำกริชหรือ เอิมปู จะตีใบมีดเป็นชั้น ๆ ด้วยโลหะต่าง ๆ กัน กริชบางเล่มใช้เวลาสั้น บางเล่มใช้เวลาตีนานเป็นปี ๆ หรือใช้เวลาชั่วชีวิตก็มี กริชที่มีคุณภาพสูง ตัวใบมีดจะพับทบเป็นสิบ ๆ หรือร้อย ๆ ครั้ง โดยมีความแม่นยำสูงมาก ใบมีดนั้นอาจมีรอยประทับของช่างกริช เช่นรอยนิ้วหัวแม่มือ ริมฝีปาก ในระหว่างการตีใบมีดนั้น การใช้โลหะต่างชนิดกันมาตีเป็นมีดใบเดียวทำให้เกิดเป็นลายน้ำที่แตกต่างกัน ซึ่งเรียกว่า ปาโมร์ หรือ ปามีร์ อันเป็นแนวคิดเดียวกับเหล็กกล้าดามัสกัสและญี่ปุ่น มีการใช้กรดกัดตัวใบมีดหลังจากตีแล้ว เพื่อให้เกิดรอยเงาและทึบบนโลหะ สำหรับแหล่งแร่เหล็กนั้นจะเป็นแหล่งแร่ที่หายากแถบมาเลเซียหรืออินโดนีเซีย
ใบกริชนั้นจะคดหรือหยักเป็นลอนคลื่น เรียกว่า ลุก หรือ ลก กริชส่วนใหญ่มีน้อยกว่า 13 หยัก และนับเลขคี่เสมอ