ไทยเชื้อสายญวน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชาวไทยเชื้อสายญวน/เวียดนาม
เวียดนาม/แกว

ภูมิภาคที่มีประชากรอย่างมีนัยสำคัญ
กาญจนบุรี จันทบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กรุงเทพมหานคร, สกลนคร, นครพนม, มุกดาหาร, สิงห์บุรี, สุพรรณบุรี, อุบลราชธานี, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, เลย, หนองบัวลำภู, สระแก้ว, เชียงใหม่, พิจิตรไทย ประเทศไทย
ภาษา
ภาษาไทย, ภาษาญวนถิ่นไทย
ศาสนา
ศาสนาพุทธ, ศาสนาคริสต์

ชาวไทยเชื้อสายญวน หรือ ชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม บ้างอาจปรากฏว่า แกว หรือ เวียดนาม หนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งในประเทศไทย ในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายญวนแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ ญวนเก่า และญวนใหม่ กลุ่มญวนเก่าได้อพยพเข้ามายังสยามในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณวัดส้มเกลี้ยงเหนือบ้านเขมร เพราะนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เช่นเดียวกับชาวเขมรที่เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช และ ชาวโปรตุเกสที่เข้ามาอยู่ตั้งแต่สมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเงินส่วนพระองค์ ซื้อที่ดินสวนแปลงใหญ่ใกล้เคียงกัน พระราชทานให้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งชาวญวนเก่าปัจจุบันได้ผสมกลมกลืนไปกับคนไทยหมดแล้ว และบางส่วนก็แต่งงานอยู่อาศัยกับชาวเขมรและชาวโปรตุเกสบริเวณวัดคอนเซ็ปชัญ[2] ส่วนญวนใหม่คือคนที่อพยพเข้ามาในไทยในปี พ.ศ. 2488 (เริ่มการประกาศราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง) และในปี พ.ศ. 2489 (ปีที่คอมมิวนิสต์ครอง) และชาวญวนใหม่เหล่านี้ได้ทยอยเข้ามาในไทยจนถึงปี พ.ศ. 2499[3]

สาเหตุสำคัญที่ชาวญวนอพยพเข้าสู่ดินแดนสยามคือ เพื่อลี้ภัยทางการเมือง และลี้ภัยทางศาสนา[4] เนื่องจากสยามเป็นเพื่อนบ้านที่มีเสถียรภาพ อุดมสมบูรณ์ และพวกเขาสามารถอาศัยอยู่อย่างสงบสุขได้[4]

ประวัติ[แก้]

ภาษาและวัฒนธรรม[แก้]

ปัจจุบันชาวญวนเก่าในประเทศไทยถูกกลืนไปกับคนไทยจนสิ้นแล้ว ยังคงเหลือแต่ชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาคริสต์ในกรุงเทพฯ (สามเสน) และจันทบุรีเท่านั้นที่ยังรักษาภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีเดิมไว้ได้[5] ซึ่งต่างจากชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาพุทธที่เข้ากับคนไทยได้ดีเนื่องจากมีศาสนาเดียวกัน[5]

แม้ชาวญวนเก่าที่นับถือศาสนาคริสต์ในไทยจะไม่ติดต่อกับชาวญวนในเวียดนามเลยนานนับศตวรรษ แต่พวกเขาเหล่านั้นก็อยู่กันตามเชื้อชาติโดยแยกต่างหากจากคนไทย ทำให้พวกเขายังสามารถรักษาภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ได้ ทั้งนี้พวกเขามีความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของเขา จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่กระตือรือร้นที่จะเป็นคนไทยหรือปรับตัวเข้ากับสังคมไทยอย่างรวดเร็ว[6] รวมไปถึงการตั้งถิ่นฐานแออัดกันรอบ ๆ โบสถ์ และการแต่งงานกับคนที่นับถือศาสนาและเชื้อชาติเดียวกัน[7]

ในปี พ.ศ. 2500 ชาวเวียดนามสูงอายุที่อาศัยอยู่ในสามเสน และจันทบุรียังคงการใช้ภาษาเวียดนามอยู่แต่เป็นสำเนียงเวียดนามใต้ ซึ่งเป็นภาษาเวียดนามเก่าซึ่งในประเทศเวียดนามไม่ได้ใช้แล้วจึงทำให้ไม่สามารถติดต่อกับชาวเวียดนามได้ง่าย รวมไปถึงคำศัพท์และสำนวนหลายคำนั้นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาไทย[8] พวกเขามีคำสวดที่ใช้ทุกวัน และหนังสือสอนศาสนาเป็นภาษาเวียดนามอักษรโกว๊กหงือ (Quốc Ngữ) ภาษาเวียดนามในไทยปัจจุบันนั้นมีคำไทยปะปนอยู่มาก ทั้งสำเนียงก็ยังเป็นแบบไทย[9] การสนทนาระหว่างคนญวนจากประเทศเวียดนามกับคนญวนในไทยจึงต้องอาศัยล่ามช่วยอธิบาย[9] ดังนั้นราวหนึ่งหรือสองช่วงคน หรืออีก 50 ปีเป็นอย่างมาก คนญวนในไทยจะถูกผสมกลมกลืนทางภาษาได้สำเร็จ[9]

กลุ่มที่สามารถใช้ภาษาเวียดนามได้นั้น ในปัจจุบันล้วนเป็นผู้สูงอายุทั้งสิ้น ขณะที่เด็กรุ่นใหม่บางคนฟังได้พอเข้าใจแต่ไม่สามารถพูดได้[10] ขณะที่ผลการวิจัยของ Bui Quang Tung ได้กล่าวถึง คนที่ยังพูดภาษาเวียดนามได้เป็นผู้มีอายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีทั้งสิ้น ที่อายุน้อยกว่านี้พอเข้าใจแต่พูดไม่ได้ที่พูดได้บ้างก็ไม่ดีนัก ทั้งนี้เนื่องจากนโยบายกลืนชาติของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม ที่นำนโยบายชาตินิยมมาใช้ และมีผลกระทบต่อชาวญวนในไทย[9]

ปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายญวน ในภาคอิสานได้มีการฟื้นฟูภาษาและอัตลักษณ์ เอกลักษณ์ อาหาร โดยในปัจจุบันเริ่มมีการใช้ภาษาเวียดนาม ภายในครอบครัว อย่างแพร่หลาย ซึ่งคนไทยเชื้อสายญวนส่วนใหญ่จะสามารถพบได้ใน จังหวัดนครพนม อุดรธานี ขอนแก่น หนองคาย และหลายจังหวัดในภาคอิสาน ซึ่งได้มีการตั้งสมาคมคนไทยเชื้อสายเวียดนาม โดยเฉพาะจังหวัดขอนแก่น ได้มีความร่วมมืออย่างจริงจังในสานสัมพันธ์ที่ดีกับทางสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยได้มีการสร้าง วัดเสาเดียว (One Pillar Pagoda) ริมบึงแก่นนคร เพื่อแสดงถึงมิตรภาพและความสัมพันธ์อันดีงามที่มีมาอย่างยาวนานระหว่างประเทศไทยกับประเทศเวียดนาม เปิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 และยังมีการตั้งกงสุลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ที่จังหวัดขอนแก่น แม้ในปัจจุบันคนไทยเชื้อสายญวนนั้นจะกลมกลืนไปตามกระแสสังคม แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ภาษา อาหาร เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ต่อไป

ตระกูลชาวไทยเชื้อสายญวน[แก้]

  • กาญจนารัณย์ : อำมาตย์โท พระนราภิบาลบดีศรีสมุทรเขตร์ (เปลี่ยน)
  • กายะสุต : รองอำมาตย์โท ขุนประวิธโทรรัฐ (บง)
  • โดษาภิรมย์ : อำมาตย์เอก พระพจนากรเกษตรการ (บุญรอด)
  • จุลสุคนธ์ : นายร้อยเอก หลวงภูเบนทร์นุรักษ์ (ผ่าน)
  • ตัณสถิตย์ : รองอำมาตย์โท ขุนทะเบียนโอสถ (สังวาลย์)
  • ชมจินดา : ร้อยตำรวจเอก ขุนอาชัพสุรทัณฑ์ (ดวง)
  • ชมไพศาล : นายร้อยเอก หลวงพิศาลสรพล (สงวน)
  • ชีรานนท์ : รองอำมาตย์เอก หลวงแผลงสะท้าน (สิน)
  • บิณบุรี : นาวาโท พระโอวาทวรวิทย์ (เริ่ม)
  • พันธุมจินดา : รองเสวกตรี หมื่นวีณินประณีต (จ่าง)
  • มีเฟื่องศาสตร์ : ขุนธรนินทร์สะท้าน (เกวียน) , ขุนประสานดุริยางค์ (บุญรอด)
  • วรรณางกูร : หลวงพิพัฒน์โอสถ (เภา) , ขุนตรีโลกลั่น (เตือย)
  • วันเจริญ : ขุนวิจิตโอภาส (โด๋วาน)
  • วาศิกคุตตะ : นายร้อยตำรวจตรี ทองอยู่
  • วิลักษณานนท์ : รองอำมาตย์เอก หลวงวิจารณ์ปัสตุระกิจ (แทน)
  • วิลัยทอง : ร้อยเอก หลวงโรมปรปักษ์ (เลี่ยม)
  • ศรจิตติ : พันเอก พระยาราชอัครนิรักษ์ (พาด)
  • ศรีมังกร : ขุนศรีมังกร (หล่า)
  • ศตรัศมีพงศ์ : นายโกศล (เจ๊ก)
  • เสนะวาทิน : เสวกตรี หลวงดนตรีบรรเลง (กุล)
  • เสนะวิณิน : เรือโท มาณิต
  • เอกะสิงห์ : พันตรี หลวงอนุกรรณกิจ (ชื้น) , ขุนอัครปรีชา (ชุ่ม)
  • อิศรภักดี : พระยาพรหมาภิบาล (แขก)
  • อานามนารถ : สืบทอดจากชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นส่วนมาก

แหล่งค้นคว้าเพิ่มเติม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 44
    หนังสือเล่มดังกล่าวได้ข้อมูลมาจากสำนักงานสถิติแห่งชาติประจำ พ.ศ. 2503 และการสำรวจสำมะโนประชากรบางส่วนในปี พ.ศ. 2508
  2. ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 5
  3. ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 4
  4. 4.0 4.1 ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 22
  5. 5.0 5.1 ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 122
  6. Joanne Schrock. Minority Groups in Thailand. Washington D.C.:Headquaters Department of the Army, 1970. หน้า 45
  7. ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 123
  8. Bui Quang Tung. "Contribution a I'Etude des Colonies Vietnamiennes en Thailand". Fance Asie, CXLV III (Sept, 1958). หน้า 10
  9. 9.0 9.1 9.2 9.3 ผุสดี (ลิมพะสุต) จันทวิมล. เวียดนามในเมืองไทย. กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2541 หน้า 125
  10. ปราณี กล่ำส้ม. ย่านเก่า ในกรุงเทพ เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 2, กรุงเทพ:เมืองโบราณ, หน้า 229