ข้ามไปเนื้อหา

ไฮม์แวร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไฮม์แวร์
ควบรวมกับแนวร่วมปิตุภูมิ[1]
ก่อตั้งพฤษภาคม ค.ศ. 1920
ผู้ก่อตั้งริชาร์ด ชไตด์เลอ
ล่มสลายตุลาคม ค.ศ. 1936
ประเภทกองกำลังกึ่งทหาร
ถิ่นดั้งเดิมผลที่ตามมาจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
พื้นที่ให้บริการ
สาธารณรัฐออสเตรียที่ 1
สมาชิก
Steady 400,000 คนโดยประมาณ (ค.ศ. 1929)[3]
บุคลากรหลัก
วัลเทอร์ ฟรีเมอร์
วัลเดมาร์ พับสท์
กลุ่มผู้พิทักษ์บ้านเกิด
Heimatblock
ก่อตั้งพฤษภาคม ค.ศ. 1930
ถูกยุบ27 กันยายน ค.ศ. 1933
อุดมการณ์ชาตินิยมออสเตรีย
การต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์
รัฐบรรษัทนิยม[4][5]
จุดยืนฝ่ายขวาถึงขวาจัด
สภาแห่งชาติ (ค.ศ. 1930)
8 / 165 (5%)
การเมืองออสเตรีย
รายชื่อพรรคการเมือง
การเลือกตั้ง

ไฮม์แวร์ (เยอรมัน: Heimwehr; แปลว่า ผู้พิทักษ์บ้านเกิด) หรือ ไฮมัทชุทซ์ (เยอรมัน: Heimatschutz; แปลว่า ผู้ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอน)[6] เป็นองค์กรกึ่งทหารฝักใฝ่ชาตินิยมที่ดำเนินการอยู่ในประเทศออสเตรียในระหว่าง ค.ศ. 1918-1919 ถึง ค.ศ. 1936[7] ซึ่งการเคลื่อนไหว อุดมการณ์ และโครงสร้างขององค์กรมีลักษณะคล้ายคลึงกับไฟรคอร์ของเยอรมนี อีกทั้งองค์กรยังยกย่องระบอบเผด็จการของประเทศข้างเคียงอย่างอิตาลีและฮังการีด้วย[8] ด้วยอุดมการณ์ที่เป็นปฏิกิริยา เป้าหมายหลักขององค์กรจึงเป็นการจัดตั้งระบอบเผด็จการแทนที่ระบบการเมืองแบบสาธารณรัฐ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคมได้[9] ขบวนการฟาสซิสต์ล้มเหลวในความพยายามที่จะยึดอํานาจในออสเตรีย และไม่ประสบผลสำเร็จในการรักษาแรงสนับสนุนของประชาชนอย่างยั่งยืนในวงกว้าง อย่างไรก็ดี องค์กรยังคงได้รับการสนับสนุนจากอิตาลีและฮังการีสำหรับการขจัดอำนาจทางการเมืองของกลุ่มสังคมนิยมและยุติระบบรัฐสภาประชาธิปไตย[7]

เดิมทีแล้ว องค์กรเป็นเพียงกลุ่มติดอาวุธที่ต้องการปกป้องพรมแดนของสาธารณรัฐออสเตรียที่ 1 และดูแลทรัพย์สินของชาติภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป องค์กรได้รับการสนับสนุนนายธนาคารอุตสาหกรรมและได้รับเงินทุนกับอาวุธจากเยอรมนี ฮังการี และอิตาลี[10] แม้การโฆษณาชวนเชื่อของไฮม์แวร์จะมีลักษณะแบบปฏิกิริยา แต่ผู้นำหลักขององค์กรไม่ได้มาจากชนชั้นอภิสิทธิ์ของอดีตจักรวรรดิ โดยพวกเขาเป็นกลุ่มชนชั้นกลางและนายทหารบก[11] สำหรับอุดมการณ์เชิงรัฐบรรษัทนิยมแท้จริงเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อปกปิดเป้าหมายหลักขององค์กรเท่านั้น ซึ่งก็คือการยึดอำนาจทางการเมืองของประเทศ[12] จุดอ่อนสำคัญขององค์กรเกิดจากหลายปัจจัย อันประกอบด้วยการไร้แรงผลักดันในลัทธิชาตินิยมออสเตรีย การพึ่งพาต่างชาติมากเกินไป ความเป็นไปไม่ได้ในการฟื้นฟูความรุ่งโรจน์แบบสมัยจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี การได้รับการสนับสนุนอย่างจำกัดจากคริสตจักรคาทอลิกที่มีอำนาจ และการขาดผู้นำที่เข็มแข็งเมื่อเปรียบเทียบกับขบวนการอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันอย่างฮิตเลอร์และมุสโสลินี[13] ภายในองค์กรก็เกิดการแข่งขันกันระหว่างผู้นำระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค[13] นอกจากนี้ การดำเนินกิจการต่าง ๆ ขององค์กรนั้นขึ้นอยู่กับการสนับสนุนทางการเงินจากต่างประเทศอย่างมีนัยสําคัญ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นจำนวนมากกว่าที่ได้รับจากผู้สนับสนุนในออสเตรียอีกด้วย[14]

ในช่วงปลายทศวรรษ 1920 ไฮม์แวร์มีจำนวนสมาชิกอยู่ในจุดสูงสุด (400,000 คนโดยประมาณ) โดยในช่วงห้าปีสุดท้ายของการดำรงอยู่ องค์สามารถเข้าถึงอำนาจทางการเมืองสูงสุดของประเทศผ่านการเป็นพันธมิตรกับนายกรัฐมนตรีเอ็งเงิลแบร์ท ด็อลฟูส และความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้นำอิตาลีเบนิโต มุสโสลินี[15] ประวัติขององค์กรถูกแบ่งออกเป็นหลายช่วงเวลาด้วยกัน โดยในช่วงแรกเริ่มในระหว่าง ค.ศ. 1918–1921 องค์กรเป็นเพียงกองกำลังฝ่ายขวาที่ก่อตั้งขึ้นหลังสงครามโลกและมีการติดต่อกับองค์กรที่คล้ายคลึงกันในเยอรมนีและฮังการี ต่อมาระหว่าง ค.ศ. 1921–1927 เป็นสมัยแห่งความเสื่อมโทรม แต่สามารถกลับสู่สมัยฟื้นคืนประสิทธิภาพอีกครั้งในช่วง ค.ศ. 1927–1929 หลังจากนั้นองค์กรต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหม่ในช่วง ค.ศ. 1929–1930 เนื่องจากสูญเสียความเชื่อมั่นของผู้สนับสนุนทั้งในและต่างประเทศ และในช่วงห้าปีสุดท้ายที่อยู่ในอำนาจรัฐบาลก่อนการยุบองค์กรใน ค.ศ. 1936[16]

องค์กรมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองออสเตรีย ซึ่งได้ยกเลิกทางการเมืองของฝ่ายค้านสังคมนิยมและปูทางสำหรับการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเผด็จการฉบับใหม่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1934[15]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Bundesgesetz über die „Vaterländische Front". In: BGBl 1936/160. Wien 20. Mai 1936 (Online auf ALEX).
  2. "Kako se je Rudolf Maister boril za severno mejo". Prvi interaktivni multimedijski portal, MMC RTV Slovenija. สืบค้นเมื่อ 21 April 2016.
  3. Edmondson 1978, p. 70.
  4. Badie, Bertrand; Berg-Schlosser, Dirk; Morlino, Leonardo, บ.ก. (7 September 2011). International Encyclopedia of Political Science. SAGE Publications (ตีพิมพ์ 2011). ISBN 9781483305394. สืบค้นเมื่อ 9 September 2020. [...] fascist Italy [...] developed a state structure known as the corporate state with the ruling party acting as a mediator between 'corporations' making up the body of the nation. Similar designs were quite popular elsewhere in the 1930s. The most prominent examples were Estado Novo in Portugal (1932-1968) and Brazil (1937-1945), the Austrian Standestaat (1933-1938), and authoritarian experiments in Estonia, Romania, and some other countries of East and East-Central Europe.
  5. R.J.B. Bosworth, The Oxford Handbook of Fascism, Oxford University Press, 2009, p. 439
  6. Jelavich, Barbara (1987). Modern Austria : Empire & Republic 1815-1986. Cambridge: Cambridge University Press. p. 182. ISBN 0-521-31625-1.
  7. 7.0 7.1 Edmondson 1978, p. 2.
  8. Macartney 1929, p. 631.
  9. Macartney 1929, pp. 631–632.
  10. Biles 1979, p. 4.
  11. Edmondson 1978, p. 5.
  12. Edmondson 1978, p. 6.
  13. 13.0 13.1 Edmondson 1978, p. 7.
  14. Kondert 1972, p. iv.
  15. 15.0 15.1 Kondert 1972, p. ii.
  16. Kondert 1972, p. iii.

บรรณานุกรม

[แก้]