หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน
เกิด21 เมษายน พ.ศ. 2451
เสียชีวิต11 เมษายน พ.ศ. 2491 (39 ปี)
มีชื่อเสียงจากนักเขียน
คู่สมรสคุณหญิงบรรจบพันธุ์ นวรัตน ณ อยุธยา
บุตรหม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน
บิดามารดาหม่อมเจ้าธำรงวรวัฒน์ นวรัตน
หม่อมสุดใจ นวรัตน ณ อยุธยา

นายเรืออากาศโท หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน (21 เมษายน พ.ศ. 2451 - 11 เมษายน พ.ศ. 2491) นักเขียนชาวไทย อดีตนายเรืออากาศที่ต้องโทษในคดีกบฏบวรเดช พ.ศ. 2476 ผู้มีผลงานเขียนวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลตั้งแต่ในช่วงที่ถูกจองจำในเรือนจำกลางบางขวาง

ประวัติ[แก้]

หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน เป็นโอรสของหม่อมเจ้าธำรงวรวัฒน์ นวรัตน กับหม่อมสุดใจ นวรัตน ณ อยุธยา และเป็นพระนัดดาในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ กับหม่อมนุ่ม นวรัตน ณ อยุธยา (สกุลเดิม อภัยกุล) ได้รับการอบรมแบบทหารภายใต้พระบารมีของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ภายหลังจบโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ได้ย้ายไปเป็นนักบินขับไล่ประจำการ ณ สนามบินโคกกระเทียม เมื่ออายุ 25 ปี ขณะดำรงยศนายเรืออากาศโท ต้องออกจากราชการด้วยกรณีศาลพิเศษ พ.ศ. 2476 พิพากษาให้จำคุก 9 ปี ในคดีกบฏบวรเดช

ในระหว่างต้องโทษได้เริ่มศึกษาการเมืองโดยการอ่านตำราจากต่างประเทศของผู้ร่วมชะตากรรมในเรือนจำกองมหันตโทษ และเขียนหนังสือขึ้น เริ่มเขียนตำราด้วยลายมือลงในสมุด ลักลอบเวียนกันอ่านในหมู่นักโทษการเมืองในชื่อวารสาร “น้ำเงินแท้” และเริ่มวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลบ้าง ก่อนที่นักโทษด้วยกันจะขอร้องให้เลิกเพราะกลัวถูกจับได้และจะถูกเพิ่มโทษ แต่ก็ยังคงเขียนต่อไปจนถืงกับส่งบทความออกมาลงหนังสือพิมพ์ภายนอก หลังถูกจองจำอยู่ 5 จึงปีได้รับพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อเป็นพ้นโทษแล้วได้เขียนเป็นหนังสือเล่มแรกชื่อ “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” แต่ถูกสันติบาลยึดไปจากโรงพิมพ์ทั้งหมดก่อนวางตลาด เพราะการมีพรรคการเมืองในสมัยนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำให้เป็นอิสระอยู่ได้ไม่นานก็ถูกสันติบาลจับกุมตัวในข้อหาพยายามล้มล้างรัฐบาล จากสาเหตุที่สันติบาลไปค้นวังพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศิริรัตนบุษบง พระธิดาองค์ใหญ่ในสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต แล้วเจอหนังสือกราบทูลของ หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล ด้วยสำนึกในพระกรุณาของทูลกระหม่อมพระบิดาของพระองค์หญิง ที่ได้ชุบเลี้ยงตนมาว่า เมื่อออกจากที่คุมขังมาเป็นอิสระ โอกาสที่จะเอาตัวออกรองฉลองพระบาทคงมีบ้าง ซึ่งสันติบาลตีความว่า โอกาสดังกล่าวคือ โอกาสที่จะคิดแก้แค้นรัฐบาล ในที่สุดศาลพิเศษ พ.ศ. 2481 ได้ตัดสินโทษ หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล ว่าเป็นกบฏและให้จำคุกตลอดชีวิต ขณะถูกจองจำอยู่นั้น ได้ลอบแต่งหนังสือ "เมืองนิมิตร" ขึ้น โดยให้ชื่อในขณะนั้นว่า “ความฝันของนักอุดมคติ” ต้นฉบับเป็นภาษาอังกฤษ และตกถึงมือสันติบาลอีก ซึ่งมีผลทำให้ถึงกับต้องโทษเนรเทศไปอยู่เกาะเต่าถึง 3 ปี รัฐบาลใหม่ของควง อภัยวงศ์ จึงได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาในปี พ.ศ. 2488 พระราชทานนิรโทษกรรมให้กลับเข้าในราชการรับบำเหน็จบำนาญสังกัดบัญชาการกองทัพไทย ตามเดิม

ในปี พ.ศ. 2490 ได้ทำการสมรสกับ คุณหญิงบรรจบพันธุ์ นวรัตน ณ อยุธยา จ.จ. (สกุลเดิม สังขดุลย์ ธิดาพระพิจิตรจำนง (แจง สังขดุลย์) กับ นางพิจิตรจำนง (ยิ่ง สังขดุลย์) มีพี่ชายร่วมบิดา มารดา ได้แก่ พลเรือเอกจิตต์ สังขดุลย์ อดีตทหารผ่านศึกยุทธนาวีเกาะช้าง) โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงเป็นองค์ประธานในพิธีหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ณ พระตำหนัก ถนนวิทยุ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2490 แต่เนื่องจากสังขารที่กรอบเกรียมจากวัณโรคและมาลาเรียครั้งทนทุกข์ทรมานอยู่ ณ เกาะเต่า หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน ได้ถึงแก่อนิจกรรมลงต่อหน้ามารดาและภรรยา เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2491 ก่อนที่ หม่อมหลวงชัยนิมิตร นวรัตน บุตรชายคนเดียวจะเกิดเพียง 45 วัน เท่านั้น สิริรวมอายุได้ 39 ปี 11 เดือน 20 วัน

งานประพันธ์[แก้]

หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน มีผลงานที่ได้ประพันธ์ขึ้นและตีพิมพ์สู่บรรณพิภพ นอกจาก “พรรคการเมืองสยามและต่างประเทศ” ที่หลุดรอดจากการทำลายของสันติบาลหลงเหลืออยู่เล่มหนึ่งในห้องหนังสือหายากของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังมี “ชีวิตแห่งการกบฏสองครั้ง” และ “ความฝันของนักอุดมคติ” หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า “เมืองนิมิตร” ซึ่งได้รับคัดเลือกเป็น 1 ในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน และ 1 ใน 88 หนังสือดีวิทยาศาสตร์ไทย นอกจากนั้น ต้นฉบับภาษาอังกฤษชื่อ The Emerald’s Cleavage ได้รับการแปลโดย ศาสตราจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ หลังจากถึงแก่อนิจกรรมแล้ว 26 ปี และตีพิมพ์ขึ้นในชื่อ ‘’รอยร้าวของมรกต’’ งานประพันธ์ของ หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล ได้รับการแปลและตีพิมพ์ในภาษาอังกฤษกับภาษาญี่ปุ่น เพื่อเผยแพร่อุดมคติของคนไทยคนหนึ่งไปทั่วโลก

หม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน เป็นเจ้าของประโยคอมตะที่ยังทรงความหมายอย่างยิ่งต่อการเมืองไทย ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตว่า

ข้าพเจ้าเป็นทหารของชาติและถวายน้ำพิพัฒน์สัตยาจากพระเจ้าอยู่หัว ข้าพเจ้ามิใช่ทหารของรัฐบาลหรือกลุ่มนักการเมืองใด ๆ

การยกย่องเชิดชูเกียรติ[แก้]

กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ เรืออากาศโทหม่อมราชวงศ์นิมิตรมงคล นวรัตน์ เป็น “บูรพศิลปิน” (สาขาวรรณศิลป์) ประจำปีพุทธศักราช 2560 ในฐานะศิลปินผู้ล่วงลับ ซึ่งมีคุณูปการต่องานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติอันเป็นที่ประจักษ์ต่อสังคมควรค่า แก่การเคารพยกย่อง ซึ่งอนุชนรุ่นต่อมาได้พัฒนาและสืบทอดให้เจริญก้าวหน้ามาจนปัจจุบัน ซึ่งในโอกาสดังกล่าวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานชื่อสำหรับศิลปินผู้ล่วงลับว่า “บูรพศิลปิน”

อ้างอิง[แก้]