ข้ามไปเนื้อหา

มุศเฏาะฟา ฮัจญี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มุศเฏาะฟา ฮัจญี
مصطفى حجي
ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม Mustapha Hadji
วันเกิด (1971-11-16) 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971 (52 ปี)
สถานที่เกิด อิฟรอนอัฏลัสอัศเศาะฆีร, โมร็อกโก
ส่วนสูง 5 ft 11 in (1.80 m)
ตำแหน่ง กองกลาง
สโมสรเยาวชน
1990–1991 อาแอ็ส น็องซี
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1991–1996 อาแอ็ส น็องซี 134 (31)
1996–1997 สปอร์ติงลิสบอน 27 (3)
1997–1999 เดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา 31 (2)
1999–2001 คอเวนทรีซิตี 62 (12)
2001–2004 แอสตันวิลลา 35 (2)
2004 อัสปัญญ็อล 16 (1)
2004–2005 อัลอัยน์ 15 (5)
2005–2007 ซาร์บรึคเคิน 54 (10)
2007–2010 เซแอ็ส ฟอลาแอ็ช 44 (25)
รวม 418 (91)
ทีมชาติ
1993–2004 โมร็อกโก 63 (13)
จัดการทีม
2012–2013 อุมม์เศาะลาล (ผู้ช่วย)
2014– ทีมชาติโมร็อกโก (ผู้ช่วย)
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

มุศเฏาะฟา ฮัจญี (อาหรับ: مصطفى حجي; อังกฤษ: Mustapha Hadji; เกิด 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1971 ที่โมร็อกโก) เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติโมร็อกโก ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติโมร็อกโก มีชื่อเสียงโด่งดังเมื่อครั้งเล่นให้กับสโมสรคอเวนทรีซิตี และแอสตันวิลลาในพรีเมียร์ลีก โดยฮัจญีเคยเล่นในฟุตบอลโลก 1994 และ ฟุตบอลโลก 1998 รวมทั้งได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปแอฟริกา 1 สมัย เมื่อครั้งเล่นให้สโมสรเดปอร์ติโบเดลาโกรุญญาในลาลิกาของสเปน และเป็นอดีตกัปตันทีมของสโมสรคอเวนทรีซิตี

ฮัจญีได้รับการจัดให้เป็นหนึ่งใน 50 นักฟุตบอลแอฟริกายอดเยี่ยมตลอดกาลโดยเอ็ด ดัฟ คอลัมนิสต์ผู้สันทัดกรณีและนักวิจารณ์ฟุตบอลในทวีปแอฟริกาชื่อดัง[1] โดยมีน้องชายคือยูซุฟ ฮัจญี เป็นอดีตกองกลางทีมชาติโมร็อกโกเช่นกันและปัจจุบันยังเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรน็องซีในระดับลีกเดอ ฝรั่งเศส

ประวัติ

[แก้]

มุศเฏาะฟา ฮัจญี เกิดที่ประเทศโมร็อกโก เมื่อเขาอายุได้ 10 ปี ครอบครัวได้พาตัวเขาและพี่น้อง (ยูซุฟ, อิบรอฮีม และฟะรีด) ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ตัวเขาและพี่น้องได้เริ่มเล่นฟุตบอลที่เมืองน็องซี ก่อนจะได้เข้ามาสู่สโมสรอาแอ็ส น็องซี ในฐานะนักฟุตบอลระดับเยาวชน และได้สัญชาติฝรั่งเศสเป็นสัญชาติที่สอง

การเล่นฟุตบอลระดับสโมสร

[แก้]

อาแอ็ส น็องซี

[แก้]

หลังจากที่ได้เล่นในทีมชุดเยาวชน ต่อมาเขาได้รับสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี ค.ศ. 1991 และเล่นให้กับทีมชุดสำรอง ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของน็องซี ในฤดูกาล 1992-1993 ในยุคที่มี ออลีวีเย รูเย อดีตกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสเป็นผู้จัดการทีม โดยในฤดูกาลแรกของเขาในทีมชุดใหญ่เขายิงประตูในลีกเดอไปถึง 6 ประตู จากตำแหน่งกองกลาง และก้าวขึ้นมาเป็นกองกลางคนสำคัญของสโมสรด้วยทักษะการเลี้ยงบอลที่โดดเด่น และสามารถยิงประตูในจังหวะสำคัญ ๆ ได้ โดยฟอร์มการเล่นที่สโมสรแห่งนี้ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในทีมชาติโมร็อกโก ที่ได้เล่นในฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา โดยตลอดช่วงเวลา 4 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นในลีกเดอ เขายิงประตูในลีกได้รวม 31 ประตู แต่ไม่อาจช่วยให้สโมสรเลื่อนชั้นขึ้นไปสู่ลีกเอิงซึ่งเป็นลีกสูงสุดได้

สปอร์ติงลิสบอน

[แก้]

ฤดูกาล 1996-1997 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ย้ายมาเล่นฟุตบอลให้กับสโมสรสปอร์ติงลิสบอน ทีมดังระดับปรีไมราลีกาของโปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของออกตาวีอู มาชาดู และได้เล่นในรายการระดับทวีปอย่างยูฟ่าคัพ โดยในการแข่งขันยูฟ่าคัพ 1996 รอบแรก ฮัจญียิงได้ 1 ประตู ในนัดที่บุกไปเสมอกับสโมสรฟุตบอลมงเปอลีเยจากฝรั่งเศส 1-1 โดยนับเป็นประตูแรกที่เขายิงได้ในการแข่งขันระดับทวีป โดยฤดูกาลนี้เขาช่วยให้สโมสรได้ตำแหน่งรองแชมป์ปรีไมรา และได้ไปแข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก

โดยในการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 1997-1998 รอบแบ่งกลุ่มฮัจญี ยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่เปิดบ้านถล่มอาแอ็ส มอนาโก จากลีกเอิงฝรั่งเศส ไป 3-0 และนัดที่ออกไปแพ้ไบเออร์เลเวอร์คูเซิน 4-1 อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถช่วยให้สโมสรผ่านเข้ารอบต่อไปได้ แต่จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้ในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังเขาตกเป็นที่สนใจจากทีมต่าง ๆ ในยุโรปทั้งจากลาลิกาและพรีเมียร์ลีก ประกอบกับที่ตัวเขามีปัญหาในการใช้ชีวิตที่ประเทศโปรตุเกส จึงตัดสินใจย้ายทีมในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1997

เดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา

[แก้]

เดือนธันวาคม ค.ศ. 1997 ฮัจญีบรรลุข้อตกลงในการย้ายทีม โดยเขาย้ายมาเล่นในลาลิกากับสโมสรเดปอร์ติโบเดลาโกรุญญา ที่มีโฆเซ มานูเอล กอร์รัล เป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น และมีเพื่อนร่วมทีมชาติในทีมอย่างนูรุดดีน เนย์เบ็ต แต่เขายังไม่สามารถลงสนามได้ โดยเขาต้องรอการอนุญาตจากฟีฟ่าในการย้ายทีมครั้งนี้นานถึงกว่า 2 เดือน และได้ลงสนามนัดแรกในวันที่ 8 มีนาคม ค.ศ. 1998 ในนัดที่เปิดบ้านเอาชนะสโมสรเรอัลโอเบียโด 2-1 โดยเขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนฟลาวีอู ดา กงเซย์เซา[2] และเป็นผู้เล่นคนสำคัญตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาล

ต่อมาเขาได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติโมร็อกโกในฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส แม้ฮัจญีจะทำผลงานได้อย่างโดดเด่นและยิงประตูในฟุตบอลโลกได้ แต่ในลาลิกา ฤดูกาล 1998-1999 เขากลับไม่อาจเรียกฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวมาสู่การเล่นในสโมสรได้ โดยเขาต้องตกเป็นตัวสำรองในยุคของฆาบิเอร์ อิรูเรตา กุนซือคนใหม่ของสโมสร และผลงานของเขายังไม่เข้าตานัก

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่น่าจดจำของเขากับสโมสรแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1998 โดยเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง ในนัดที่เปิดบ้านพบกับสโมสรบาร์เซโลนา และเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่จะชนะไป 2-1 ซึ่งประตูดังกล่าวถือเป็นประตูแรกของเขาในลาลิกา รวมถึงการถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและยิงประตูชัยพาทีมชนะเรอัลซาราโกซาที่สนามเรียซอร์ 2-1

คอเวนทรีซิตี

[แก้]

หลังจากที่ไม่ประสบความสำเร็จในการเล่นที่สเปน ฮัจญีย้ายทีมอีกครั้ง โดยย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษกับสโมสรคอเวนทรีซิตี พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาติโมร็อกโกอย่างยูซุฟ ชิปโป

ที่สโมสรแห่งนี้ เขาลงเล่นภายใต้การคุมทีมของกอร์ดอน สตราคัน อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ผู้ซึ่งทำให้เขาเรียกฟอร์มการเล่นอันสุดยอดกลับคืนมาได้ และนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาเล่นได้ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้ง โดยเขาลงเล่นให้กับสโมสรนัดแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ. 1999 ในนัดที่เปิดสนามไฮฟีลด์โรด พบกับสโมสรเซาท์แฮมป์ตัน (แพ้ 0-1) และยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 1999 ค.ศ. โดยเป็นการยิงประตูชัยให้สโมสรเปิดบ้านเฉือนชนะเวสต์แฮมยูไนเต็ด 1-0[3] โดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลแรกของเขาได้ รวม 6 ประตู

ฮัจญีกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของสโมสร ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมรวมถึงการประสานงานระหว่างเขาและเพื่อนร่วมชาติอย่างยูซุฟ ชิปโป สามารถสร้างสรรค์โอกาสยิงประตูให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างมากมาย โดยสโมสรมีฟอร์มการเล่นในบ้านที่แข็งแกร่งอย่างมากเมื่อชนะถึง 12 นัด จากการเล่นในบ้าน 19 นัดในลีก ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอล โดยแฟนบอลของสโมสรจำนวนมากได้แสดงความนิยมในตัวเขาด้วยการสวมหมวกฏ็อรบูช (طربوش, ṭarbūsh) ซึ่งเป็นหมวกแบบอาหรับทรงสูง ลักษณะคล้ายหมวกกะปิเยาะ เข้ามาเชียร์ในสนาม

ฤดูกาล 2000-2001 เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม แต่ถึงแม้ว่าฮัจญีซึ่งเป็นผู้เล่นคนสำคัญของสโมสรยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองไว้ได้ แต่ผลงานโดยรวมของสโมสรกลับไม่ดีนัก ในฤดูกาลนี้เขายิงในพรีเมียร์ลีกได้ 6 ประตูเท่ากับฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการบุกไปยิงคนเดียว 2 ประตู ใส่สโมสรแอสตันวิลลาถึงสนามวิลลาพาร์ก แต่สโมสรกลับแพ้ออกไป 3-2 และพบกับความพ่ายแพ้ในลีกถึง 20 นัด ตลอดทั้งฤดูกาล จนต้องตกชั้นในที่สุด

แอสตันวิลลา

[แก้]

หลังจากสโมสรของเขามีอันต้องตกชั้น ทำให้มีกระแสข่าวการย้ายทีมของเขาเกิดขึ้น ฮัจญีกลายเป็นเป้าสนใจจากทีมอื่น ๆ ทั้งในพรีเมียร์ลีกและบุนเดิสลีกา โดยเป็นสโมสรแอสตันวิลลาภายใต้การคุมทีมของจอห์น เกร็กกอรี อดีตกองกลางทีมชาติอังกฤษ ที่สามารถคว้าตัวเขามาร่วมทีมได้ด้วยข้อเสนอมูลค่า 2 ล้านปอนด์ บวกกับการแถม จูเลียน โจอาคิม กองกลางของทีมไปให้กับคอเวนทรีซิตีด้วย

ฮัจญี ลงสนามให้สโมสรใหม่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2001 ในนัดเปิดฤดูกาลของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001-2002 โดยสโมสรเปิดสนามวิลลาพาร์กพบกับสโมสรทอตนัม ฮอตสเปอร์ ซึ่งจอห์น เกร็กกอรี ผู้จัดการทีมได้ส่งเขาลงเล่นเป็นกองหน้าแทน ดาริอุส วาสเซลล์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษในช่วงครึ่งเวลาหลัง และเสมอกันไป 0-0[4]

ต่อมาเขายิงประตูแรกในเสื้อของวิลลาได้ ในวันที่ 24 กันยายน ในพรีเมียร์ลีกนัดที่บุกไปชนะสโมสรเซาท์แฮมป์ตัน ถึงสนามเซนต์แมรีส์สเตเดียม 3-1 โดยการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นนัดแรกที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ก่อนจะได้เป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเขาทำประตูได้ในการแข่งขันยูฟ่าคัพรอบแรก นัดที่เอาชนะสโมสรเอ็นเค วาร์เทคส์ จากโครเอเชีย ไปได้ 1-0 แต่กลับต้องตกรอบแรกด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน และมาทำประตูได้อีกครั้งจากลูกโหม่งในพรีเมียร์ลีกนัดที่แพ้เอฟเวอร์ตัน 3-2 ที่กูดิสันพาร์ก[5]

ขณะที่ฮัจญี กำลังเป็นผู้เล่นตัวหลักของแอสตันวิลลา เขากลับได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหัวเข่าระหว่างการแข่งขันลีกคัพรอบ 16 ทีมสุดท้าย กับสโมสรเชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2001 จนต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บนานกว่า 6 สัปดาห์[6] ในช่วงที่เขาพักรักษาตัวจอห์น เกร็กกอรี กุนซือผู้ที่นำตัวเขามาร่วมทีม ได้แยกทางกับสโมสรไปในเดือนมกราคม ปี 2002 โดยสจ๊วต เกรย์ และจอห์น ดีแฮน ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราว[7]

เมื่อฮัจญี หายจากอาการบาดเจ็บ กลับมาลงสนามให้วิลลาได้อีกครั้ง เขายังคงเป็นผู้เล่นตัวจริงในยุคของสจ๊วต เกรย์และจอห์น ดีแฮน 2 ผู้จัดการทีมชั่วคราว จนกระทั่งสโมสรได้แต่งตั้งให้เกรแฮม เทย์เลอร์ กุนซือชาวอังกฤษ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสรในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้เขาไม่ได้รับการการันตีตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงในทีมอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงถูกส่งลงสนามเป็น 11 ผู้เล่นคนแรกไปจนจบฤดูกาล 2001-2002 โดยวิลลา ได้อันดับที่ 8 และฮัจญี ลงสนามในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไป 23 นัด ยิงได้ 2 ประตู

ฤดูกาล 2002-2003 ฮัจญี กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเกรแฮม เทย์เลอร์ และต้องหลุดออกจากทีมชุดแรก นอกจากนี้เขายังมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณเอ็นร้อยหวาย [8]โดยเขาได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เพียง 11 นัดตลอดทั้งฤดูกาล

ฤดูกาล 2003-2004 สโมสรได้แต่งตั้งให้เดวิด โอเลียรี เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่แทนเกรแฮม เทย์เลอร์ และฮัจญี ยังคงเป็นผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีมอีกเช่นเคย ปลายปี 2003 เขาปฏิเสธข้อเสนอของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด[9] และตัดสินใจย้ายไปเล่นในลาลิกาสเปนอีกครั้งกับสโมสรอัสปัญญ็อล[10]

อัสปัญญ็อล

[แก้]

ปลายเดือนมกราคม ค.ศ.2004 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ย้ายมาร่วมทีมอัสปัญญ็อล ในระดับลาลิกาสเปน ภายใต้การคุมทีมของลูอิส แฟร์กน็องเดซ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส ที่สโมสรแห่งนี้ฮัจญีถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญ โดยเขายิงประตูให้สโมสรได้ ในลาลิกานัดที่บุกไปเอาชนะสโมสรเซลต้า บีโก้ 5-1 ที่สนามบาไลดอส ซึ่งการแข่งขันนัดดังกล่าวเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 สโมสรที่อยู่โซนหนีตกชั้น ทำให้สโมสรคว้า 3 แต้มสำคัญได้ และรอดพ้นจากการตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล

อัลอัยน์

[แก้]

ฤดูกาล 2004-2005 ฮัจญี ย้ายมาเล่นฟุตบอลในลีกสูงสุดของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กับสโมสรอัลอัยน์ สโมสรดังแห่งรัฐอาบูดาบี โดยได้เล่นในรายการเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก และจบฤดูกาลด้วยการคว้ารองแชมป์ ยูเออี ฟุตบอลลีก

ซาร์บรึคเคิน

[แก้]

ฤดูกาล 2005-2006 ฮัจญีย้ายมาเล่นฟุตบอลที่ประเทศเยอรมัน ในระดับซไวเทอบุนเดิสลีกา (ลีกา 2) กับสโมสรซาร์บรึคเคิน ที่มีรูดี บอมเมอร์ เป็นโค้ช โดยลงสนามในลีกเป็นนัดแรกเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 2005 ในนัดที่เปิดสนามลุดวิกสปาร์ก แพ้ต่อสโมสรเฟาเอฟแอล โบคุ่ม 0-4 และมายิงประตูแรกของตัวเองได้ในนัดที่เสมอกับสโมสรบวร์กเฮาเซน 1-1 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2005

วันที่ 4 ธันวาคม 2005 มุศเฏาะฟา ฮัจญี ยิงคนเดียว 2 ประตู ในนัดที่บุกไปชนะสโมสรคิกเกอร์ส ออฟเฟนบัค 3-2 แม้เขาจะเล่นได้ดี แต่ผลงานโดยรวมของสโมสรกลับย่ำแย่ และตกชั้นเมื่อจบฤดูกาล โดยฮัจญียิงประตูจากตำแหน่งกองกลางในฤดูกาลนี้ได้ 4 ประตู

ความสำเร็จ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]
  1. "The 50 Greatest African Players of All Time". Bleacher Report. 25 September 2013. สืบค้นเมื่อ 26 September 2013.
  2. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-06. สืบค้นเมื่อ 2015-06-20.
  3. http://www.transfermarkt.com/mustapha-hadji/leistungsdaten/spieler/3840
  4. http://www.avfc.co.uk/page/TV/LiveMatches/0,,10265~13233,00.html
  5. http://www1.skysports.com/football/everton-vs-a-villa/22382
  6. http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/teams/a/aston_villa/1682299.stm
  7. http://www.telegraph.co.uk/sport/football/2429413/Gregory-quits-Villa-to-take-a-break.html
  8. http://www.telegraph.co.uk/sport/3040599/Premiership-preview.html
  9. http://www.espnfc.com/story/282470/villas-hadji-rejects-hammers-loan-move
  10. http://news.bbc.co.uk/sport2/hi/football/teams/a/aston_villa/3453387.stm