ผลต่างระหว่างรุ่นของ "มายลิตเติ้ลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษ"
ย้อนการแก้ไขที่ 7282728 สร้างโดย 180.180.203.226 (พูดคุย) |
ไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
บรรทัด 135: | บรรทัด 135: | ||
| 26 |
| 26 |
||
| 15 เมษายน 2017 |
| 15 เมษายน 2017 |
||
| |
| 28 ตุลาคม 2017 |
||
|- |
|||
| ในซีซั่น 7 หยุดออกอากาศชั่วคราว เนื่องจากมี[[รักหลงโรง]]เข้ามาฉายต่อ |
|||
|} |
|||
== การเผยแพร่ == |
== การเผยแพร่ == |
||
=== สหรัฐอเมริกา === |
=== สหรัฐอเมริกา === |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 20:37, 30 ตุลาคม 2560
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ หน้าอภิปรายอาจมีข้อเสนอแนะ |
บทความนี้ต้องการการจัดหน้า จัดหมวดหมู่ ใส่ลิงก์ภายใน หรือเก็บกวาดเนื้อหา ให้มีคุณภาพดีขึ้น คุณสามารถปรับปรุงแก้ไขบทความนี้ได้ และนำป้ายออก พิจารณาใช้ป้ายข้อความอื่นเพื่อชี้ชัดข้อบกพร่อง |
มายลิตเติ้ลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษ | |
---|---|
ไฟล์:My Little Pony Friendship is Magic logo.png | |
ประเภท | การ์ตูนทีวีแอนิเมชัน, จินตนิมิต, ตลก, ครอบครัว, ผจญภัย |
พัฒนาโดย | Lauren Faust |
เสียงของ | ทารา สตรอง Ashleigh Ball Andrea Libman Tabitha St. Germain Cathy Weseluck Nicole Oliver Michelle Creber Madeleine Peters Claire Corlett John de Lancie Andrew Francis Britt McKillip |
ผู้ประพันธ์ดนตรีแก่นเรื่อง | Daniel Ingram |
ดนตรีแก่นเรื่องเปิด | "Friendship Is Magic" |
ดนตรีแก่นเรื่องปิด | "Friendship Is Magic" (บรรเลง) |
ประเทศแหล่งกำเนิด | สหรัฐอเมริกา |
จำนวนฤดูกาล | 7 |
จำนวนตอน | 169 ตอน |
การผลิต | |
ผู้อำนวยการผลิต | Lauren Faust Chris Bartleman Blair Peters Kirsten Newlands Beth Stevenson Stephen Davis Meghan McCarthy Jayson Thiessen |
ผู้อำนวยการสร้าง | Sarah Wall Devon Cody (season 3) |
ความยาวตอน | 22 นาที |
ออกอากาศ | |
เครือข่าย | Hub Network (อดีต) Discovery Family (ปัจจุบัน) บูมเมอแรง ,เอ็มคอตแฟมิลี |
ออกอากาศ | 10 ตุลาคม พ.ศ. 2553 – ปัจจุบัน |
มายลิตเติ้ลโพนี่ มิตรภาพอันแสนวิเศษ (อังกฤษ: My Little Pony Friendship is Magic) เป็นการ์ตูนจากแฟนตาซีสำหรับเด็กสหรัฐอเมริกา สร้างโดย ลอเร็น ฟอสต์ สำหรับ บริษัทฮาสโบร มีต้นแบบมาจากของแฟรนไชส์ของเล่นมายลิตเติ้ลโพนี่ ผู้คนส่วนใหญ่เรียกว่าเป็น รุ่นที่ 4 (G4) ของแฟรนไชส์ เริ่มออกอากาศทาง ฮับ เน็คเวิร์ค ในวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ฮาสโบรแต่งตั้งให้ ลอเร็น ฟอสต์ เป็นผู้อำนวยการฝ่ายครีเอทีฟและโปรดิวเซอร์ ฟอสต์ได้ขอจัดสร้างซีรีส์นี้ให้เปลี่ยนจากการ์ตูนขายของเล่นเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาลึกซึ้งและการผจญภัยมากขึ้น เธอออกจากการเป็นผู้ผลิตซีรีส์นี้ภายหลังฤดูกาลที่ 2 สิ้นสุดลง ซึ่งตำแหน่งถูกแทนทีโดย เมแกน มักคาร์ที
ซีรีส์ดำเนินเนื้อเรื่องจากยูนิคอร์นขยันเรียน ทไวไลท์ สปาร์เคิ้ล ที่ได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษาของเธอ เจ้าหญิงเซเลสเทรีย ให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องมิตรภาพที่โพนี่วิลล์ ทไวไลท์กลายเป็นเพื่อนสนิทกับโพนี่สาว 5 ตัวคือ แอปเปิ้ลแจ๊ค,แรริตี้,ฟลัทเทอร์ชาย,เรนโบว์ แดช,พิงกี้พาย พวกเธอได้แสดงออกถึงมิตรภาพที่ต่างกัน และทไวไลท์ได้ค้นพบว่ามิตรภาพของพวกเธอคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนพบเครื่องรางเวทมนตร์ที่ชื่อ "ธาตุแห่งความปรองดอง" นับแต่นั้นพวกเธอได้ออกผจญภัยและช่วยเหลือเอเควสเทรียให้รอดพ้นจากภยันตรายและพัฒนามิตรภาพของพวกเธอ
ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมหาศาล กลายเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ ฮับ เน็คเวิร์ค มีผลิตภัณฑ์จากฮาสโบร ที่อิงจากซีรีส์นี้ออกมาอีกมากมาย เช่น หนังสือ, เสื้อผ้า, การด์สะสม, และคอมิค ถึงแม้ซีรีส์นี้จะผลิตขึ้นสำหรับกลุ่มเด็กผู้หญิง "เฟรนชิบ อิส เมจิค" สามารถสร้างกลุ่มคนดูที่เป็นผู้ชายตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ที่เรียกกันว่า "โบรนี่" บางส่วนของซีรีส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม รวมถึงกลายเป็นอีกส่วนหนึ่งของอินเทอร์เน็ตมีม
ณ ปัจจุบัน ซีรีส์มียอดออกอากาศ 7 ฤดูกาล และมีซีรีส์ภาพยนตร์สปิน-ออฟ ชื่อ "มายลิตเติ้ลโพนี่ อเควสเทรียเกิร์ล" เริ่มเข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ ค.ศ. 2013 ซึ่งภายหลังได้เผยแพร่ผ่านทางโทรทัศน์และสื่อโทรทัศน์ จะมีภาพยนตร์ที่นำโครงเรื่องมาจากซีรีส์นี้ในชื่อ "My Little Pony: The Movie" ออกฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วโลกในวันที่ 5 และ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2017
จุดกำเนิด
ประวัติของแฟรนไชส์
อดีตมายลิตเติ้ลโพนี่ ไม่ใช่การ์ตูนดังในปัจจุบัน แต่เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของเล่น ของบริษัท Harbro inc. ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงนั้น ต่อมาได้สร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นออกอากาศเป็นตอนพิเศษเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) โดยมีรุ่นของการ์ตูนแบ่งเป็น 4 รุ่น
รุ่น G1 (พ.ศ. 2524 - พ.ศ. 2535)
ในรุ่นแรก Hasbro เริ่มออกอากาศ การ์ตูนแอนิเมชั่นเป็นครั้งแรก เป็นตอนพิเศษออกอากาศทางโทรทัศน์ซึ่งได้รับความนิยม และ Hasbro ก็ได้สร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นในชื่อเรื่อง My little pony: The Movie เพื่อตอบสนองความนิยม แต่ภาพยนตร์ก็มิได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร (ว่ากันว่าใช้ทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญ แต่รายได้ไม่ถึง 6 ล้านเหรียญ) และถูกวิจารณ์อย่างย่อยยับ โดยมีข้อวิจารณ์ว่า เป็นหนังที่สร้างขึ้นเพื่อโฆษณาสินค้าเท่านั้น ในปีต่อมา มายลิตเติ้ลโพนี่ ได้เริ่มออกอากาศในรูปแบบซีรีส์ ในชื่อ My little pony 'n Friend เป็นการ์ตูนในประเภทแอ็คชั่น-แฟนตาซี ซึ่งจะเน้นกลุ่มเด็กเล็กเป็นหลัก และประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งมีเด็กผู้ชายที่ชื่นชอบการ์ตูนเรื่องนี้ด้วย
ในอีก 5 ปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1995) มายลิตเติ้ลโพนี่กลับมาออกอากาศอีกครั้งในรูปแบบใหม่ ทั้งตัวละคร และเนื้อเรื่องในชื่อเรื่อง My little pony Tales ซึ่งได้นำสิ่งที่ได้รับความนิยมในช่วงนั้นมาใส่เป็นองค์ประกอบในเนื้อเรื่อง เช่น "การใส่ปลอกขา" "การทำผม" รวมทั้งตัวละครในเรื่องมีรูปแบบการใช้ชีวิตแบบยุค 90 เป็นการ์ตูนในประเภทชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเน้นกลุ่มเด็กหญิงและเด็กโตเป็นหลัก แต่ซีรีส์นี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และยุติออกอากาศในปีเดียวกัน[1]
รุ่น G2 (พ.ศ. 2540 - พ.ศ. 2546)
ในรุ่นนี้ Harbro ได้ยุติการทำแอนิเมชั่น และหันไปจำหน่ายของเล่นแทน ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอยู่พอสมควร และของเล่นมีการพัฒนาไปเรื่อยๆตามลำดับ[2]
รุ่น G3-3.5 (พ.ศ. 2546 - พ.ศ. 2553)
ในปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) Hasbro ได้กลับมาทำแอนิเมชั่นการ์ตูนมายลิตเติ้ลโพนี่อีกครั้ง โดยได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆทั้งหมด โดยออกแนวแฟนตาซีเป็นหลัก เนื้อเรื่องเป็นแนวจินตนิมิต เน้นไปยังกลุ่มเด็กเล็กเป็นหลัก และเน้นทำลงสื่อวิดิทัศน์ และน้อยตอนนักที่จะเอาออกอากาศ ซึ่งเนื้อเรื่องขาดความน่าสนใจ แอนิเมชั่นไร้แรงดึงดูด และความนิยมตกต่ำถึงขีดสุด นับได้ว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นตกต่ำที่สุดของมายลิตเติ้ลโพนี่เลยก็ว่าได้ และทุกคนเห็นว่าสร้างขึ้นมาเพื่อโปรโมตของเล่นไปเท่านั้น[3]
จุดกำเนิด G4
จากความล้มเหลวของ G3 และภาพยนตร์ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ของ ไมเคิล เบย์ สามารถช่วยให้ยอดขายของเล่นทรานส์ฟอร์มเมอร์สมียอดขายพุ่งทะยาน ฮาสโบรต้องการที่จะนำแฟรนไชส์มายลิตเติ้ลโพนี่กลับมาผลิตและปรับปรุงใหม่อีกครั้ง โดยมีความต้องการที่จะปรับเนื้อเรื่องและรสนิยมให้เข้ากับเด็กผู้หญิง[4] ตามคำแนะนำของมาร์กาเร็ต โลช ผู้จัดการของฮับ เน็คเวิร์ค ได้ทบทวนถึงคุณสมบัติสำคัญของการจัดสร้างคือขอบเขตและอิทธิพลของผู้ชม [5] รองประธานอาวุโส ลินดา สไตเนอร์ หนึ่งในคนที่ชื่นชอบแฟรนไชส์นี้ ยังได้แนะนำเช่นกันว่า "ควรให้ความใส่ใจกับกลุ่มผู้คนส่วนใหญ่" ด้วยแนวคิดเด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ซึ่งเป็นธีมสำคัญของฮับ เน็คเวิร์ค[6] โดยธีมหลักที่ฮาสโบรคิดไว้คือเรื่องราวของมิตรภาพและการอยู่ร่วมสังคม และอีกปัจจัยพวกเขากำหนดคือการเขล่นของเล่นในกลุ่มเด็กๆ[7]
อะนิเมเตอร์และผู้เขียน ลอเรน ฟอสต์ ติดต่อกับฮาสโบร โดยเธอกำลังพยายามที่จะขอให้ผลิตภัณฑ์ของเล่นของเธอ Galaxy Girls เป็นซีรีส์การ์ตูน ฟอสต์เคยทำงานเป็นเบื้องหลังการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จเรื่อง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ และ ฟอสเตอร์ โฮม..บ้านของผองเพื่อนในจินตนาการ ถึงแม้ว่าการ์ตูนเหล่านี้จะประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวางแต่ความคิดของเธอที่ปฏิเสธจากหลายสตูดิโอและเครื่องข่ายด้วยความคิดที่ว่า การ์ตูนสำหรับเด็กผู้หญิงมักจะไม่ประสบผลสำเร็จ เมื่อเธอได้ติดต่อ ลิซ่า ลิคช์ จากฮาสโบร สตูดิโอ, ลิคช์ได้นำผลงานที่เพิ่งเสร็จของมายลิตเติ้ลโพนี่ "Princess Promenade" ให้ฟอสต์ดู ลิคช์คิดว่าสไตล์ของฟอสต์สามารถเข้ากันได้ดีกับเรื่องนี้และได้ร้องขอให้เธอคิด "ไอเดียที่จะนำมาจัดสร้างในแฟรนไชส์ใหม่"[4]
ฟอร์สได้รับการว่าจ้างจากฮาสโบรให้สร้างโครงเรื่องหลัก และให้เธอช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่อง[4] ฟอร์สกล่าวว่าเธอรู้สึก "ไม่เชื่อมั่นเป็นอย่างมาก" ในช่วงรับงานช่วงแรกเพราะเธอพบว่าโชว์วำหรับของเล่นเรื่องนี้มีความน่าเบื่อและไม่เป็นที่จดจำ มายลิตเติ้ลโพนี่คือหนึ่งในของเล่นโปรดของเธอในวัยเด็ก แต่เธอรู้สึกผิดหวังที่จินตนาการของเธอในเวลานั้นไม่เหมือนกับโชว์จริงๆ ฟอร์สได้กล่าวถึงโชว์เก่าๆว่า "มีแต่ปาร์ตี้น้ำชาไม่จบสิ้น ขำอย่างไร้เหตุผล และปราบตัวร้ายสำเร็จเพียงแค่แบ่งปันให้เขาหรือร้องไห้" ด้วยโอกาสที่จะได้ร่วมทำงานในมายลิตเติ้ลโพนี่ เธอหวังที่จะพัฒนาให้เป็น "การ์ตูนเด็กผู้หญิงที่ไม่มีแต่ความน่ารักหวานแหวว, ตัวละครไร้ความสมดุลและติ๊งต๊อง" เธอจึงออกแบบตัวละครและโชว์ให้มีองค์ประกอบที่ขัดแย้งต่อแบบแผนของความเป็นหญิง เช่นเป็นกลุ่มตัวละครที่มีความแตกต่างกันและมักทะเลาะกันแต่สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันได้ และแนวคิดที่ผู้หญิงไม่สมควรถูกจำกัดในสิ่งที่คนส่วนใหญ่บอกให้ทำและไม่ทำ องค์ประกอบและนิสัยของตัวละครได้รับแนวคิดมาจากจินตนาการของเธอในวัยเด็ก และบางส่วนก็ได้แรงบันดาลใจจากการ์ตูนที่พี่ชายของเธอดูและเติบโตมาเช่น ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส และ จีไอโจ เธอคิดที่จะสร้าง "เฟรนชิบ อิส เมจิค" สำหรับเด็กอายุ 8 ขวบ ฟอร์สยังเล็งให้ตัวละครนั้น "เป็นที่จดจำ" และมีแบบแผนของความเป็นหญิง (เช่นการเป็นหนอนหนังสือ) เพื่อเพิ่ทความน่าสนใจให้กับคนดูโดยเฉพาะหญิงสาว
ฟอร์สระบุด้วยว่าขณะที่เธอกำลังเสนอไอเดียต่างๆให้ฮาสโบร เธอก็ได้รับแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นอีกจากการตอบรับเชิงบวกในการที่จะฉีกแนวเดิมๆของพวกเขา ฟอร์สได้เขียนโครงเรื่องให้มีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยและเพิ่มเติมในเรื่องความสัมพันธ์ แต่การจะให้กลุ่มคนดูหญิงสาวจดจำมีความยากมากที่จะทำให้เนื้อหาเป็นเรื่องราวผจญภัย เธอจึงตัดแนวคิดนี้ออกไปบางส่วนและเพิ่มเติมเนื้อหาเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนความคิดของตัวละคร โชว์ยังมีการเพิ่มสัตว์ในจินตนาการที่จะทำให้เด็กหวาดกลัวเช่น มังกร, ไฮดรา แต่ก็ยังเน้นเรื่องราวมิตรภาพของตัวละครโดยให้มีความตลกขบขัน เมื่อถึงเวลาการอนุมัติโชว์นี้ ฟอร์สได้ส่งสคริปต์สำหรับโชว์นี้เป็นจำนวน 3 ตอน[4]
ฟอร์สเริ่มวาดภาพสเก็ตช์ตัวละครซึ่งปรากฏอยู่ในหน้าเดเวียนอาร์ทของเธอ โดยนำตัวละครจากซีรีส์เก่ามาดัดแปลง (เช่น ทไวไลท์, แอปเปิ้ลแจ๊ค, ไฟร์ฟาย, เซอร์ไพรส์, โพซี่และสปาร์เคอร์) ซึ่งต่อมาก็ได้พัฒนาเป็นตัวละครหลักของโชว์[8][9] ฮาสโบรอนุมัติโชว์นี้และให้ฟอร์สเป็นผู้อำนวยการโปรดิวเซอร์[10] และให้เธอทำเนื้อเรื่องให้เสร็จสมบูรณ์ ฟอร์สจึงให้ มาร์ติน แอนโซลาบีเฮียร์ และ พอล รูดิช คนที่เคยทำงานให้แอนิเมชันเรื่องอื่นๆกับเธอ, รูดิชเป็นต้นคิดของเธอที่จะให้เพกาซัสเป็นโพนี่สำหรับควบคุมสภาพอากาศในอเควสเทรียรวมถึงตัวละคร "ไนท์แมร์มูน" ด้วย ในระหว่างนี้ฟอร์สได้ขอคำปรึกษาจาก เคร็ก แมคแครกเกน สามีของเธอและผู้สร้าง พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์ และ ฟอสเตอร์ โฮม..บ้านของผองเพื่อนในจินตนาการ, หลังจากดูเวอร์ชันเริ่มต้นของเนื้อเรื่อง ฮาสโบรได้ขอให้ทีมของฟอร์สสร้างตัวละครเพิ่มเติม ต่อมาฟอร์สได้นำ เดฟ แดนเน็ต และ ลินน์ เนย์เลอร์ เพื่อปรับแต่งสไตล์พื้นหลังและตัวละคร[4]
เมื่อเสร็จสิ้นการเขียนเนื้อเรื่อง ฮาสโบรและฟอร์สได้ตามหาสตูดิโอสำหรับสร้างแอนิเมชัน, Studio B โปรดักชั่น (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น DHX Media ในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 2010 จากการร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัท DHX)[11] ได้สร้างแอนิเมชันโดยใช้โปรแกรมอะโดบี แฟลช ให้กับแอนิเมชันที่มีสัตว์เป็นจำนวนมาก ทำให้ฟอร์สรู้สึกว่าพวกเขาคือทางเลือกที่ดี Studio B ได้ขอให้ เจย์สัน ธีสเซน เป็นไดเรกเตอร์ ซึ่งฟอร์สก็เห็นด้วย เธอ, ธีสเซน, และเจมส์ วุตตอน สร้างช็อทสั้นๆสองนาทีเพื่อนำเสนอให้กับฮาสโบร ทำให้บริษัทได้อนุมัติการจัดสร้างโชว์อย่างเต็มรูปแบบ โดยฟอร์สได้คาดการณ์ว่าการพัฒนาโชว์ให้ได้รับการอนุมัตินี้ใช้เวลายาวนานมากถึงหนึ่งปี[4]
งานสร้าง
เนื้อเรื่อง
ตัวละคร
จำนวนตอนและฤดูกาล
การเผยแพร่
สหรัฐอเมริกา
นานาชาติ
ประเทศไทย
ในประเทศไทย ได้เคยฉายใน ช่อง Cartoon Network ในทรูวิชั่นส์ ปัจจุบัน ออกอากาศทางช่อง บูมเมอแรง (ไทย) และ เอ็มคอตแฟมิลี รวมทั้งบริษัท ทีไอจีเอ จำกัด เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในประเทศไทย [12]
สื่อโทรทัศน์
สินค้า
การตอบรับและความสำเร็จ
เสียงวิจารณ์
ความนิยม
การเข้าชิงและรางวัลที่ได้รับ
กลุ่มแฟนคลับ
อื่นๆ
อ้างอิง
- Snider, Brandon T. (2013). My Little Pony: The Elements of Harmony: Friendship is Magic: The Official Guidebook. Little, Brown Books for Young Readers. ISBN 978-0-316-24754-2.
- ↑ ประวัติ My Little Pony G1 (อังกฤษ)
- ↑ ประวัติ My Little Pony G2 (อังกฤษ)
- ↑ ประวัติ My Little Pony G3 (อังกฤษ)
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 "Exclusive Season 1 Retrospective Interview with Lauren Faust". equestriadaily. 2011-09-16. สืบค้นเมื่อ 2017-04-39.
{{cite news}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ Anderson, Monika (2011-08-12). "Never Too Old For "ThunderCats"?". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 2011-08-12.
- ↑ Griffiths, Daniel Nye (2011-09-27). "Friendship is Massive – Ponies, Internet phenomena and crossover audiences". Daniel Nye Griffiths. สืบค้นเมื่อ 2012-01-19.
- ↑ Townshend, Matt (2014-02-27). "At Hasbro, Girls Toys Become a Big Market". BusinessWeek. สืบค้นเมื่อ 2014-03-25.
- ↑ Faust, Lauren (2010-12-05). "MLP News- TOY FAIR PICS!!!". deviantArt. สืบค้นเมื่อ 2011-10-07.
- ↑ Davis, Lauren (2013-12-02). "Lauren Faust shares her childhood My Little Pony collection on Twitter". io9. สืบค้นเมื่อ 2013-12-02.
- ↑ Plank, Willa; Pereira, Joseph (2009-12-22). "Hasbro Chief Spins Toys to Hollywood Tales". The Wall Street Journal. สืบค้นเมื่อ 2011-10-07.
- ↑ "DHX Media Rebrands Across Divisions" (Press release). DHX Media. 2010-09-08. สืบค้นเมื่อ March 3, 2012.
- ↑ ประกาศลิขสิทธิ์ ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง My Little Pony: Friendship is Magic