ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซิชเชอร์ไฮทซ์ดีนสท์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
'''ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์''' (Sicherheitsdienst {{IPA-de|ˈzɪçɐhaɪtsˌdiːnst|lang}}, ''Security Service''),หรือเรียกชื่อเต็มๆว่า ''''ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์ เดส ไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็ส''''{{lang|de|Sicherheitsdienst des Reichsführers-SS}}''''' ({{lang-en|Security Service of the Reichsführer-SS}}), หรือเรียกย่อๆว่า '''เอสดี''' (SD),เป็นหน่วยข่าวกรองของหน่วย[[ชุทซ์ชทัฟเฟิล]]หรือเอสเอสและ[[พรรคนาซี]]ในนาซีเยอรมนี.องค์กรนี้เป็นหน่วยข่าวกรองของพรรคนาซีแห่งแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ถือว่า เป็นองค์กรน้องสาวกับหน่วยตำรวจลับ [[เกสตาโป]].ซึ่งหน่วยเอสเอสได้เข้าแทรกซึมอย่างหนักในช่วงภายหลังปี ค.ศ. 1934.ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1933 และ 1939,หน่วยเอสดีได้รับการบริหารในฐานะเป็นสำนักงานหน่วยเอสเอสที่มีอิสระ,ต่อมาภายหลังได้ถูกโอนอำนาจไปยัง[[สำนักความมั่นคงหลักไรช์]] (RSHA),ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดแผนก/สำนักงาน.ผู้อำนวยการคนแรกคือ [[รีนฮาร์ด เฮย์ดริช]],ได้มีความตั้งใจจากหน่วยเอสดีเพื่อนำทุกคนที่อยู่ในเขตของจักรวรรดิไรซ์ที่สามภายใต้"การควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง".
'''ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์''' (Sicherheitsdienst {{IPA-de|ˈzɪçɐhaɪtsˌdiːnst|lang}}, ''Security Service''), หรือเรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า ''''ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์ เดส ไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็ส'''' {{lang|de|Sicherheitsdienst des Reichsführers-SS}}''''' ({{lang-en|Security Service of the Reichsführer-SS}}), หรือเรียกย่อๆว่า '''เอสดี''' (SD),เป็นหน่วยข่าวกรองของหน่วย[[ชุทซ์ชทัฟเฟิล]]หรือเอสเอสและ[[พรรคนาซี]]ในนาซีเยอรมนี.องค์กรนี้เป็นหน่วยข่าวกรองของพรรคนาซีแห่งแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ถือว่า เป็นองค์กรน้องสาวกับหน่วยตำรวจลับ [[เกสตาโป]].ซึ่งหน่วยเอสเอสได้เข้าแทรกซึมอย่างหนักในช่วงภายหลังปี ค.ศ. 1934.ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1933 และ 1939,หน่วยเอสดีได้รับการบริหารในฐานะเป็นสำนักงานหน่วยเอสเอสที่มีอิสระ,ต่อมาภายหลังได้ถูกโอนอำนาจไปยัง[[สำนักความมั่นคงหลักไรช์]] (RSHA),ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดแผนก/สำนักงาน.ผู้อำนวยการคนแรกคือ [[รีนฮาร์ด เฮย์ดริช]],ได้มีความตั้งใจจากหน่วยเอสดีเพื่อนำทุกคนที่อยู่ในเขตของจักรวรรดิไรซ์ที่สามภายใต้"การควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง".


ภายหลังจากเยอรมนีพ่ายแพ้ใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]].หน่วยเอสดีได้ถูกประกาศว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่[[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก]]พร้อมกับส่วนที่เหลือของสำนักความมั่นคงหลักไรช์ของรีนฮาร์ด (รวมทั้งหน่วย[[เกสตาโป]]) ทั้งสองหน่วยและสาขาของหน่วยเอสเอสในหมู่คณะ.ผู้สืบทอดตำแหน่งของรีนฮาร์ด,[[แอนสท์ คัลเทนบรุนเนอร์]]ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อ[[อาชญากรรมสงคราม]]และ[[อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ]]ที่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก,ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปี ค.ศ. 1946.
ภายหลังจากเยอรมนีพ่ายแพ้ใน[[สงครามโลกครั้งที่สอง]].หน่วยเอสดีได้ถูกประกาศว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่[[การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก]]พร้อมกับส่วนที่เหลือของสำนักความมั่นคงหลักไรช์ของรีนฮาร์ด (รวมทั้งหน่วย[[เกสตาโป]]) ทั้งสองหน่วยและสาขาของหน่วยเอสเอสในหมู่คณะ.ผู้สืบทอดตำแหน่งของรีนฮาร์ด,[[แอนสท์ คัลเทนบรุนเนอร์]]ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่อ[[อาชญากรรมสงคราม]]และ[[อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ]]ที่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก,ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปี ค.ศ. 1946.

รุ่นแก้ไขเมื่อ 23:50, 7 ตุลาคม 2560

ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์ (Sicherheitsdienst ภาษาเยอรมัน: [ˈzɪçɐhaɪtsˌdiːnst], Security Service), หรือเรียกชื่อเต็ม ๆ ว่า ''ซีแชร์ไฮท์สดีนสท์ เดส ไรชส์ฟือเรอร์-เอ็สเอ็ส' Sicherheitsdienst des Reichsführers-SS (อังกฤษ: Security Service of the Reichsführer-SS), หรือเรียกย่อๆว่า เอสดี (SD),เป็นหน่วยข่าวกรองของหน่วยชุทซ์ชทัฟเฟิลหรือเอสเอสและพรรคนาซีในนาซีเยอรมนี.องค์กรนี้เป็นหน่วยข่าวกรองของพรรคนาซีแห่งแรกที่ถูกก่อตั้งขึ้นและได้ถือว่า เป็นองค์กรน้องสาวกับหน่วยตำรวจลับ เกสตาโป.ซึ่งหน่วยเอสเอสได้เข้าแทรกซึมอย่างหนักในช่วงภายหลังปี ค.ศ. 1934.ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1933 และ 1939,หน่วยเอสดีได้รับการบริหารในฐานะเป็นสำนักงานหน่วยเอสเอสที่มีอิสระ,ต่อมาภายหลังได้ถูกโอนอำนาจไปยังสำนักความมั่นคงหลักไรช์ (RSHA),ที่เป็นหนึ่งในเจ็ดแผนก/สำนักงาน.ผู้อำนวยการคนแรกคือ รีนฮาร์ด เฮย์ดริช,ได้มีความตั้งใจจากหน่วยเอสดีเพื่อนำทุกคนที่อยู่ในเขตของจักรวรรดิไรซ์ที่สามภายใต้"การควบคุมดูแลอย่างต่อเนื่อง".

ภายหลังจากเยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง.หน่วยเอสดีได้ถูกประกาศว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมที่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์กพร้อมกับส่วนที่เหลือของสำนักความมั่นคงหลักไรช์ของรีนฮาร์ด (รวมทั้งหน่วยเกสตาโป) ทั้งสองหน่วยและสาขาของหน่วยเอสเอสในหมู่คณะ.ผู้สืบทอดตำแหน่งของรีนฮาร์ด,แอนสท์ คัลเทนบรุนเนอร์ได้ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติที่การพิจารณาคดีเนือร์นแบร์ก,ถูกตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในปี ค.ศ. 1946.