พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา)

เจ้าน้อยหนู มหายศปัญญา
พระยาบุรีรัตน์นครแพร่
ประสูติพ.ศ. 2383
พิราลัยพ.ศ. 2465
ชายาเจ้าคำ มหายศปัญญา
เจ้าจันทร์คำ บุรีรัตน์
หม่อม
  • หม่อมป้าว
    หม่อมสา
พระบุตร5 ท่าน
ราชวงศ์แสนซ้าย
พระบิดาเจ้าบุรีรัตน์ (หนานปัญญา มหายศปัญญา)
พระมารดาแม่เจ้าเฮือนแก้ว มหายศปัญญา

อำมาตย์ตรี พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) หรือ เจ้าน้อยหนู พระยาบุรีรัตน์องค์สุดท้ายแห่งนครแพร่ และอดีตกรมการพิเศษจังหวัดแพร่ เป็นโอรสในพระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา) กับแม่เจ้าเฮือนแก้ว (ราชนัดดาเจ้าหลวงเทพวงศ์) เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำรงวงศ์ตระกูลเจ้านายเมืองแพร่หลังการยกเลิกระบบเจ้าผู้ครองนครแพร่เสมือนเป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าหลวง

พระประวัติ[แก้]

พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) หรือเจ้าน้อยหนู มหายศปัญญา มีชื่อทางพระว่าเจ้าน้อยอินทวงษ์ เป็นโอรสในพระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา หรือเจ้าบุรีปัญญา) กับแม่เจ้าเฮือนแก้ว (ราชนัดดาเจ้าหลวงเทพวงศ์) [1]และมีศักดิ์เป็นเจ้าภราดร(ลูกพี่ลูกน้อง)กับเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ มีเจ้าพี่ร่วมมารดา 1 คน คือแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา พระชายาองค์แรกในเจ้าพิริยเทพวงษ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย และเจ้าพี่น้องต่างมารดาอีก 5 คน ได่แก่

  • เจ้าพระเมืองชัย (เจ้าน้อยชัยลังกา มหายศปัญญา) สมรสกับเจ้าคำป้อ (ธิดาเจ้ามหาวรรณ)
  • เจ้าหนานชื่น มหายศปัญญา
  • เจ้าน้อยสม มหายศปัญญา สมรสกับนางคำผง และเจ้าคำเมา
  • เจ้าคำนวล มหายศปัญญา สมรสกับสามีเงี้ยว
  • เจ้าคำปวน มหายศปัญญา สมรสกับส่างอินถา

เจ้าน้อยหนู เดิมมีตำแหน่งเป็น "พระวังขวา" และได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเป็น "พระยาบุรีรัตน์" ในปี พ.ศ. 2440 แทนเจ้าบิดาที่ถึงแก่พิราลัยลง ในตำแหน่งเสนาฝ่ายนานครแพร่ นอกจากนี้ท่านยังทำสัมประทานป่าไม้ในเขตเมืองนครแพร่อีกด้วย

พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) พิราลัยเมื่อปี พ.ศ. 2465 สิริอายุ 82 ปี ได้รับพระราชทานเงินจำนวน 2,000 สตางค์ และผ้าขาวจำนวน 4 พับ ในการช่วยงานพระราชทานเพลิงศพ ณ สุสานประตูมาน

การทำงาน[แก้]

ภายหลังเมืองแพร่เปลี่ยนแปลงการปกครองในพ.ศ.2445 พระยาบุรีรัตน์ถือเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำรงวงศ์ตระกูลเจ้านายเมืองแพร่แทนภาระทั้งปวงในยุคเจ้าหลวง ทั้งนี้พระยานิกรกิตติการ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ในขณะนั้นก็ได้ประสานความร่วมมือกับพระยาบุรีรัตน์ ซึ่งถือเป็นเสมือนผู้รั้งตำแหน่งเจ้าผู้ครองนครแพร่ โดยการใช้โรงเรียนเทพวงษ์เป็นเครื่องมือประสานความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสยาม เจ้านาย และประชาชนเมืองแพร่ ได้ขอพระราชทานนาม "พิริยาลัย" และเปิดโรงเรียนในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ.2456

  • ในปีพ.ศ.2445 ได้ขอพระราชทานวิสุงคามสีมาในกับวัดปงสนุก (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพงษ์สุนันท์)
  • ได้สร้างระฆังถวายวัดพระธาตุช่อแฮ และบริจาคเงินทำนุบำรุงวัดต่างๆในเมืองแพร่
  • บำรุงโรงเรียน และขอพระราชทานนาม"พิริยาลัย"
  • สร้างตลาดสุขาภิบาลเด่นไชย
  • สร้างฝายแม่พวกหรือฝายเจ้าบุรี ที่ตำบลเด่นไชย อำเภอสูงเม่น
  • เป็นแม่งานใหญ่ร่วมกับแม่เจ้าบัวไหล และเจ้านายเมืองแพร่ในการรับเสด็จสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คราวเสด็จเยือนเมืองแพร่ในปีพ.ศ.2454

โอรส-ธิดา[แก้]

พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) มีชายา และหม่อม 4 คน คือ

  • แม่เจ้าคำ (ธิดาเจ้าน้อยชัยลังกา (โอรสในเจ้าราชวงศ์) กับเจ้าคำเกี้ยว) [2]มีโอรส-ธิดา 2 คน คือ
  1. เจ้าอินป๋ง มหายศปัญญา สมรสกับ เจ้าฟองสมุทร วราราช (ธิดาเจ้าอุปราช (น้อยเสาร์ วราราช) กับเจ้าฟองแก้ว วราราช)มีบุตร - ธิดา 6 คน คือ
    1. เจ้าธิดา หัวเมืองแก้ว
    2. เจ้าไข่แก้ว ทิพย์วิชัย
    3. เจ้าฝนแสนห่า ณ ลำปาง
    4. เจ้าน้อยหมู มหายศปัญญา
    5. เจ้าน้อยห่าน มหายศปัญญา
    6. เจ้าน้อยดำ มหายศปัญญา
  2. เจ้าสุนันตา วงศ์บุรี สมรสกับ หลวงพงษ์พิบูลย์ (เจ้าน้อยพรหม วงศ์พระถาง) มีบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย 3 คน คือ
    1. เจ้าไข่มุกต์ ประชาศรัยสรเดช
    2. เจ้าทองด้วง วงศ์บุรี
    3. นายประจวบ วงศ์บุรี
  • คุณหญิง เจ้าจันทร์คำ บุรีรัตน์ (ธิดาเจ้าพระเมืองแก่น กับเจ้าปิมปา วงศ์เมืองแก่น) ไม่มีบุตรด้วยกัน
  • หม่อมป้าว (ชาวสวรรคโลก) มีธิดา 2 คน คือ
  1. เจ้าสุธรรมมา หัวเมืองแก้ว สมรสกับเจ้าหนานไชยวงศ์ หัวเมืองแก้วมีบุตร - ธิดา 2 คน คือ
    1. เจ้าบุญยก หัวเมืองแก้ว
    2. เจ้ามานพ หัวเมืองแก้ว
  2. เจ้าสุกันทา วิจฝัน สมรสกับเจ้าหนานนุช วิจฝัน มีบุตร - ธิดา 4 คน คือ
    1. เจ้าโสมนัส ศรีใจลม
    2. เจ้ามานิจ วิจฝัน
    3. เจ้าดวงเนตร วิจฝัน
    4. เจ้าปราณีต วิจฝัน
  • หม่อมสา มีโอรส 1 คน คือ
  1. เจ้าน้อยแดง มหายศปัญญา สมรสกับเจ้าบุ วงศ์เมืองแก่น มีบุตร - ธิดา 4 คน คือ
    1. เจ้าน้อยอ่วม มหายศปัญญา
    2. เจ้าน้อยอ๊อด มหายศปัญญา
    3. เจ้าจำปา ศรีวิไล
    4. เจ้าบัวจันทร์ ประเทศรัตน์

เหตุการณ์กบฎเงี้ยวปล้นเมืองแพร่[แก้]

ในปีพ.ศ. 2445 ได้เกิดความไม่สงบขึ้นในเมืองแพร่ โดยพวกไทใหญ่หรือเงี้ยวที่ได้เข้ามาอยู่อาศัยในเมืองแพร่ และทำมาหากินในการขุดพลอย ประเภทพลอยไพลินที่ตำบลบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ในปัจจุบัน ได้ทำการก่อจลาจลในเมืองแพร่เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 จากเหตุการณ์ครั้งนี้ เจ้าหลวงนครแพร่ถูกกล่าวหาว่าคบกับพวกเงี้ยว เจ้าพิริยเทพวงษ์จึงต้องเสด็จหลีภัยการเมืองไปประทับเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว[3] และได้พำนักอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพิราลัยในปี พ.ศ. 2455 ส่วนเจ้านายองค์อื่นๆถูกถอดยศศักดิ์ ถูกควบคุมลงไปกักตัวไว้ที่กรุงเทพฯ และให้ชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ ร่วมถึงพระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) ก็ถูกภาคทัณฑ์ ให้ย้ายออกจากนครแพร่ชั่วคราว และงดสิทธิพิเศษต่างๆ จนกว่าจะแสดงความจงรักภักดีให้สยามพอใจ

นามสกุล[แก้]

พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) ได้รับพระราชทานนามสกุลจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า มหายศปัณยา ในวันที่ 2 เมษษยน พ.ศ. 2462 โดยเป็นชื่อของเจ้าปู่ คือ พระยาบุรีรัตน์ (หนามหายศ) และเจ้าบิดา คือ พระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา)

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

ลำดับสาแหรก[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. เจ้าหลวงเทพวงศ์ลิ้นตอง (ลิ้นทอง).หมู่บ้าน วังฟ่อน ดอตคอม
  2. เจ้าหลวงอินทวิชัย (อินต๊ะวิชัย) .หมู่บ้าน วังฟ่อน ดอตคอม
  3. องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ ประวัติเจ้าพิริยเทพวงศ์ (เจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองแพร่) เก็บถาวร 2016-03-05 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เรียกดูเมื่อ 7 มิถุนายน 2556
  4. ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
  5. คุ้มวงศ์บุรี .ประวัติพระยาบุรีรัตน์
ก่อนหน้า พระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) ถัดไป
พระยาบุรีรัตน์ (หนานปัญญา มหายศปัญญา) พระยาบุรีรัตน์แห่งนครแพร่
(พ.ศ. 2443 - พ.ศ. 2455)
รัฐบาลสยามยกเลิกตำแหน่ง