กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857
กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 | |||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
แผนที่ปี ค.ศ. 1912 แสดงศูนย์กลางของการกบฏ | |||||||||
| |||||||||
คู่สงคราม | |||||||||
|
| ||||||||
ผู้บังคับบัญชาและผู้นำ | |||||||||
ความสูญเสีย | |||||||||
ชาวยุโรป 6,000 คนถูกฆ่า[1], ชาวอินเดียกว่า 800,000 คนได้รับผลกระทบจากกบฏ ทุพภิกขภัย และโรคระบาด[1] |
กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 เป็นการกบฏเพื่อต่อต้านการปกครองอินเดียของบริษัทอินเดียตะวันออกระหว่างค.ศ. 1857–1858 การกบฏเริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1857 เมื่อซีปอย หรือทหารราบอินเดียที่ใช้ปืนเล็กยาวเป็นอาวุธที่บริษัทอินเดียตะวันออกเกณฑ์มาเพื่อคุ้มครองผลประโยชน์และช่วยในการรบลุกฮือขึ้นที่เมืองเมรฐะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเดลี (ปัจจุบันคือโอลด์เดลี) ก่อนจะเกิดการกบฏอื่น ๆ โดยทหารและประชาชนตามมาในพื้นที่ลุ่มคงคาและอินเดียกลาง[2] การกบฏจบลงในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1858 การกบฏครั้งนี้รู้จักในชื่ออื่น ๆ เช่น กบฏซีปอย (Sepoy Mutiny)[3], การจลาจลอินเดีย (Indian Insurrection)[4] และสงครามประกาศเอกราชครั้งที่หนึ่ง (First War of Independence)[5]
บริษัทอินเดียตะวันออกเป็นบริษัทร่วมทุนสัญชาติอังกฤษที่มีจุดประสงค์เพื่อทำการค้ากับภูมิภาคอินเดียตะวันออก จัดตั้งในปี ค.ศ. 1600 บริษัทเข้ามาติดต่อค้าขายกับอินเดียและจัดตั้งสถานีการค้าในปี ค.ศ. 1612[6] การเข้ามามีบทบาทในอินเดียทำให้บริษัทขัดแย้งกับเจ้าพื้นเมืองและบริษัทของชาติมหาอำนาจอื่น ๆ จนในปี ค.ศ. 1757 บริษัทอินเดียตะวันออกรบกับจักรวรรดิโมกุลและประสบชัยชนะในยุทธการที่ปลาศี ทำให้ได้ครอบครองเบงกอล[7] หลังจากนั้นบริษัททำสงครามกับราชอาณาจักรไมซอร์และจักรวรรดิมราฐา ทำให้ครอบครองดินแดนในอนุทวีปอินเดียมากขึ้น นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าการกบฏครั้งนี้มีที่มาจากหลายสาเหตุ ได้แก่ ความขัดแย้งด้านความเชื่อ การปกครองและพัฒนาอินเดียให้เป็นตะวันตกจนเกินไปของบริติช และการขูดรีดภาษี[8][9] อีกหนึ่งปัจจัยที่มักถูกพูดถึงคือข่าวลือเรื่องไขมันที่ชโลมปลอกกระสุนปืนเล็กยาวเอนฟิลด์ พี-53 ที่เป็นอาวุธประจำกายทหารซีปอยนั้นทำมาจากไขมันวัวและหมู ซึ่งวัวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดูและหมูเป็นสัตว์ต้องห้ามของชาวมุสลิม[10]
วันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1857 มงคล ปาณเฑย (Mangal Pandey) ทหารซีปอยผู้ไม่พอใจบริษัทอินเดียตะวันออกใช้ปืนยิงผู้บังคับบัญชาชาวบริติชก่อนจะถูกจับกุมและถูกประหารชีวิต[11] การประหารชีวิต Pandey ทำให้ทหารบางส่วนไม่พอใจจนในวันที่ 10 พฤษภาคม เกิดเหตุจลาจลในเมืองเมรฐะ อาคารต่าง ๆ ถูกเผาและมีประชาชนถูกฆ่า[12] ทหารซีปอยบางส่วนที่ก่อการกำเริบเดินทางไปยังเดลีอันเป็นที่ประทับของจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์ ซาฟาร์แห่งโมกุล และเรียกร้องขอการสนับสนุนซึ่งพระองค์ตอบรับ[13] การจลาจลที่เดลีทำให้ทหารซีปอยหน่วยอื่น ๆ ลุกฮือตาม ชาวมุสลิมส่วนใหญ่เข้าร่วมฝ่ายกบฏ[14] ในขณะที่ชาวซิกข์และปาทานสนับสนุนฝ่ายบริติช[15] ฝ่ายกบฏสามารถยึดเมืองสำคัญของรัฐพิหาร หรยาณา มัธยประเทศ มหาราษฏระ และอุตตรประเทศ ก่อนจะถูกทหารฝ่ายบริติชที่ได้กำลังเสริมมาจากเปอร์เซียและจีนตีโต้ วันที่ 21 กันยายน ฝ่ายบริติชยึดเมืองเดลีคืนจากฝ่ายกบฏได้สำเร็จและเนรเทศจักรพรรดิบาฮาดูร์ ชาห์และพระญาติไปที่ย่างกุ้ง[16] ปลายปี ค.ศ. 1857 ฝ่ายบริติชก็เริ่มยึดดินแดนสำคัญคืนได้และตีทัพฝ่ายกบฏในอินเดียกลางจนแตกพ่ายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1858 ต่อมาวันที่ 8 กรกฎาคม มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ตามมาด้วยการล้างแค้นกบฏที่ก่อเหตุสังหารหมู่ชาวบริติชในการล้อมเมืองกานปุระและลัคเนาด้วยการแขวนคอหรือยิงด้วยปืนใหญ่[17] การกบฏจบลงในวันที่ 1 พฤศจิกายน เมื่อทางบริติชประกาศนิรโทษกรรมกบฏที่ไม่ก่อเหตุฆาตกรรม ก่อนจะประกาศว่าการกบฏจบลงอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1859[18]
กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857 เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้จักรวรรดิโมกุลที่ดำรงอยู่นานกว่า 300 ปีต้องล่มสลาย[19] ด้านรัฐสภาสหราชอาณาจักรออกพระราชบัญญัติรัฐบาลอินเดีย ค.ศ. 1858 ทำให้บริษัทอินเดียตะวันออกสิ้นสภาพในการปกครองอินเดียและถ่ายโอนอำนาจการปกครองไปยังราชสำนักอังกฤษโดยตรง[20] ส่วนกองทหารซีปอยถูกรวมเข้ากับกองทัพอินเดียที่จัดตั้งใหม่ภายใต้บัญชาการของราชสำนักอังกฤษ
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 Peers 2013, p. 64.
- ↑ Bose & Jalal 2004, pp. 72–73
- ↑ "Indian History – British Period – First war of Independence".
- ↑ The Empire, Sydney, Australia, dated 11 July 1857, and the Taranaki Herald, New Zealand, 29 August 1857
- ↑ Williams, Chris (2006), A Companion to 19th-Century Britain, John Wiley & Sons, p. 63, ISBN 978-1-4051-5679-0
- ↑ "East India Company". Britannica.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ "Battle of Plassey". Britannica.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ "Indian Mutiny". Britannica.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ Szczepanski, Kallie (August 12, 2019). "What Was the Indian Revolt of 1857?". ThoughtCo. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ McNamara, Robert (June 25, 2019). "Sepoy Mutiny: Indian Revolt of 1857". ThoughtCo. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ "Mangal Pandey - Biography". Britannica.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ David 2003, p. 93
- ↑ Dalrymple, William (2006). The Last Mughal. Viking Penguin. ISBN 0-670-99925-3.
- ↑ Bandyopadhyay, Sekhar (May 10, 2017). "In 1857, Hindus and Muslims fought side by side to take India back from the British". News18.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ Hussain, Hamid. "The Story of the Storm — 1857". Defence Journal (Opinion). Karachi. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-09-30. สืบค้นเมื่อ 2019-11-10.
- ↑ Bhatia, H.S. Justice System and Mutinies in British India. p. 204.
- ↑ Long (1869), p. 397–398
- ↑ Prichard, Iltudus Thomas (1869). The Administration of India from 1859-1868: The First Ten Years of Administration Under the Crown. London: Macmillan & Co.
- ↑ "Mughal dynasty". Britannica.com. สืบค้นเมื่อ November 10, 2019.
- ↑ Wolpert, Stanley (1989). A New History of India (3d ed.), pp. 239–40. Oxford University Press. ISBN 0-19-505637-X.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ กบฏอินเดีย ค.ศ. 1857
- "Indian Rebellion of 1857". New World Encyclopedia.