โอเปิล คอร์ซา
โอเปิล คอร์ซา | |
---|---|
ภาพรวม | |
บริษัทผู้ผลิต | โอเปิล (General Motors) (พ.ศ.2525–2562) (Groupe PSA) (พ.ศ.2562–2564) (Stellantis) (พ.ศ.2564–ปัจจุบัน) |
เริ่มผลิตเมื่อ | พ.ศ. 2525 - ปัจจุบัน |
ตัวถังและช่วงล่าง | |
ประเภท | แฮทช์แบค 3 ประตู แฮทช์แบค 5 ประตู ซีดาน 2 ประตู ซีดาน 4 ประตู สเตชันวากอน 5 ประตู รถกระบะ 2 ประตู รถตู้ 2 ประตู |
รุ่นที่คล้ายกัน | โตโยต้า สตาร์เล็ท/ยาริส/วีออส ฮอนด้า แจ๊ซ/ซิตี้/บริโอ/บริโอ อเมซ นิสสัน มาร์ช/อัลเมรา มิตซูบิชิ มิราจ มาสด้า ดีมิโอ ฟอร์ด เฟสติวา/เฟียสตา เปอโยต์ 208 เชฟโรเลต อาวีโอ ฮุนได แอคเซนท์ เกีย ไรโอ ซูซูกิ สวิฟท์ |
ระยะเหตุการณ์ | |
รุ่นก่อนหน้า | โอเปิล เชอเวทท์ |
โอเปิล คอร์ซา (อังกฤษ: Opel Corsa) เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กมาก (Subcompact Car) ที่ผลิตโดยค่ายรถยนต์สัญชาติเยอรมัน โอเปิล เริ่มผลิตตั้งแต่ พ.ศ. 2525-ปัจจุบัน ซึ่งโอเปิล คอร์ซาเคยมีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยในรุ่นที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2536-2538 จนในปัจจุบัน โอเปิล คอร์ซามีการผลิตในสเปนและเยอรมนีเท่านั้น
โอเปิล คอร์ซา มีวิวัฒนาการตามช่วงเวลาได้ 6 Generation (รุ่น) ดังนี้
โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 1 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2525-2536 ใช้ชื่อรุ่นว่า Corsa A ใช้เครื่องยนต์ 1.0 ,1.2 ,1.3 ,1.4 ,1.5 และ 1.6 ลิตร โดยเป็นเครื่องยนต์ดีเซลในรุ่น 1.5 ลิตร ซึ่งใช้เครื่องยนต์ร่วมกับอีซูซุ และมีตัวถัง 4 แบบคือแฮทช์แบค 3 ประตู ,แฮทช์แบค 5 ประตู ,ซีดาน 2 ประตู และซีด่าน 4 ประตู
มีการประกอบในซาราโกซา ประเทศสเปน และในปี พ.ศ. 2526 ได้มีการจัดทำรุ่นสปอร์ต โดยใช้เครื่องยนต์ 1.3 ลิตร ซึ่งผลิตสำหรับการแข่งขัน British Rally Championship เท่านั้น
โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 2 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2536-2543 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Corsa B มีเครื่องยนต์มากถึง 6 ขนาดประกอบด้วยเครื่องยนต์ 1.0 ,1.2 ,1.4 ,1.5 ,1.6 และ 1.7 ลิตร และมีความหลากหลายของตัวถังมากขึ้น ประกอบด้วย แฮทช์แบค 3 ประตู ,แฮทช์แบค 5 ประตู ,ซีดาน 4 ประตู ,สเตชันวากอน 5 ประตูและรถกระบะ 2 ประตู และมีระบบเกียร์ 2 แบบคือเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
คอร์ซารุ่นนี้ เป็นคอร์ซารุ่นแรกและรุ่นเดียวที่มีขายในประเทศไทย ซึ่งนำเข้ามาขายโดยบริษัทพระนครยนตรการ โดยรุ่นนี้เป็นโอเปิลรุ่นแรกและรุ่นสุดท้ายของโอเปิลที่ขายดีในเมืองไทย เนื่องจากในช่วงวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 พระนครยนตรการได้นำโอเปิล เวคตร้า (อังกฤษ: Opel Vectra) เข้ามาขายในประเทศไทย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จนัก จนโอเปิลต้องยุติการทำตลาดรถยนต์นั่งในประเทศไทยลงเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยในประเทศไทย จะมีเครื่องยนต์ 1.2 และ 1.4 ลิตรเข้ามาขายในเมืองไทย ซึ่งได้มีการตั้งชื่อรุ่น 1.2 ลิตรว่า Joy และ 1.4 ลิตรว่า Swing ซึ่งเครื่องยนต์ 1.4 ลิตรเข้ามาขายก่อนรุ่น 1.2 ลิตร และมีตัวถังเข้ามาขาย 2 แบบคือแฮทช์แบค 3 ประตูและ 5 ประตู โดยมีราคารุ่น 3 ประตูอยู่ที่ 3.7 แสนบาท และรุ่น 5 ประตูราคา 4 แสนบาท ซึ่งเป็นรถยุโรปที่ราคาถูกที่สุดในสมัยนั้น
โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 3 ผลิตระหว่างปี พ.ศ. 2543-2549 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Corsa C มีเครื่องยนต์ 6 ขนาด คือ 1.0 ,1.2 ,1.3 ,1.4 ,1.7 และ 1.8 ลิตร และมีตัวถัง 5 แบบคือแฮทช์แบค 3 ประตู ,แฮทช์แบค 5 ประตู ,ซีดาน 4 ประตู ,รถตู้ 2 ประตูและรถกระบะ 2 ประตู
คอร์ซารุ่นนี้ มีการทำตลาดเฉพาะในแถบยุโรปและแอฟริกาเท่านั้น ซึ่งมีการทำตลาดในเยอรมนี ,สเปน ,บราซิล ,แอฟริกาใต้ ,อียิปต์ ,อาร์เจนตินาและเอกวาดอร์ และรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่มีการใช้เกียร์กึ่งอัตโนมัติ (Semi-Automatic) มาใช้ควบคู่กับเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 4 เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2549 - 2557 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Corsa D มีเครื่องยนต์ 6 ขนาด ประกอบด้วย 1.0 ,1.2 ,1.3 ,1.4 ,1.6 และ 1.7 ลิตร รุ่นนี้มีระบบเกียร์ 4 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ,เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ,เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด และมีตัวถัง 3 แบบคือแฮทช์แบค 3 ประตู ,แฮทช์แบค 5 ประตู และรถตู้ 2 ประตู รุ่นนี้มีการทำตลาดเฉพาะในเยอรมนีและสเปนเท่านั้น และเตรียมเปลี่ยนโฉมในปี พ.ศ. 2557
โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 5 เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2557 - 2562 โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Corsa E มีเครื่องยนต์ 6 ขนาด เหมือนกับ Corsa D ประกอบด้วย 1.0 ลิตร ,1.2 ลิตร ,1.3 CDTI ,1.4 ลิตร ,1.4 Turbo และ 1.6 Turbo รุ่นนี้มีระบบเกียร์ 4 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด ,เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ,เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด และเกียร์กึ่งอัตโนมัติ 6 สปีด และมีตัวถัง 3 แบบคือแฮทช์แบค 3 ประตู ,แฮทช์แบค 5 ประตู และรถตู้ 2 ประตู
รุ่นที่ 6 (พ.ศ. 2562-ปัจจุบัน)
[แก้]โอเปิล คอร์ซา รุ่นที่ 6 เริ่มผลิตในปี พ.ศ. 2562 จนถึงปัจจุบัน OPEL เริ่มกลับเข้ามาอยู่ในกระแสตลาดรถยนต์โลกอีกครั้ง PSA Group เผยแผนฟื้นฟูแบรนด์ Opel/Vauxhall ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นับตั้งแต่ PSA Group จรดปลายปากกาเพื่อดูแลธุรกิจรถยนต์ Opel/Vauxhall จากอ้อมอก GM Europe อย่างสมบูรณ์แบบในวันที่ 1 สิงหาคม 2017 และดูเหมือนว่าบริษัทรถยนต์ฝรั่งเศสกลุ่มนี้กระตือรือร้นที่จะพลิกฟื้นผลกำไรของ Opel/Vauxhall ให้ประสบผลสำเร็จโดยด่วน เหมือนอย่างที่ PSA Group เคยปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นอย่างมาก ไม่รอช้า PSA Group ก็ได้แถลงแผนปฏิบัติการพลิกฟื้นผลกำไรของ Opel/Vauxhall ให้กลับมาสดใสอย่างรวดเร็วอีกครั้งในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 โดยเมื่อสรุปรายละเอียดแผนปฏิบัติงานคร่าว ๆ ก็พบว่า PSA Group วางกลยุทธ์การพลิกฟื้นที่พลิกแพลงกว่าแผนการณ์ของบางบริษัทเสียอีก
PSA Group ได้วางแผนการพัฒนา Next Opel Corsa โดยใช้เทคโนโลยีของ PSA เอง แทนที่จะเป็นเทคโนโลยีและงานวิศวกรรมที่ตกค้างสมัยยังอยู่ภายใต้ชายคาของ GM โดยล่าสุดทางแบรนด์นำรถยนต์รุ่นยอดฮิตที่ทั่วโลกรวมถึงในตลาดบ้านเราอย่าง CORSA ซีตี้คาร์ ขนาดเล็ก มาปฎิวัติให้ทันยุคทันสมัยด้วยการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ในชื่อ CORSA- E 2020 เจนเนอเรชั่นที่ 6 สำหรับรถคันจิ๋วรุ่นนี้