โชว์มีเดอะมันนี่ ไทยแลนด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โชว์มีเดอะมันนี่ ไทยแลนด์
ประเภทประกวดแร็พเซอร์ไววัล
สร้างโดยทรูโฟร์ยู[ต้องการอ้างอิง]
เสนอโดยเกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (NANAKE 555)
ประเทศแหล่งกำเนิดไทย
ภาษาต้นฉบับไทย
จำนวนฤดูกาล2
จำนวนตอน13 ตอน (เฉพาะ Season 1)
16 ตอน (เฉพาะ Season 2)
การผลิต
กล้องMulti-camera
ความยาวตอน90-120 นาที
บริษัทผู้ผลิตTrue CJ Creations
ออกอากาศ
เครือข่ายทรูโฟร์ยู
ออกอากาศ24 เมษายน พ.ศ. 2561 –
ปัจจุบัน
การแสดงที่เกี่ยวข้อง
Show Me the Money (South Korean TV series)

โชว์มีเดอะมันนี่ ไทยแลนด์ (อังกฤษ: Show Me The Money Thailand) เป็นรายการโทรทัศน์เป็นรายการประกวดร้องเพลงแนวเรียลลิตี้,แร็ปและฮิปฮอป, แร็พเซอร์ไววัล ชื่อดังจากเกาหลี โดยซื้อลิขสิทธิ์รูปแบบรายการ Show Me The Money (SMTM; Korean: 쇼미더머니 Syomi Deo Meoni) เป็นรายการของค่าย CJ E&M ที่ออกอากาศทางช่อง Mnetของประเทศเกาหลีใต้ นำมาทำเป็นรูปแบบรายการของประเทศไทย ผลิตรายการโดย บริษัท เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (Zense Entertainment Company Limited) ผู้ผลิตรายการทีวีของประเทศไทย ซึ่งได้เห็นความน่าสนใจของรายการและบินไปซื้อลิขสิทธิ์ Show Me The Money ตั้งแต่ปี 2017 เพื่อมาผลิตและออกอากาศทาง ช่อง True4U ด้วยการร่วมมือกับ บริษัท CJ Entertainment & Media ของเกาหลี กับ บริษัท บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของไทย , True CJ ซีซั่นแรกเริ่มออกอากาศทางช่อง True4U ในวันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561 ออกอากาศทุกวันอังคาร เวลา 21:30 น. ทาง True4U ช่อง 24 และชมแบบ Uncensored ได้ทางแอป TrueID ถึงวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 รวม 13 ตอน .

ฤดูกาล[แก้]

ฤดูกาลแข่งขัน[แก้]

ซีซั่น ออกอากาศครั้งแรก ออกอากาศรอบชิงชนะเลิศ ผู้ชนะเลิศ รองชนะเลิศ
1 24 เมษายน พ.ศ. 2561 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 ปิยวัฒน์ เชิดเพชรรัตน์ (นายนะ) - ทีม BUDDHABLESS นภ หอยสังข์ (เกม NLHz) - ทีม DOUBLE P (อันดับที่ 2)

ชัยกำพล จันทรักษ์ (จีน JIGSAW) - ทีม DOUBLE P (อันดับที่ 3)

2 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563 6 ตุลาคม พ.ศ. 2563 พัทธดนย์ วงษ์สมัย (เต้ K.AGLET) - ทีม Z2 ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ (SPRITE) - ทีม TRAP TRAP (อันดับที่ 2)

ไพวัฒน์ พิพัฒธาดา (ปืน WAY-G) - ทีม PxP (อันดับที่ 3)

Season 1 (2018/ พ.ศ. 2561)[แก้]

เริ่มออกอากาศ ในวันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21:30 น. ทาง True4U ช่อง 24 และชมแบบ Uncensored ได้ทางแอป TrueID ถึงวันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 รวม 13 ตอน มีเพลงประจำรายการตาม Concept ชื่อว่า SMTM Thailand (9producers) - TOGETHER มี Music Director คือ เมธี ขวัญบุญจัน (เต้ง) หรือ DJ Spyda Monkee (สไปด้ามังกี้) และมีเพลงประจำทีมดังนี้ Team DAJIMDAJAZZ SMTM Thailand (DAJIM x JAZZ SPKK) - DAJIM DAJAZZ , Team SUNNYCASH SMTM Thailand (SD THAITANIUM x BOTCASH) - WHO V R , Team DoubleP SMTM Thailand (POK MINDSET x MVL) - DOUBLE P , Team BUDDHABLESS SMTM Thailand (BUDDHA BLESS) - FOLLOW ME [1][2]

โปรดิวเซอร์[แก้]

รูปแบบรายงาน (กติกา) ประกอบไปด้วย 13 ตอน จำแนก ออกเป็นรอบดังนี้

รอบ Face to Face (EP.1- EP.2)[แก้]

กติกา AUDITION รอบแรก ผู้เข้าแข่งขันจะแร็พ แบบไม่มีดนตรี (Accapella/ No beat) ต่อหน้าโปรดิวเซอร์ ถ้าใครได้สร้อยจะผ่านเข้ารอบต่อไป (120 คนเท่านั้น)

รอบ Ring of Fire (EP.3)[แก้]

กติกา AUDITION รอบที่สอง ผู้เข้าแข่งขัน จะเป็นการแร็ปสด มี Beat(ดนตรีประกอบ) เป็นเวลา 60 วินาที พอสิ้นสุดแล้ว โปรดิวเซอร์แต่ละทีมจะมีสิทธิกด PASS หรือ FAIL , ตามกติกาจริงๆ คือแม้จะได้รับเพียง 1 PASS ก็มีสิทธิที่จะเข้ารอบ แต่เนื่องจาก ในกรณีมี คน PASS เข้ามาเยอะเกินกว่าที่กำหนดไว้คือจำนวน 40 คน ทางรายการจึงตัดสินใจใช้การเลือกจากจำนวน Pass ดัง ใครที่ได้ 4 Pass ถือว่าผ่านเข้ารอบเลย ในกรณียังไม่ครบ 40 คนก็จะตัดสินไปตามลำดับ 3 PASS , 2 PASS และ ก็ 1 PASS พอครบแล้วที่เหลือถึงว่าตกรอบ ในกรณี มีคนได้ จำนวน PASS เท่ากัน หลังจากการคัดเลือก ไม่ให้เกิน 40 คน จะเป็นการสุ่มเข้า

รอบ Battle (Ep.4 - EP.5)[แก้]

กติกา AUDITION รอบที่สุดท้าย ผู้เข้าแข่งขัน 40 คนที่ผ่านเข้ารอบมาจะถูกจับคู่ให้มา แร็พ BATTLE กัน แต่ละทีมจะต้องมาแข่งขันกัน 2 ยก พอเสร็จทีม PD จะทำการปรึกษาลงคะแนนกัน เพื่อเลือกแร็พเปอร์ ที่จะได้ไปต่อเพียง 1 คนเท่านั้น ต่อคู่ (20 คนที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป) ซึ่งผู้ผ่านเข้ารอบจะได้รับหมวก

รอบ PD Show (EP.6)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ โปรดิวเซอร์จะต้องมาทำโชว์แบบเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขัน 20 คนสุดท้าย เลือกว่าจะเข้าไปอยู่กับทีมไหน พอหลังจากจบโชว์จากโปรดิวเซอร์ทั้ง 4 ทีม จะเข้าไปอยู่ในห้อง ที่ไม่สามารถมองเห็นผู้เข้าแข่งขันได้ ซึ่งผู้เข้าแข่งขันจะต้องเลือกห้องทีมโปรดิวเซอร์ ที่ตนอยากไปต่อในฐานะลูกทีมที่ละคน ในกรณีที่ 1 ทีม มีสมาชิกเกิน 5 คน โปรดิวเซอร์จะต้องเลือกให้เหลือเพียง 5 คน และผู้ที่ไม่ถูกเลือกโดย โปรดิวเซอร์ก็จะต้องออกมาเลือกห้องใหม่ จนกว่า จะมีทีมละ 5 คน

รอบ Team Outing (EP.7)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ โปรดิวเซอร์จะพาลูกทีมไปหาแรงบันดาลใจและ หาประสบการณ์จากโลกภายนอก ที่พร้อมเปิดทริปสร้างความสนิทสนม เพื่อร่วมมือกันแต่งทำนองไรห์มเพลงมาโชว์ความเหนือในรอบการแข่งขันครั้งต่อไป “TEAM SHOW” การโชว์ครั้งแรกในรูปแบบทีมของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 20 คน ซึ่งจะมีเพียง 12 คนเท่านั้น ที่จะได้ไปต่อ[3]

รอบ Team Show (EP.8)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ สมาชิกทั้ง 5 คนจากแต่ละทีม จะต้องทำการโชว์ ภายใต้การทำเพลงของโปรดิวเซอร์เป็นครั้งแรก ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ เพื่อให้โชว์ออกมาดีที่สุด หากแต่รอบนี้แบ่งออกเป็น 2 รอบย่อยๆ

  • รอบ 1 มีโควต้าสำหรับผู้ที่จะได้ขึ้นโชว์บน STAGE มีได้เพียง 4 คนเท่านั้น โปรดิวเซอร์จากการที่พาลูกทีมไปหาแรงบันดาลใจและ หาประสบการณ์จากโลกภายนอกนั้น จะมาดูว่าใครเหมาะสมที่จะเป็น แร็พเปอร์มากที่สุด 4 คน หรือมีความพร้อมที่จะขึ้นเวทีมากที่สุด เพื่อที่จะรับไมค์ และขึ้นไปโชว์บนเวที
  • รอบ 2 ภายหลังจาการโชว์ของแต่ละทีม PD ประจำทีมจะเลือกผู้เข้าแข่งขันที่ทำโชว์ได้ดีที่สุด 3 คน เพื่อเข้ารอบต่อไป

รอบ Team Battle (EP.9)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ จะเป็นการแข่งขันรูปแบบ DISS BATTLE ซึ่ง 4 ทีม PD จะทำการจับฉลากเพื่อประกบคู่การแข่งขันกัน แต่ละทีมจะต้องมาแข่งขันกัน 2 ยก โดยในรอบนี้ พอร้องจบ คณะกรรมการ 99 คนในสตูดีโอจะโยนผ้าสีทีมขึ้นมา ทีมที่มีผ้ามากกว่าจะชนะทันที่ ไม่มีเสมอ ส่วนทีมที่แพ้ PD จะต้องเลือกลูกทีมออกจากทีม 1 คน (ในรอบนี้ผู้เข้าแข่งขันก็จะเหลือเพียง 10 คน)

รอบ Team Show Official Performance (EP.10)[แก้]

กติกาในรอบนี้เป็น MISSION CONCERT ของ 4 ทีม โปรดิวเซอร์ แต่ละทีม PD จะต้องสร้างสรรค์เพลงเพื่อให้ลูกทีมออกมาทำโชว์ร่วมกับศีลปินรับเชิญ 4 Style ดนตรี ดังนี้ ศีลปินลูกทุ่ง , ศีลปินยุค 90 , ศีลปินเพื่อชีวิต และ ศีลปินร็อก ซึ่งแต่ละทีมได้ทำการจับฉลากเลือก Style เพลงที่ จะทำโชว์แล้วใน EP.9 คณะกรรมการ 100 คนในสตูดีโอ จะมีเงินเพื่อทำการโหวตรอบละ 10000 บาท ทีมไหนที่สร้างสรรค์ โชว์ มีมูลค่าสูงสุด 2 ทีมเท่านั้นจะไม่ต้องคัดลูกทีมออก ส่วนอันดับ 3 และ 4 จะต้องให้ลูกทีมออกจากทีม ทีมละ 1 คน (ซึ่งในรอบนี้ก็จะเหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 8 คน)

รอบ Team Show Official Performance #2 (EP.11)[แก้]

กติกาในรอบนี้เป็นการที่ 4 ทีมต้องจับคู่กันเพื่อแข่งขันกัน ซึ่งในรอบนี้ PD จะร่วมทำโชว์ด้วย ซึ่งในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย กรรมการ 100 คนดูในสตูดีโอ ซึ่งจะมีคนละ 10000 บาท ทีมที่โชว์มีมูลค่าสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนทีมที่แจะต้องคัดลูกทีมออกอีก 1 คน (ซึ่งในรอบนี้จะทำให้เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 6 คน)

รอบ Semi Final (EP.12)[แก้]

กติกาในรอบนี้จะมีโปรดิวเซอร์ที่จะต้องตกรอบ ในรอบนี้ PD จะจัดรูปแบบการโชว์ยังไงก็ได้ที่คิดว่าจะทำให้มันออกมาดีที่สุด เพื่อให้ทีมของตนอยู่ต่อ และให้สมาชิกทีมเข้าไปในรอบชิง ซึ่งมีโคว้าเพียง 3 คน เท่านั้น ซึ่งในรอบนี้ 6 คนจะถูกจับคู่กันโดยจะจับฉลากจับคู่ เพื่อ BATTLE โดยสมาชิกในทีมเดียวกันจะไม่ต้อง Battle กันเอง ซึ่งในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย กรรมการ 200 คนดูในสตูดีโอ ซึ่งจะมีคนละ 10000 บาท ผู้เข้าแข่งที่โชว์มีมูลค่าสูงกว่าจะเป็นผู้ชนะ

รอบ The Final (EP.13)[แก้]

กติกาในรอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่ชนะ จะได้รับเงินรางวัล 1,000,000 บาท และ สิทธิ์ขึ้นไปโชว์บนเวที Show Me The Money 777 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งในรอบนี้ ผู้เข้าชิง ทั้ง 3 จะต้องมาทำโชว์ และ รอบนี้จะเป็นรอบพิเศษด้วยที่ PD ทีมที่ตกรอบจะมาทำโชว์พิเศษซึ่งในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย กรรมการ คนดูในสตูดีโอ ซึ่งจะเป็นการให้มูลค่าตามทีมตนศรัทา ผู้เข้าแข่งที่โชว์มีมูลค่าสูงสุดจะเป็นผู้ชนะ

Season 2 (2020/ พ.ศ. 2563)[แก้]

เริ่มออกอากาศ ในวันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563 เวลา 21:30 น. ทาง True4U ช่อง 24 และชมแบบ Uncensored ได้ทางแอป TrueID ถึง ปัจจุบัน มีเพลงประจำรายการตาม Concept ชื่อว่า [SMTMTH2] CHANGE - PRODUCER CYPHER มี Music Director คือ เกริก ชาญกว้าง (นีโน่) หรือ Prod. NINO[4]

โปรดิวเซอร์[แก้]

รอบ FACE TO FACE (EP.1 - EP.2)[แก้]

กติกา AUDITION รอบแรก ผู้เข้าแข่งขันจะแร็พ แบบไม่มีดนตรี (Accapella/ No beat) ต่อหน้าโปรดิวเซอร์ ถ้าใครได้สร้อยจะผ่านเข้ารอบต่อไป

รอบ Ring of Fire (EP.3-EP.5)[แก้]

กติกา AUDITION รอบที่สอง ผู้เข้าแข่งขัน จะเป็นการแร็ปสด มี Beat(ดนตรีประกอบ) เป็นเวลา 60 วินาที พอสิ้นสุดแล้ว โปรดิวเซอร์แต่ละทีมจะมีสิทธิกด PASS หรือ FAIL , เพียง 1 PASS ก็มีสิทธิที่จะเข้ารอบ (มี 61 คนที่ผ่านเข้ารอบเท่านั้น)

รอบ Battle One on One (EP.6-EP.8)[แก้]

กติกา AUDITION รอบที่สุดท้าย  ผู้เข้าแข่งขัน 61 คนที่ผ่านเข้ารอบมาจะถูกจับคู่ให้มา Rap BATTLE กัน กำหนดคู่แข่งขันโดยการจับฉลากของพิธีกรเลือกผู้เข้าแข่งขันมา 1 คนและให้คนนั้นเลือกคู่ Battle ของตัวเอง (ยกเว้นกลุ่ม Top 5 จากคะแนนโหวตของผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด โดย 1 ใน Top 5 นั้นสามารถเลือก Rap Battle แบบ Threesome ได้) พอเสร็จทีม PD จะทำการปรึกษาลงคะแนนกัน เพื่อเลือกแร็พเปอร์ ที่จะได้ไปต่อเพียง 1 คนต่อคู่เท่านั้น

รอบ PD SHOW (EP.9)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ โปรดิวเซอร์จะต้องมาทำโชว์แบบเต็มรูปแบบ เพื่อให้ผู้เข้าแข่งขัน ที่ผ่านจากรอบ Battle One on One เลือกว่าจะเข้าไปอยู่กับทีมไหน พอหลังจากจบโชว์จากโปรดิวเซอร์ทั้ง 4 ทีม จะต้องถูกผู้เข้าแข่งขันให้คะแนน โดยทีมที่มีคะแนนสูงที่สุดจะได้ลำดับการเลือกลูกทีมก่อน ซึ่งลูกทีมจะสามารถตอบรับหรือปฏิเสธก็ได้ จนกว่าจะครบทั้ง 4 ทีม ทีมละ 4 คน นอกจากนี้ ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่มีทีมที่เหลือ 14 คน จะต้องตกรอบทันที

รอบ DISS BATTLE (EP.10-EP.11)[แก้]

กติกาในรอบนี้คือ ผู้เข้าแข่งขันทุกคนจากทั้ง 4 ทีมจะต้องถูกจับคู่ให้มา Rap DISS BATTLE กัน กำหนดคู่แข่งขันโดยการจับฉลากของพิธีกรเลือกทีมมา 1 ทีมและให้ทีมนั้นเลือกทีมที่จะเป็นคู่ Diss Battle ของทีมตัวเอง และ 2 ทีมที่เหลือจะจับคู่ Diss Battle กันเองโดยอัตโนมัติ จากนั้นผู้เข้าแข่งขันของทีมที่พิธีกรจับฉลากได้จะเป็นฝ่ายเลือกผู้เข้าแข่งขันของทีมคู่แข่งมาเป็นคู่ Diss Battle ของตัวเอง เมื่อแข่งขันเสร็จ ผู้ชมทุกคนในสตูดีโอจะโยนผ้าสีทีมขึ้นมา ทีมที่มีผ้ามากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนทีมที่แพ้ PD จะต้องเลือกลูกทีมออกจากทีม 1 คน

รอบ OFFICIAL PERFORMANCE 1 (EP.12-EP.13)[แก้]

กติกาในรอบนี้เป็นการที่ 4 ทีมต้องจับคู่กันเพื่อแข่งขันกัน โดย PD แต่ละทีมจะเลือกว่าผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนให้อยู่ในโชว์รอบไหนบ้าง โดยแบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่

  • รอบ MIC SELECTION : ในวันการแข่งขัน PD จะเป็นฝ่ายเลือกผู้เข้าแข่งขัน 1 คนจาก 2 คนที่เลือกมาให้แข่งกันรอบนี้ ขึ้นไปทำโชว์ร่วมกับ PD โดยที่ผู้เข้าแข่งขันที่ไม่ได้ถูกเลือกจะตกรอบทันที
  • รอบ MASTER SHOW : ผู้เข้าแข่งขันจะต้องมาทำโชว์โดยจะเป็นโชว์คู่หรือโชว์เดี่ยวตามจำนวนสมาชิกที่เหลือภายในทีม

การจับคู่ทีมแข่งขันกันจะมาจากผลการตัดสินในรอบที่แล้ว ทีมที่ชนะเจอที่ทีมที่ชนะเหมือนกัน ทีมที่แพ้ก็เจอที่ทีมที่แพ้เหมือนกัน ซึ่งในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย ผู้ชมในสตูดีโอ ซึ่งจะมีคนละ 10000 คะแนน ทีมที่โชว์ทั้งหมดมีคะแนนโหวตมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนทีมที่แพ้จะต้องคัดลูกทีมออกอีก 1 คน

รอบ OFFICIAL PERFORMANCE 2 (EP.14)[แก้]

กติกาในรอบนี้เป็น MISSION CONCERT ของ 4 ทีม แต่ละทีม PD จะต้องสร้างสรรค์เพลงเพื่อให้ลูกทีมออกมาทำโชว์ร่วมกับศิลปินรับเชิญ โดยการจับคู่ทีมแข่งขันกันจะมาจากผลการตัดสินในรอบที่แล้ว ทีมที่ชนะเจอที่ทีมที่ชนะเหมือนกัน ทีมที่แพ้ก็เจอที่ทีมที่แพ้เหมือนกัน ในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย ผู้ชมในสตูดีโอ ซึ่งจะมีคนละ 10000 คะแนน ทีมที่โชว์ได้คะแนนโหวตมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนทีมที่แพ้จะต้องคัดลูกทีมออกอีก 1 คน

รอบ SEMI-FINAL (EP.15)[แก้]

กติกาในรอบนี้จะมี PD ที่จะต้องตกรอบ ผู้เข้าแข่งขันจะต้องจับคู่แข่งทำโชว์เดี่ยวเต็มรูปแบบของตัวเอง โดยการจับคู่กันจะมาจากการจับฉลากของพิธีกร ซึ่งในรอบนี้จะใช่การตัดสินโดย ผู้ชมในสตูดีโอ ซึ่งจะมีคนละ 10000 คะแนน โชว์ของผู้ที่ได้คะแนนโหวตมากกว่าจะเป็นผู้ชนะ ส่วนคนที่แพ้จะตกรอบทันที

รอบ FINAL (EP.16)[แก้]

การแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 2 รอบโดยรอบแรกผู้เข้าแข่งขัน 3 คนสุดท้ายจะทำโชว์เดี่ยวคนละ 1 เพลง โดยโชว์ของผู้ที่ได้คะแนนโหวตน้อยที่สุดจะตกรอบทันที และในรอบที่ 2 ผู้เข้าแข่งขันทีเหลือทั้ง 2 คนจะได้โชว์อีก 1 เพลง และโชว์ของผู้ที่ได้คะแนนโหวตมากกว่าจะได้เป็นแชมป์รายกาาร Show Me The Money Thailand Season 2 และได้รับเงินรางวัลมูลค่า 1,000,000 บาท

อ้างอิง[แก้]