ข้ามไปเนื้อหา

แม่พระฉวีดำ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แม่พระฉวีดำแห่งเชสโตโชวา” ในโปแลนด์
พระนางพรหมจารีแห่งมอนต์แซร์รัต” ซึ่งเป็นงานก็อปปีที่ตั้งอยู่ที่มหาวิหารซันตาเอวลาเลียที่บาร์เซโลนาในประเทศสเปน

แม่พระฉวีดำ (อังกฤษ: Black Madonna) หรือพระนางพรหมจารีฉวีดำ (Black Virgin) เป็นประติมากรรมหรือจิตรกรรมของพระแม่มารีย์ที่มีพระฉวีเป็นสีคล้ำหรือดำ โดยเฉพาะที่ทำในยุโรปในยุคกลางหรือก่อนหน้านั้น ฉะนั้นในบริบทนี้ “แม่พระฉวีดำ” จึงมิได้หมายถึงรูปเคารพของพระแม่มารีย์ที่สร้างเป็นคนผิวดำอย่างจงใจในแอฟริกาที่เป็นที่นิยมกันในแอฟริกาเอง และภูมิภาคที่ผู้คนเป็นชนผิวดำอยู่หนาแน่นเช่นในสหรัฐอเมริกา

ประติมากรรมบางชิ้นเป็นสีดำเพราะวัสดุที่ใช้ในการสร้าง เช่น ตะโกหรือไม้สีดำชนิดอื่น แต่ก็มีการโต้แย้งกันว่าการเลือกวัสดุสีดำนั้นมีความสำคัญอย่างไรหรือไม่ บ้างก็ว่าเดิมงานเป็นสีอ่อนแต่ค่อยคร่ำลงเมื่อเวลาผ่านไป เช่นอาจจะจากเขม่าเทียนที่ใช้ในการสักการะ คำอธิบายนี้เป็นคำอธิบายที่นิยมให้กับรูปเคารพของพระแม่มารีย์ที่เป็นสีดำที่ทำในยุคกลาง แต่ทฤษฎีดังกล่าวก็ได้รับการคัดค้านโดยผู้ที่เชื่อว่าเป็นสีดำมาแต่เดิม ที่ผู้สร้างแฝงความหมายอันไม่อาจจะอธิบายได้

“แม่พระฉวีดำ” มักจะเป็นรูปเคารพที่พบในโบสถ์โรมันคาทอลิก ประติมากรรมส่วนใหญ่จะทำด้วยไม้และบางครั้งก็จะเป็นหินที่มักจะทาสีสูงไปจนถึงราว 75 เซนติเมตร โดยทั่วไปแล้วจะสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 15 ประติมากรรมแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ: ประติมากรรมยืน และ ประติมากรรมนั่งบนบัลลังก์ ถ้าเป็นภาพก็จะเป็นลักษณะของศิลปะที่เป็นแบบไบแซนไทน์ที่มักจะสร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ในอิตาลี พระพักตร์จะเป็นแบบยุโรป

ในยุโรปมี “แม่พระฉวีดำ” อยู่ราว 450 ถึง 500 องค์ ในฝรั่งเศสมี “Vierges Noires” อยู่ราว 180 องค์ นอกจากนั้นก็ยังมีงานก็อปปีภายหลังยุคกลางอีกหลายร้อยองค์ งานบางชิ้นก็เป็นของพิพิธภัณฑ์ แต่ส่วนใหญ่แล้วยังคงตั้งอยู่ในคริสต์ศาสนสถานให้ประชาชนได้สักการะ รูปสัญลักษณ์บางรูปก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับปาฏิหาริย์ที่ทำให้เป็นที่ดึงดูดของผู้แสวงบุญ[1]

ทฤษฎีเกี่ยวกับแม่พระฉวีดำ

[แก้]

นักเทววิทยาและนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มีความเชื่อว่าตัวอย่างส่วนใหญ่ของสีที่คร่ำอาจจะมีสาเหตุมาจากสีธรรมชาติของไม้ที่ใช้ในการสร้างงานหรือการเปลี่ยนแปลงของสีตามกาลเวลา และกล่าวเพิ่มเติมว่างานที่ทำด้วยอะลาบาสเทอร์สีอ่อนเป็นงานที่ทำขึ้นหลังยุคกลาง ผู้ที่ค้านกับทฤษฎีดังกล่าวชี้ให้เห็นเครื่องทรงที่เป็นสีสดใสบนรูปสัญลักษณ์บางรูปที่พระพักตร์และพระกรเป็นสีดำ

การศึกษาเกี่ยวกับพระแม่มารีดำมาฟื้นฟูกันอีกครั้งในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 นักวิชาการด้านศาสนาเปรียบเทียบบางท่านโดยเฉพาะผู้มีพื้นฐานเป็นนัก Afrocentrism, นักสตรีนิยม และผู้นับถือลัทธิเพกันใหม่ ตั้งข้อเสนอว่าแม่พระฉวีดำเป็นการสร้างรูปเคารพที่มีพื้นฐานมาจากศิลปะก่อนสมัยคริสเตียนที่เกี่ยวกับพระแม่ธรณีต่างๆ[2][3] (earth goddess) ที่มักจะเน้นเทพีไอสิสว่าเป็นต้นตอสำคัญ[4][5] นักจิตวิทยาบางท่านก็เสนอทฤษฎีเกี่ยวกับแม่แบบ (archetype) ของความเป็นสตรีและความเป็นแม่ที่มาจากทฤษฎีของของนักจิตวิทยาคาร์ล ยุง และในบริบทของแสดงความมีอำนาจของสตรีที่แสดงออกมาในรูปแบบของการสร้างแม่พระฉวีดำ[6][7] แม้ว่าทฤษฎีต่างๆ ดังกล่าวจะมีพื้นฐานมาจากความสนใจทางด้านความรู้ทางสถาบัน แต่ก็มิได้เป็นทฤษฎีที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปที่เกี่ยวกับแรงบันดาลใจของการสร้างงานดังกล่าวในยุคกลาง

ข้อเสนออีกข้อหนึ่งคือความสัมพันธ์ระหว่างแม่พระฉวีดำของยุคกลางของยุโรป และ ธรรมเนียม/ประเพณีเพกันโบราณและรูปสัญลักษณ์ แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานของความเกี่ยวข้องกันโดยตรงทางประวัติศาสตร์หรืออิทธิพลทางศิลปะก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานทางเทววิทยาศาสนคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่สนับสนุนโดยตรง แต่ก็มีนักเขียนบางท่านที่เสนอว่าการสักการะแม่พระฉวีดำในยุคกลางเป็นการกระทำที่เป็นผลมาจากเนื้อความในใน “เพลงซาโลมอน 1:5” ในพันธสัญญาเดิมในบรรทัดที่ว่า “โอ บุตรสาวแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย ดิฉันผิวดำๆ แต่ว่าดำขำ ดังเต็นท์ของพวกเคดาร์ ดังวิสูตรของซาโลมอน”[8] เนื้อหาดังว่าได้รับการบรรยายอย่างยืดยาวในบทเทศนาของนักบุญแบร์นาร์แห่งแกลร์โว แต่ในกรณีนี้นักบุญแบร์นาร์มิได้กล่าวถึงพระแม่มารีแต่เป็นคริสตจักรโรมันคาทอลิก[9] งาน “แม่พระฉวีดำ” หลายชิ้นที่ยังคงมีอยู่มีคำจารึกดังกล่าว แม้ว่าบางครั้งจะมาเพิ่มเติมเอาภายหลังก็ตาม

นักเขียนผู้เสนอทฤษฎีของความลึกลับของความหมายมักจะรวมองค์ประกอบของสาเหตุข้างล่างบางข้อในบทสันนิษฐาน:

  • บางทฤษฎีกล่าวว่าแม่พระฉวีดำเป็นศิลปะที่มีต้นตอมาจากการสร้างงานศิลปะเกี่ยวกับแม่พระปฐพีที่มีมาตั้งแต่ก่อนสมัยคริสเตียน ผิวที่เป็นสีดำอาจจะเป็นเพราะสีดั้งเดิมของรูปสัญลักษณ์เหล่านี้ และ อาจจะเป็นนัยยะของสีของปฐพีอันอุดมสมบูรณ์ หรือบางที่ก็จะเกี่ยวข้องการค้นพบองค์พระแม่มารีในบริเวณที่เป็นธรรมชาติ เช่นบนต้นไม้ หรือ ข้างน้ำพุธรรมชาติ นอกจากนั้นก็ยังกล่าวกันว่าชาเปลคริสเตียนมักจะตั้งบนที่ที่เดิมเป็นเทวสถานของเทพีไซเบเลซึ่งเป็นเทพีฟริเจียนที่เทียบเท่ากับพระแม่ธรณี และ เทพีไดแอนาแห่งเอเฟซัส
  • บางทฤษฎีกล่าวว่าพระแม่มารีดำมาจากเทพีของอียิปต์ไอซิส พระฉวีที่เป็นสีดำอาจจะมาจากแม่แบบของรูปสัญลักษณ์ของแม่แอฟริกา ศาสตราจารย์สตีเฟน เบงโคอ้างว่ารูปสัญลักษณ์ของคริสเตียนตอนต้นของแม่ที่นั่งกับบุตรได้รับอิทธิพลมาจากภาพของเทพีไอซิสและเทพฮอรัส และ ถึงกับกล่าวต่อไปว่ารอยบากบนพระปรางของ “แม่พระฉวีดำแห่งเชสโตโชวา” เป็นเครื่องหมาย “พระเนตรฮอรัส
  • บางทฤษฎีกล่าวว่าแม่พระฉวีดำเป็นภาพสีพระฉวีดั้งเดิมของพระแม่มารี ซึ่งเท่ากับเป็นการจัดพระองค์ในบริบททางประวัติศาสตร์ เพราะครอบครัวของพระเยซูคงจะมีที่มาจากชนที่เซไมท์จากตะวันออกกลางที่มีผิวสีคล้ำกว่าชาวยุโรป
  • บางทฤษฎีกล่าวว่าแม่พระฉวีดำเป็นงานที่แสดงความมีอำนาจของสตรีที่ไม่อาจจะเทียบได้กับพระแม่มารีที่มีพระฉวีสีอ่อนซึ่งเป็นสีที่เป็นสัญลักษณ์ของความอ่อนน้อม การเชื่อฟัง และ ความบริสุทธิ์ การใช้สัญลักษณ์ที่แสดง “อำนาจของสตรี” บางครั้งก็เชื่อมโยงกับความเป็นสตรีเชิงเพศ (Human female sexuality) ที่กล่าวกันว่าเป็นสิ่งที่ถูกเก็บกดโดยศาสนจักรในยุคกลาง
  • บางทฤษฎีกล่าวว่าพระแม่มารีดำมีความเกี่ยวข้องกับอัศวินเทมพลาร์ และนักบุญแบร์นาร์แห่งแกลร์โว เอียน เบกก์เสนอว่าแม่พระฉวีดำเป็นที่สักการะของลัทธินิยมลึกลับที่เกี่ยวข้องกับอัศวินเทมพลาร์และลัทธิคาธาร์ แต่นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีดังกล่าว และกับทฤษฎีที่เชื่อมโยงกับมารีย์ชาวมักดาลา และ ลัทธิไญยนิยม (Gnosticism)

ระเบียงภาพ

[แก้]

อ้างอิง

[แก้]
  1. Ramm, Benjamin (2017-09-01). "A Controversial Restoration That Wipes Away the Past". The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331. สืบค้นเมื่อ 2023-09-15.
  2. Moss, 2005
  3. Benko, 1993
  4. Redd, V. 6
  5. McKinney-Johnson, V. 6
  6. Gustafson, 1990
  7. Begg, 1985
  8. Holy Zone for Christ: เพลงซาโลมอน 1:5[ลิงก์เสีย]
  9. St. Bernard of Clairvaux, "Sermon 25 on the Song of Songs: Why the Bride is Black but Beautiful"[1]

บรรณานุกรม

[แก้]
  • Begg, Ean The Cult of the Black Virgin (1985)
  • Benko, Stephen Virgin Goddess: Studies in the Pagan and Christian Roots of Mariology (1993)
  • Chiavola Birnbaum, Lucia Black Madonnas: Feminism, Religion, and Politics in Italy (2000)
  • Gustafson, Fred The Black Madonna (1990)
  • Gustafson, Fred The black madonna of Einsiedeln : a psychological perspective (1975)
  • Hale, Susan Elizabeth Sacred Space, Sacred Sound: The Acoustic Mysteries of Holy Places Quest Books (2007) ISBN 0835608565
  • Knight, Jennie S Remythologizing the Divine Feminine in Religion and Popular Culture in America ed. Forbes and Mahan (University of California, 2005)
  • LeMieux, Raymond W. The Black Madonnas of France (1991)
  • McKinney-Johnson, Eloise Egypt's Isis: the Original Black Madonna in Black Women in Antiquity (Journal of African Civilizations ; V. 6) edited by Ivan van Sertima
  • Moser, Mary Beth Honoring darkness: exploring the power of black madonnas in Italy (2005)
  • Moss, Leonard In Quest of the Black Virgin: She Is Black Because She Is Black in Mother Worship:Themes and Variations (1982) edited by James Preston
  • Redd, Danita Black madonnas of Europe: diffusion of the African Isis in Black Women in Antiquity (Journal of African Civilizations ; V. 6) edited by Ivan van Sertima
  • Ralls, Karen Knights Templar Encyclopedia, Career Press (2007) ISBN 1564149269
  • Scheer, Monique From Majesty to Mystery: Change in the Meanings of Black Madonnas from the: Sixteenth to Nineteenth Centuries. The American Historical Review 107.5 (2002)
  • Schmid, Margrit Rosa Schwarz bin ich und schön ([SJW] Schweizerisches Jugendschriftenwerk 2002)
  • Schmid, Margrit Rosa Die Wallfahrt zur schwarzen Madonna Documentary film, 30 minutes (Margrit R. Schmid Zurich 2003)

ดูเพิ่ม

[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ แม่พระฉวีดำ