เหตุโจมตีสถานีรถไฟกรามาตอสก์

พิกัด: 48°43′34″N 37°32′34″E / 48.72611°N 37.54278°E / 48.72611; 37.54278
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหตุโจมตีสถานีรถไฟกรามาตอสก์
เป็นส่วนหนึ่งของการทัพยูเครนตะวันออก
แผนที่
สถานีรถไฟที่ถูกรัสเซียยิงถล่มด้วยขีปนาวุธในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565:  บาร์วินกอแว,  ปอกร็อวสก์,  สลอวิยันสก์,  กรามาตอสก์
สถานที่กรามาตอสก์ ยูเครน
พิกัด48°43′34″N 37°32′34″E / 48.72611°N 37.54278°E / 48.72611; 37.54278
วันที่8 เมษายน พ.ศ. 2565
ประมาณ 10:30 น. (UTC+3)
เป้าหมายพลเรือน
ประเภทการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ตาย63 คน (รวมเด็ก 9 คน)
เจ็บ150 คน (รวมเด็ก 34 คน)
ผู้ก่อเหตุ กองทัพรัสเซีย

ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2565 ระหว่างการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย ขีปนาวุธของรัสเซีย[2][3][4][5][6][7][8] ได้โจมตีสถานีรถไฟชุมทางในเมืองกรามาตอสก์ ทางตอนเหนือของแคว้นดอแนตสก์ ประเทศยูเครน การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 63 คน (รวมถึงเด็ก 9 คน) และบาดเจ็บ 150 คน (รวมถึงเด็ก 34 คน)[9] ทางการรัสเซียปฏิเสธความรับผิดชอบและโทษว่ายูเครนเป็นฝ่ายโจมตี[10]

ภูมิหลัง[แก้]

ระหว่างการรุกรานของรัสเซียซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ กองกำลังรัสเซียบุกเข้ายูเครนโดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือกองกำลังแบ่งแยกดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ในการยึดพื้นที่แคว้นดอแนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ส่วนที่รัฐบาลยูเครนควบคุม ทหารของกองทัพยูเครนที่ประจำการในเมืองสลอวิยันสก์และเมืองกรามาตอสก์มีบทบาทสำคัญในการต่อต้านการรุกของรัสเซีย[11]

ในคืนวันที่ 7 เมษายน ช่องเทเลแกรมช่องหนึ่งที่สนับสนุนรัสเซียเตือนพลเรือนไม่ให้อพยพออกจากเมืองสลอวิยันสก์และเมืองกรามาตอสก์ด้วยรถไฟ[12][13] จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 10:10 น. ของเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเกิดเหตุโจมตีสถานีรถไฟกรามาตอสก์ไม่ถึงชั่วโมง กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่าฝ่ายตนได้โจมตีสถานีรถไฟในเมืองสลอวิยันสก์ เมืองปอกร็อวสก์ และเมืองบาร์วินกอแวโดยใช้ "ขีปนาวุธอากาศที่มีความแม่นยำสูง"[14][15][16]

การโจมตี[แก้]

ตามรายงานของรัฐบาลยูเครน ในเช้าวันที่ 8 เมษายน พลเรือนยูเครนจำนวนระหว่าง 1,000–4,000 คน (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก) กำลังรอขึ้นรถไฟที่สถานีกรามาตอสก์เพื่ออพยพออกจากพื้นที่ซึ่งกำลังถูกรัสเซียยิงถล่มอย่างหนัก[17][18]

เมื่อเวลา 10:28 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ขีปนาวุธทิ้งตัวลูกหนึ่งพร้อมหัวรบที่บรรจุระเบิดลูกปรายได้พุ่งเข้ามาทางสถานีรถไฟกรามาตอสก์ เมื่อใกล้ถึงสถานีรถไฟ ขีปนาวุธได้แตกออกกลางอากาศและปล่อยระเบิดขนาดเล็ก 50 ลูกตกสู่อาคารสถานีรถไฟ ชานชาลา รางรถไฟ รถไฟ รถยนต์หน้าสถานี และพื้นที่โดยรอบซึ่งมีผู้คนรวมตัวกันอยู่จำนวนมาก[19] ผู้ปฏิบัติงานช่วยเหลือจากเวิลด์เซนทรัลคิตเชินซึ่งอยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าเขาได้ยิน "เสียงระเบิดดังขึ้น 5–10 ครั้ง"[17]

สื่อของยูเครนเริ่มทยอยรายงานเหตุการณ์ตั้งแต่เวลาประมาณ 10:45 น.[20] รายงานข่าวต่าง ๆ บรรยายสภาพที่เกิดเหตุว่าเต็มไปด้วยกองเลือด ศพผู้เสียชีวิตเกลื่อนกลาดท่ามกลางกระเป๋าเดินทางที่ถูกทิ้งไว้ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายคนแขน ขา และอวัยวะอื่น ๆ ฉีกขาด และหลายคนมีบาดแผลฉกรรจ์ตามร่างกาย[11][19][21] หน่วยเผชิญเหตุเบื้องต้น อาสาสมัครประจำสถานี และประชาชนทั่วไปช่วยกันดำเนินการปฐมพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บ คนขับรถพยาบาลคนหนึ่งซึ่งมาถึงที่เกิดเหตุไม่กี่นาทีให้หลังเล่าว่า "ผู้คนกรีดร้องกันระงม ร้องอย่างเจ็บปวดมาก ๆ ผมได้ยินเสียงร้องของคนที่มีชีวิตอยู่เหลือเพียง 20–40 วินาที ได้ยินเสียงร้องครั้งสุดท้ายก่อนเขาตาย ผมเห็นแขนขา เห็นแขนขาของเด็กหล่นอยู่ตามพื้น ผมเห็นหัวคนกลิ้งอยู่ที่พื้น"[19]

ในตอนแรกมีการระบุว่าอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุคือขีปนาวุธทิ้งตัวอิสคันเดียร์[22] แต่ต่อมา เปาลอ กือรือแลนกอ ผู้ว่าการแคว้นดอแนตสก์ ระบุว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธตอชคาอูที่บรรจุระเบิดลูกปรายมากกว่า[17] ทีมสืบสวนของฮิวแมนไรตส์วอตช์สำรวจพบจุดที่ระเบิดปะทุรวมทั้งสิ้น 32 จุด กระจายทั่วพื้นที่ 55,000 ตารางเมตร[19]

ด้านนอกของซากขีปนาวุธซึ่งตกอยู่ในบริเวณสถานีมีข้อความสีขาวเขียนไว้ว่า ЗА ДЕТЕЙ ซึ่งเป็นภาษารัสเซียแปลว่า "[แก้แค้น] ให้เด็ก ๆ"[23] นอกจากนี้ยังมีหมายเลขลำดับ Ш91579 กำกับไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวว่าอาจช่วยในการแกะรอยไปสู่คลังแสงต้นทางได้[24][25]

ปฏิกิริยา[แก้]

บริเวณสถานีรถไฟหลังเหตุโจมตี
หน่วยฉุกเฉินของยูเครนในที่เกิดเหตุ

มิเชล บาเชเล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่าเหตุโจมตีครั้งนี้ "เป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลวในการปฏิบัติตามหลักการแบ่งแยกพลรบกับพลเรือน หลักการห้ามโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย และหลักการใช้ความระมัดระวังก่อนการสู้รบซึ่งบัญญัติไว้ในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ"[26]

ดูญา มิยาตอวิช กรรมาธิการสภายุโรปเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า "การโจมตีเขตเมืองที่มีประชากรหนาแน่นของยูเครนเป็นการกระทำอีกอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความไม่ใส่ใจต่อชีวิตพลเรือนอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นลักษณะประจำของการรุกรานทางทหารคราวนี้อย่างน่าเศร้า"[27]

วอลอดือมือร์ แซแลนสกึย ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า "นี่คือความชั่วร้ายที่ไม่มีขอบเขต ถ้าพวกเขาไม่ถูกลงโทษ พวกเขาก็จะไม่หยุด"[21][28]

อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปซึ่งเดินทางเยือนยูเครนในวันเกิดเหตุ ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่า "น่ารังเกียจ"[29] ฌ็อง-อีฟว์ เลอ ดรีย็อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บรรยายการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น "อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ" ที่ไม่สามารถปล่อยให้ลอยนวลได้[30] ขณะที่เบน วอลเลซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม[31]

อังตอนียู กูแตรึช เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวถึงการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ "ยอมรับไม่ได้โดยสิ้นเชิง"[32]

ออแลกซันดร์ กามือชิน ผู้ว่าการรถไฟยูเครน กล่าวถึงเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การโจมตีที่พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำหรับผู้โดยสารรถไฟและผู้อยู่อาศัยในเมืองกรามาตอสก์"[33] หน่วยความมั่นคงยูเครนเริ่มกระบวนการดำเนินคดีตามมาตรา 438 แห่งประมวลกฎหมายอาญา[34]

จัสติน บรองก์ นักวิเคราะห์จากราชสถาบันสหบริการ (Royal United Services Institute) กล่าวว่ารัสเซียมีเป้าหมายที่จะสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของยูเครน เพื่อทำให้กองกำลังยูเครนเคลื่อนพลไปในภูมิภาคดอนบัสได้ลำบาก นอกจากนี้เขายังชี้ว่ารัสเซียเลือกใช้ขีปนาวุธประเภทตอชคาอูเพื่อ "ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนขึ้น"[31] เนื่องจากกองทัพยูเครนก็ใช้ขีปนาวุธประเภทนี้เช่นกัน กระทรวงกลาโหมสหรัฐเน้นย้ำว่ารัสเซียเป็นผู้รับผิดชอบในเหตุโจมตี รวมทั้งเน้นย้ำความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของชุมทางรถไฟแห่งนี้[35][36]

ปฏิกิริยาจากรัสเซียและผู้สนับสนุน[แก้]

ในตอนแรก บรรดาสื่อของรัฐรัสเซียและช่องเทเลแกรมที่สนับสนุนรัสเซีย[37][38] อ้างว่ารัสเซียเพิ่งประสบความสำเร็จในการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายการขนส่งทางทหารแห่งหนึ่งในเมืองกรามาตอสก์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นที่ปรากฏชัดว่ามีขีปนาวุธคร่าชีวิตพลเรือนจำนวนมากที่สถานีรถไฟกรามาตอสก์ จึงมีการแก้ไขและลบรายงานก่อนหน้าทิ้ง[39] รัฐบาลรัสเซียปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตี และกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่าเป็นกลลวงของยูเครน[37][40] โดยอ้างว่ากองกำลังยูเครนเป็นผู้ยิงขีปนาวุธมาจากเมืองดอบรอปิลเลียทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรามาตอสก์[41][15]

สื่อรัสเซียยังกล่าวด้วยว่าหมายเลขลำดับของขีปนาวุธที่ตกในที่เกิดเหตุนั้นอยู่ในพิสัยเดียวกันกับที่กองกำลังยูเครนใช้ อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ไม่สามารถใช้หมายเลขลำดับในการพิสูจน์ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ยิงขีปนาวุธ เนื่องจากขีปนาวุธประเภทตอชคาอูทั้งหมดผลิตจากโรงผลิตเพียงแห่งเดียวในรัสเซียและกระจายจากที่นั่นไปทั่วสหภาพโซเวียต จึงส่งผลให้ตอชคาอูที่รัสเซียใช้ในซีเรียกับตอชคาอูที่ยูเครนใช้ในเมืองสนิฌแนมีหมายเลขลำดับใกล้เคียงกันเป็นต้น[42][43][44] ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างก็ใช้อาวุธที่ยึดได้จากอีกฝ่ายอย่างกว้างขวาง[45][46]

คลิปวิดีโอปลอมคลิปหนึ่งที่ใส่ตราสัญลักษณ์บีบีซีและกล่าวโทษว่ากองกำลังยูเครนเป็นผู้ยิงขีปนาวุธได้แพร่สะพัดไปตามช่องเทเลแกรมที่สนับสนุนรัสเซียตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน สถานีโทรทัศน์ของรัฐรัสเซียยังนำวิดีโอนี้ไปออกอากาศด้วย แต่บีบีซีไม่เคยผลิตวิดีโอใด ๆ ในลักษณะดังกล่าว[47][48]

การประเมินปฏิกิริยาจากรัสเซีย[แก้]

ซากจรวดขีปนาวุธซึ่งมีข้อความเขียนว่า ЗА ДЕТЕЙ ("[แก้แค้น] ให้เด็ก ๆ")

กระทรวงกลาโหมรัสเซียอ้างว่ากองกำลังของตนได้เลิกใช้ขีปนาวุธตอชคาอูไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล นักข่าวสืบสวนของคอนฟลิกต์อินเทลลิเจนซ์ทีม และผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจำนวนหนึ่งแสดงหลักฐานว่ากองกำลังรัสเซียได้เคยใช้ขีปนาวุธตอชคาในหลายพื้นที่ของยูเครนมาก่อนที่จะเกิดเหตุโจมตีสถานีกรามาตอสก์[49] ยิ่งไปกว่านั้น นักสืบจากโครงการโอเพนซอร์สฆายุนจากเบลารุสได้เผยแพร่วิดีโอแสดงขบวนรถบรรทุกรัสเซียที่บรรทุกขีปนาวุธตอชคาประเภทต่าง ๆ กำลังมุ่งหน้าจากเบลารุสมายังยูเครนในวันที่ 5 มีนาคม และ 30 มีนาคม[50] สถาบันเพื่อการศึกษาสงครามประเมินว่ากองทัพผสมที่ 8 พิทักษ์รัฐของรัสเซียซึ่งประจำการอยู่ในดอนบัสมีขีปนาวุธตอชคาอูไว้ใช้[51] รายงานข่าวและภาพจากสื่อสังคมออนไลน์ของรัสเซียแสดงให้เห็นว่ากองพลน้อยขีปนาวุธที่ 47 (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพผสมที่ 8 ของรัสเซีย) ได้อวดขีปนาวุธตอชคาอูตามงานสาธารณะต่าง ๆ ใน พ.ศ. 2564 ซึ่งรวมถึงการเดินสวนสนามในวันแห่งชัยชนะที่เมืองครัสโนดาร์ด้วย[52]

เมื่อวันที่ 14 เมษายน เบลลิงแคตระบุว่าหลักฐานโอเพนซอร์สที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะระบุได้ว่าขีปนาวุธถูกยิงมาจากทิศทางใด[25]

เมื่อวันที่ 18 เมษายน พอลิติแฟกต์ประเมินความเป็นไปได้ที่เหตุโจมตีครั้งนี้จะเป็นปฏิบัติการธงเท็จ โดยสรุปว่า "ไม่มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่ายูเครนอยู่เบื้องหลังการโจมตีที่สถานีรถไฟกรามาตอสก์เมื่อวันที่ 8 เมษายน"[53]

ระเบียงภาพ[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 "«Точка У» разорвалась на вокзале в Краматорске, 50 человек погибли. Что известно о нападении и ракете" (ภาษารัสเซีย). BBC News. 2022-04-08.
  2. Jonathan Beale (10 April 2022). "Ukraine war: Disbelief and horror after Kramatorsk train station attack". BBC (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 5 May 2022. สืบค้นเมื่อ 12 April 2022.
  3. "Kramatorsk train station massacre sparks international outrage". Le Monde (ภาษาอังกฤษ). 10 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 April 2022. สืบค้นเมื่อ 12 April 2022.
  4. "Ukraine evening briefing: Five developments as Russia strikes railway stations and fuel depots" (ภาษาอังกฤษ). The Telegraph. 25 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 May 2022. สืบค้นเมื่อ 1 May 2022. At least 57 people were killed earlier this month in Russian strikes on a train station used for evacuations in the eastern city of Kramatorsk.
  5. "Russia strikes 5 railway stations in central and western Ukraine, head of Ukraine state railways says" (ภาษาอังกฤษ). CNN. 25 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 May 2022. สืบค้นเมื่อ 1 May 2022. Earlier this month, at least 50 people, including five children, were killed after Russian forces carried out a missile strike on a railway station in Kramatorsk,
  6. "Impossible Choices in the Battle for the Donbas" (ภาษาอังกฤษ). The Atlantic. 24 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 May 2022. สืบค้นเมื่อ 1 May 2022. The risks of evacuation, safer though it may be than staying, were underlined by a Russian strike on a train station in Kramatorsk,
  7. "RUSSIAN OFFENSIVE CAMPAIGN ASSESSMENT, APRIL 8" (ภาษาอังกฤษ). Institute for the Study of War. 8 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 April 2022. สืบค้นเมื่อ 1 May 2022. A Russian Tochka-U missile struck a civilian evacuation point at the Kramatorsk rail station in eastern Ukraine, killing at least 50 and wounding around a hundred evacuees.
  8. "Ukraine: New Light on Russia's Rail Station Attack. Despite Denials, Research Confirms Russian Forces Had Weapons, Opportunity". Human Rights Watch. 21 February 2023. สืบค้นเมื่อ 22 February 2023.
  9. Євген, Вакуленко (April 8, 2023). "According to the final data of the Security Service of Ukraine, which were provided in response to the request of journalists of the Free Radio, as a result of the attack on the Kramatorsk train station: 63 people were killed, among them 9 children. 150 citizens were injured, among them 34 children" (Report). Вільне радіо.{{cite report}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  10. "Kramatorsk train station massacre sparks international outrage" (ภาษาอังกฤษ). Le Monde. 10 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 May 2022. สืบค้นเมื่อ 1 May 2022.
  11. 11.0 11.1 "'Evil that has no limits': Zelenskiy condemns Kramatorsk station attack". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  12. Ebaker (2022-04-08). "Russian War Report: Russia makes false claims while blaming Ukraine for Kramatorsk railway station attack". Atlantic Council (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-10. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  13. ""Точка У" разорвалась на вокзале в Краматорске, 52 человека погибли. Что известно о нападении и ракете". BBC News Русская служба (ภาษารัสเซีย). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  14. "Kramatorsk train station massacre sparks international outrage". Le Monde.fr (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-10. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-12. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  15. 15.0 15.1 "Ce que l'on sait du bombardement russe de la gare de Kramatorsk, dans l'est de l'Ukraine". L'Obs (ภาษาฝรั่งเศส). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-12. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  16. "Вторжение в Украину. 44‑й день войны". Медиазона (ภาษารัสเซีย). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-09. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  17. 17.0 17.1 17.2 "Kramatorsk: At least 1,000 at railway station when rockets hit - witness". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  18. "Ukraine says at least 39 people killed in Russian rocket attack on Kramatorsk train station". CBS News (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  19. 19.0 19.1 19.2 19.3 "Death at the Station: Russian Cluster Munition Attack in Kramatorsk" (ภาษาอังกฤษ). Human Rights Watch. 21 February 2023. สืบค้นเมื่อ 22 March 2023.
  20. "По вокзалу Краматорска ударили ракетой с надписью «За детей». Погибли 50 человек (в том числе пять детей) Больницы не справляются с количеством раненых, заявил мэр Краматорска". Meduza (ภาษารัสเซีย). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  21. 21.0 21.1 "At Least 52 Dead In Russian Rocket Attack On Ukrainian Rail Station". RadioFreeEurope/RadioLiberty (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-13. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  22. "About 30 people killed in Russian strike on a packed train station in eastern Ukraine". NPR (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  23. Isabel Van Brugen (8 April 2022). "Missile That Hit Ukrainian Civilian Station Had 'For Children' On it". Newsweek. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 April 2022. สืบค้นเมื่อ 10 April 2022.
  24. "Kramatorsk, di chi era il missile della strage? Le teorie a cui non credere". la Repubblica (ภาษาอิตาลี). 10 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 April 2022.
  25. 25.0 25.1 "Russia's Kramatorsk 'Facts' Versus the Evidence". Bellingcat. 14 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2022. สืบค้นเมื่อ 19 April 2022.
  26. "Bachelet urges respect for international humanitarian law amid growing evidence of war crimes in Ukraine". OHCHR. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-05. สืบค้นเมื่อ 2022-08-08.
  27. "Kramatorsk: Those responsible for the terrible loss of civilian life must be held accountable". Council of Europe. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-08-08. สืบค้นเมื่อ 2022-08-08.
  28. "'Russia, an evil with no limits': Zelenskyy on east Ukraine rocket attack". Hindustan Times. 8 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2022. สืบค้นเมื่อ 8 April 2022.
  29. "'An abomination': World reacts to deadly Kramatorsk attack". Al Jazeera. 8 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 April 2022. สืบค้นเมื่อ 8 April 2022.
  30. "Bombardement de Kramatorsk: Jean-Yves Le Drian dénonce un crime contre l'humanité". Europe 1 (ภาษาฝรั่งเศส). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-11. สืบค้นเมื่อ 2022-04-12.
  31. 31.0 31.1 "Strike kills 50 at Ukraine rail station crowded with people". AP NEWS (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  32. "Missile kills at least 52 at crowded Ukrainian train station". AP NEWS (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  33. "Россия ударила ракетами по железнодорожному вокзалу Краматорска, 39 погибших, из них 4 – дети (обновлено)". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  34. "В результате обстрела Краматорска уже известно о 39 погибших, среди которых 4 детей". เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-08.
  35. "Pentagon: Russia fired a missile strike at Kramatorsk station". babel.ua (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-05-07. สืบค้นเมื่อ 2022-04-25.
  36. "Trending news: Pentagon: Russian troops fired "Point-U" missile at Kramatorsk railway station". Hindustan News Hub (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2022-04-09. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-06-27. สืบค้นเมื่อ 2022-04-25.
  37. 37.0 37.1 ""Точка У" разорвалась на вокзале в Краматорске, 52 человека погибли. Что известно о нападении и ракете". BBC News Русская служба (ภาษารัสเซีย). 2022-04-08. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-10.
  38. "Russia accused of 'monstrous' war crime in Kramatorsk station attack". the Guardian (ภาษาอังกฤษ). 2022-04-09. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-14. สืบค้นเมื่อ 2022-04-11.
  39. "Експертиза підтвердила, що «Точкою У» по вокзалу Краматорська били з ОРДЛО — СБУ". Ліга.net. 21 May 2022. สืบค้นเมื่อ 21 May 2022.
  40. "Pro-Kremlin media U-turns over Kramatorsk station attack in Ukraine". Newsweek. 8 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 6 May 2022. สืบค้นเมื่อ 8 April 2022.
  41. "Death toll in Kramatorsk railway station strike rises to 50, including 5 children". The Hindu. 8 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 April 2022. สืบค้นเมื่อ April 8, 2022.
  42. Romanyuk, Vika (2022-04-10). "Fake: Serial Number Confirms Kramatorsk Train Station Hit by Ukrainian Tochka U Missile". StopFake (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-15. สืบค้นเมื่อ 2022-04-19.
  43. "Russia's Kramatorsk 'Facts' Versus the Evidence". Bellingcat. 14 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 16 April 2022. สืบค้นเมื่อ 19 April 2022. At the time of writing, the available open source evidence remains insufficient to reveal all details about the strike, including the direction of origin of the missile.
  44. "Фейк кремлевских СМИ: доказано, что удар по Краматорску нанесен украинской ракетой". The Insider (ภาษารัสเซีย). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-13. สืบค้นเมื่อ 2022-04-19.
  45. "¿Qué sabemos del misil que ha matado a civiles ucranianos junto a la estación de tren de Kramatorsk (Ucrania)? · Maldita.es - Periodismo para que no te la cuelen". Maldita.es — Periodismo para que no te la cuelen (ภาษาสเปน). 2022-04-13. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-13. สืบค้นเมื่อ 2022-04-19.
  46. "Удар по Краматорску. Россия обвиняет Украину и грозит делом о фейках за распространение иной версии". Медиазона (ภาษารัสเซีย). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-09. สืบค้นเมื่อ 2022-04-19.
  47. "BBC warns of fake video claiming Ukraine carried out Kramatorsk attack". The Guardian (ภาษาอังกฤษ). 13 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 April 2022. สืบค้นเมื่อ 13 April 2022.
  48. "La BBC no ha identificado a Ucrania como autor del ataque a la estación de Kramatorsk". RTVE (ภาษาสเปน). 13 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 April 2022. สืบค้นเมื่อ 19 April 2022.
  49. ""Точка У", "Калібри" та "Іскандери": якими ракетами Росія обстрілює міста України". BBC News Україна (ภาษายูเครน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-09. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  50. "Suspect Claim by Russia on Rockets That Killed Fleeing Civilians". POLYGRAPH.info (ภาษาอังกฤษ). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-09. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  51. Mason Clark and Kateryna Stepanenko (2022-04-08). "Russian Offensive Campaign Assessment, April 8" (ภาษาอังกฤษ). Institute for the Study of War. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-08. สืบค้นเมื่อ 2022-04-09.
  52. "Russia's Kramatorsk 'Facts' Versus the Evidence". Bellingcat. 14 April 2022. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-16. สืบค้นเมื่อ 2022-04-16.
  53. Washington, District of Columbia 1800 I. Street NW; Dc 20006. "PolitiFact - No evidence that Ukraine attacked a train station in one of its cities". @politifact (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-04-19. สืบค้นเมื่อ 2022-04-19.