เนเรโอ รอกโก

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เนเรโอ ร็อคโค)
เนเรโอ รอกโก
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1912(1912-05-20)
สถานที่เกิด ตรีเยสเต ออสเตรีย-ฮังการี
วันเสียชีวิต 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979(1979-02-20) (66 ปี)
สถานที่เสียชีวิต ตรีเยสเต อิตาลี
ตำแหน่ง กองกลาง, กองหน้า
สโมสรเยาวชน
1927–1930 Triestina
สโมสรอาชีพ*
ปี ทีม ลงเล่น (ประตู)
1930–1937 Triestina 232 (66)
1937–1940 นาโปลี 52 (7)
1940–1942 Padova 47 (14)
1942–1943 94° Reparto Distretto Trieste
1943–1944 Libertas Trieste 14 (1)
1944–1945 Padova
ทีมชาติ
1934 อิตาลี 1 (0)
จัดการทีม
1947–1950 Triestina
1950–1953 Treviso
1953–1954 Triestina
1954–1961 ปาโดวา
1960 อิตาลี โอลิมปิก
1961–1963 เอซีมิลาน
1963–1967 โตรีโน
1967–1973 เอซีมิลาน
1974–1975 ฟีออเรนตีนา
1977 เอซีมิลาน
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น

เนเรโอ รอกโก (อิตาลี: Nereo Rocco; 20 พฤษภาคม 1912 – 20 กุมภาพันธ์ 1979) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอิตาลี ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล[1] เขามีชื่อเสียงจากการเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในอิตาลี คว้าแชมป์ทั้งในและต่างประเทศหลายรายการระหว่างที่เขาเป็นผู้จัดการทีมเอซีมิลาน ที่ปาโดวา เขาเป็นหนึ่งในผู้ใช้ระบบการเล่นแบบคาเตนัชโชเป็นคนแรก ๆ ในประเทศ[2]

การเล่นอาชีพ[แก้]

สโมสร[แก้]

รอกโกเล่นเป็นตำแหน่งปีก; เขามีอาชีพการเล่นที่เรียบง่าย โดยใช้เวลาส่วนใหญ่กับ ตรีเยสตีนา, นาโปลี และปาโดวา เขาลงเล่นในเซเรียอา 287 นัดภายใน 11 ฤดูกาล ยิงได้ 69 ประตู รอกโกยังติดทีมชาติอิตาลี 1 นัดอีกด้วย[3][4]

ทีมชาติ[แก้]

รอกโกลงเล่นให้กับทีมชาติอิตาลี 1 นัด: ในฟุตบอลโลก 1934 รอบคัดเลือก ภายใต้การคุมทีมของวิตตอริโอ ปอซโซ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 1934 เจอกับกรีซ ซึ่งเป็นชัยชนะในบ้านของอิตาลี 4–0[5][6]

อาชีพผู้ฝึกสอน[แก้]

ตรีเยสตีนา[แก้]

รอกโกเริ่มต้นอาชีพโค้ชกับตรีเยสตีนาซึ่งเป็นสโมสรในบ้านเกิดและเป็นสโมสรแรกในอาชีพของเขาในปี 1947 หลังจากที่เขาแขวนสตั๊ดเพียง 2 ปี เขานำสโมสรจบตำแหน่งรองแชมป์อย่างน่าประหลาดใจในเซเรียอา ซึ่งยังคงเป็นผลงานสูงสุดที่ทีมทำได้จนถึงทุกวันนี้ เขาออกจากตรีเยสตีนาในอีกไม่กี่ปีต่อมาเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับประธานสโมสรในขณะนั้น ในปี 1950 เขาเป็นโค้ชให้กับเตรวีโซในช่วงสั้น ๆ จากนั้นจึงกลับมาที่ตรีเยสตีนาในปี 1953[4]

ปาโดวา[แก้]

ในปี 1953 หลังออกจากตรีเยสตีนา รอกโกได้เซ็นสัญญาเป็นโค้ชของปาโดวาทีมในเซเรียบี เขาทำให้สโมสรรอดพ้นการตกชั้นและเลื่อนชั้นสู่เซเรียอาในฤดูกาลถัดมา ปาโดวาในยุคของรอกโก เป็นที่จดจำว่าเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้ แม้จะเป็นเพียงทีมเล็ก ๆ แต่พวกเขาสามารถคว้าอันดับ 3 ได้ในช่วงฤดูกาล 1957–58[4] ระหว่างที่เขาอยู่กับปาโดวา เขายังเป็นโค้ชให้กับทีมชาติอิตาลีในโอลิมปิกฤดูร้อน 1960 ที่กรุงโรม ร่วมกับจูเซปเป เวียนี ซึ่งพวกเขาจบอันดับที่ 4[4]

เอซีมิลาน[แก้]

ในปี 1961 รอกโกได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโค้ชคนใหม่ของเอซีมิลาน แทนที่เปาโล โตเดสคินี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ 1 ช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดสำหรับทีมรอสโซเนรี เขาสร้างทีมที่ทำงานหนักและเน้นเล่นเกมรับโดยมีนักเตะดาวรุ่งของทีม จานนี ริเวรา ซึ่งย้ายจากอเลสซานเดรียในปี 1960 เข้ามาเสริมการเล่นที่สร้างสรรค์ในแนวรุก และพวกเขามีบทบาทสำคัญในความสำเร็จของสโมสร[7] โดยคว้าแชมป์เซเรียอาในปี 1962 และยูโรเปียนคัพในปี 1963 หลังจากออกจากมิลานในปี 1963 เขาคุมทีมโตริโนซึ่งเขาทำผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เสียผู้เล่นชุดกรานเดโตริโนในปี 1949 จากเหตุการณ์เครื่องบินตก ในปี 1967 รอกโกกลับมาคุมทีมมิลานเป็นครั้งที่ 2 แทนที่ อาร์ตูโร ซิลเวสตรี ซึ่งเขาคว้าแชมป์สคูเดตโต้ (เซเรียอา) อีกสมัยทันที และยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ[2][4]

เขาออกจากมิลานในปี 1973 หลังจากนำทีมคว้าแชมป์ยูโรเปียนคัพอีกสมัยในปี 1969 จากการเอาชนะอายักซ์ ของไรนุส มิเชลส์ 4–1 , อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ , โคปปาอิตาเลีย 2 สมัย และคัพวินเนอร์สคัพ อีกสมัย หลังจากอยู่กับฟิออเรนติน่าเป็นเวลา 1 ปี รอกโกก็ตัดสินใจวางมือจากอาชีพโค้ชในปี 1975 ในปี 1977 เขาได้รับการแต่งตั้งจากมิลานให้เป็นผู้อำนวยการด้านเทคนิคและผู้ช่วยผู้จัดการทีมของนิลส์ ลีดโฮล์ม ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นของเขา รอกโกเป็นผู้จัดการทีมที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของมิลาน โดยคุมทีมไป 459 นัด (323 นัดในตำแหน่งหัวหน้าโค้ช และ 136 นัดในตำแหน่งผู้อำนวยการด้านเทคนิค)[2][4]

อ้างอิง[แก้]

  1. Jamie Rainbow (4 July 2013). "The Greatest manager of all time". World Soccer. สืบค้นเมื่อ 5 November 2015.
  2. 2.0 2.1 2.2 Andrea Schianchi (2 November 2014). "Nereo Rocco, l'inventore del catenaccio che diventò Paròn d'Europa" (ภาษาอิตาลี). La Gazzetta dello Sport. สืบค้นเมื่อ 5 November 2015.
  3. "Rocco, Nereo" (ภาษาอิตาลี). enciclopediadelcalcio.it. สืบค้นเมื่อ 21 May 2017.
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 4.4 4.5 "Nereo Rocco" (ภาษาอิตาลี). Storie di Calcio. สืบค้นเมื่อ 5 November 2015.
  5. Le vicende della partita "Italia-Grecia" nei quattro goals del trionfo "azzurro", Il Littoriale, 26 marzo 1934, pag.3
  6. Italia-Grecia 4-0 Italia1910.com
  7. "RIVERA Gianni: Golden Boy per sempre - 2" (ภาษาอิตาลี). Storie di Calcio. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-12-20. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.