เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง
เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง | |
---|---|
เจ้าหอคำเชียงตุง[1] | |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2439 - 2478 |
ก่อนหน้า | เจ้าฟ้าก๋องคำฟู |
ถัดไป | เจ้าฟ้ากองไท |
ประสูติ | พ.ศ. 2418 |
พิราลัย | พ.ศ. 2478 |
ภรรยา | มหาเทวี เจ้าแม่ปทุม หม่อม หม่อมจามฟอง หม่อมบุญยวง หม่อมแดง หม่อมทิพใหญ่ หม่อมทิพย์เล็ก |
พระบุตร | 19 องค์ |
ราชวงศ์ | มังราย |
พระบิดา | เจ้าฟ้าโชติกองไท |
พระมารดา | เจ้าแม่สุวรรณา (ราชธิดาเจ้าเมืองยอง) |
เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง (บางแห่งสะกดว่าอินทรแถลง[1]) หรือที่ชาวเชียงตุงนิยมเรียกว่า เจ้าฟ้าเฒ่า เป็นโอรสองค์ที่ 5 ของเจ้าฟ้าโชติกองไท ได้ครองราชย์เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงสืบแทนเจ้าพี่คือเจ้าฟ้าก๋องคำฟู ที่ถึงแก่พิราลัยในปี พ.ศ. 2441 ตลอดเวลาที่เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงครองนครเชียงตุง พระองค์ได้สร้างความเจริญแก่นครเชียงตุงเป็นอย่างมาก เช่น การสร้างถนนหนทาง ทำนุบำรุงพระศาสนา เช่น สร้างวัดหลายแห่ง และมีการบูรณะปฏิสังขรณ์ เช่นวัดราชฐานหลวงหัวข่วงที่ถูกไฟไหม้ก็สร้างใหม่แล้วยกเป็นวัดหลวง มีการสร้างวัดพระเจ้าหลวงประดิษฐานพระพุทธมหามัยมุนีจำลองมาจากเมืองมัณฑะเลย์ สร้างหอหลวงขึ้นใหม่เป็นตึกแบบอินเดีย บรรดาหอต่าง ๆ ที่พำนักของเจ้าแม่เฒ่า (ราชมารดา) เจ้าแม่นางเมือง (พระมเหสี) และบรรดานางฟ้า (พระสนม) โปรดให้เปลี่ยนเป็นตึกแบบใหม่ทั้งหมด รวมความว่าสิ่งใดที่จะนำความเจริญมาสู่บ้านเมือง ท่านผู้นี้ก็ได้พยายามจัดขึ้นทำขึ้น การติดต่อกับเพื่อนบ้านก็ให้ตัดถนนเป็นทางรถยนต์ติดต่อกับจังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนติดต่อกับเชียงตุง ทางตะวันตกก็มีทางรถยนต์ติดต่อกับตองยี กับได้ทำความสัมพันธ์กับเจ้านายพื้นเมืองทางเชียงใหม่และลำปางโดยทางแต่งงานของราชบุตรเป็นต้น โดยได้ปฏิบัติงานเป็นที่เรียบร้อยและเป็นที่พอใจแก่อังกฤษซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคม จนรัฐบาลอังกฤษได้ยกให้เป็น C.I.E. (Companion of the Indian Empire)
เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลงมีมหาเทวี 1 องค์ และมีหม่อม 5 คน มีราชโอรสราชธิดารวม 19 พระองค์[2] ได้แก่
- แม่เจ้าปทุมมหาเทวี ราชธิดาเจ้าฟ้าเมืองสิงห์ เป็นแม่เจ้านางเมือง (พระมเหสี) มีราชธิดา 1 องค์ และราชบุตร 1 องค์ คือ
- เจ้านางทิพเกษร เสกสมรสกับเจ้าฟ้าหลวงเชียงคำ ดำรงตำแหน่งมหาเทวีเมืองเชียงคำ ภายหลังเมืองเชียงคำถูกอังกฤษยุบเมือง แล้วแบ่งดินแดนให้เมืองรอบ ๆ เจ้านางทิพเกษรจึงพาราชโอรส-ธิดากลับมาประทับที่นครเชียงตุง แม่เจ้าปทุมมาจึงประทานหอหนองเค้ ซึ่งเป็นตำหนักที่เจ้าฟ้าหลวงสร้างประทานพระองค์เอง ให้ราชธิดาและราชนัดดาประทับเป็นการถาวร ส่วนองค์เองได้เสด็จไปประทับกับเจ้าฟ้าพรหมลือ ราชโอรส ยังหอป่าม่านของเจ้าฟ้าพรหมลือ
- เจ้าฟ้าสิริสุวรรณราชยสสรพรหมลือ (ต้นสกุล ณ เชียงตุง ได้เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณ ณ ลำปาง (พ.ศ. 2446-2532) หลานสาวของเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิต เจ้าหลวงลำปางองค์ที่ 13 (มารดาคือเจ้าหญิงฝนห่าแก้ว เป็นธิดาเจ้าหลวงลำปาง) ภายหลังที่เสกสมรสกับเจ้าทิพวรรณแล้ว เจ้าฟ้าหลวงโปรดให้สร้างหอป่าม่าน ให้เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าพรหมลือกับชายา
- เจ้าหม่อมจามฟอง เป็นนางฟ้า หรือพระสนมคนแรก เดิมเป็นสามัญชน เป็นธิดาของขุนนางเมืองยาง มีราชบุตร-ราชธิดารวม 6 องค์ คือ
- เจ้าฟ้ากองไท (ได้เป็นเจ้าหอคำเชียงตุงต่อจากพระบิดา) เสกสมรสกับเจ้านางจ่ายุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
- เจ้าฟ้าอินถา (ได้เป็นราชโอรสบุญธรรมเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ)
- เจ้าฟ้าขุนเมือง เสกสมรสกับเจ้านางองยุ่น ราชธิดาของเจ้าฟ้าหลวงเมืองสีป้อ
- เจ้าฟ้าขุนศึก (ต้นสกุล ขุนศึกเม็งราย ได้สมรสกับนางสาวธาดา พัฒนถาบุตร ธิดาของแม่บัวจันทร์และนายดาบแดง พัฒนถาบุตร (2430-2523) คหบดีบ้านวัวลาย เชียงใหม่)[3]
- เจ้านางบัวสวรรค์ หรือชาวนครเชียงตุงเรียกขานกันว่าเจ้านางเศรษฐี เนื่องจากภายหลังจากที่เจ้าแม่คือ เจ้าแม่นางฟองสิ้นชีพ เจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับไปอุปการะ เจ้านางบัวสวรรค์ได้อยู่ปฏิบัติดูแลเจ้านางสุวรรณาซึ่งเป็นเจ้าย่า จนกระทั่งเจ้านางสุวรรณาสิ้นชีพลง เจ้านางบัวสวรรค์จึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดของเจ้าย่า รวมทั้งได้ครอบครองหอใหม่ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางสุวรรณาด้วย ชาวนครเชียงตุงจึงเรียกขานเจ้านางบัวสวรรค์ว่าเจ้านางเศรษฐี
- เจ้านางฟองแก้ว ภายหลังแม่เจ้านางฟองซึ่งเป็นเจ้าแม่สิ้นชีพลง เจ้านางขันคำซึ่งเป็นขนิษฐาต่างพระมารดาของเจ้าฟ้ารัตนะก้อนแก้วอินแถลงได้รับเจ้านางฟองแก้วไปอุปการะ เจ้านางฟองแก้วได้ปฏิบัติดูแลเจ้านางขันคำผู้เป็นเจ้าอามาจนตลอดอายุ เจ้านางฟองแก้วจึงได้รับมรดกแก้วแหวนเงินทอง ตลอดจนได้ครอบครองหอเจียงจันทร์ ซึ่งเป็นตำหนักของเจ้านางขันคำต่อมา
- เจ้าหม่อมทิพย์ใหญ่ เป็นธิดาของพญาปราสาท ขุนนางนครเชียงตุง มีราชโอรส-ธิดา 5 พระองค์ ได้แก่
- เจ้านางแว่นแก้ว (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองล็อกจ๊อก ภายหลังทรงกระทำอัตวินิบาตกรรมโดยใช้ปืนยิงองค์เองสิ้นชีพ)
- เจ้านางสุคันธา (เสกสมรสกับเจ้าอินทนนท์ ณ เชียงใหม่ ราชบุตรของพลตรีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9)
- เจ้านางแว่นทิพย์ (เป็นมหาเทวีเจ้าฟ้าหลวงเมืองแสนหวี แต่ภายหลังหย่าร้าง และกลับมาพำนักที่นครเชียงตุง)
- เจ้าฟ้าสิงห์ไชย
- เจ้าฟ้าแก้วมาเมือง
- เจ้าหม่อมแดง มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ ได้แก่
- เจ้าฟ้าสายเมือง
- เจ้านางจันทร์ฟอง (สมรสกับข้าราชการป่าไม้ชาวไทย)
- เจ้าหม่อมบุญยวง มีราชโอรส-ธิดา 2 องค์ ได้แก่
- เจ้านางฟองนวล
- เจ้าฟ้าบุญวาทย์วงศา (ท่านผู้นี้มีบทบาทในการต้อนรับกองทัพไทยที่บุกเข้าเชียงตุงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพพายัพของไทย ซึ่งนำโดยหลวงเสรีเริงฤทธิ์ ได้ใช้คุ้มของท่านผู้นี้เป็นกองบัญชาการ)
- เจ้าหม่อมทิพย์เล็ก มีราชโอรส-ธิดา 2 พระองค์ได้แก่
- เจ้านางบัวน้อย
- เจ้าฟ้ายอดเมือง
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 สมโชติ อ๋องสกุล (22 กุมภาพันธ์ 2560). "เจ้านางสุคันธา ณ เชียงใหม่ สายใยรักสองราชสำนัก เชียงใหม่-เชียงตุง". ศิลปวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 13 ตุลาคม 2561.
{{cite web}}
: ตรวจสอบค่าวันที่ใน:|accessdate=
(help) - ↑ ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง. เจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง. ม.ป.ท. : ม.ป.พ., 2532. 204 หน้า. หน้า ๑๑๙-๑๒๐. [อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเจ้าทิพวรรณ ณ เชียงตุง ๒๗ มกราคม ๒๕๓๓]
- ↑ ชีวิตเจ้าฟ้า อนุสรณ์งานประชุมเพลิงเจ้าฟ้าขุนศึก เม็งราย ๔ มีนาคม ๒๕๓๘
ก่อนหน้า | เจ้าฟ้าก้อนแก้วอินแถลง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
เจ้าฟ้าก๋องคำฟู | เจ้าหอคำเชียงตุง (พ.ศ. 2439 - 2478) |
เจ้าฟ้ากองไท |