อาวล์ซิตี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อาวล์ซิตี
อาวล์ซิตี ปี 2009
ข้อมูลพื้นฐาน
ที่เกิดโอวาทอนนา รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา
แนวเพลงอีเลกโทรนิกา, ซินธ์ป็อป, อินดีโทรนิกา, ป็อป
เครื่องดนตรีเสียงร้อง, โปรแกรมมิง, คีย์บอร์ด, กีตาร์, กีตาร์เบส, แบนโจ, ไวบราโฟน, หีบเพลงชัก, กลอง, เพอร์คัชชัน, โปรทูลส์
ช่วงปี2007-ปัจจุบัน
ค่ายเพลงยูนิเวอร์แซลรีพับบลิกเรคคอร์ดส, รีพับบลิกเรคคอร์ดส
สมาชิกอดัม ยัง
เว็บไซต์owlcitymusic.com

อาวล์ซิตี (อังกฤษ: Owl City) เป็นโครงการดนตรีแนวอีเลกโทรนิกา สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2007 ของอดัม ยัง โดยได้เริ่มทำงานดนตรีในห้องใต้ดินของพ่อแม่เขาในโอวาทอนนา รัฐมินนิโซตา ต่อมาได้พัฒนาและเผยแพร่ทางเว็บไซต์มายสเปซ ก่อนที่เขาจะได้เซ็นสัญญากับค่าย ยูนิเวอร์แซลรีพับบลิกเรคคอร์ดส ในปี 2008 (ปัจจุบันคือ รีพับบลิกเรคคอร์ดส)

อิทธิพลดนตรีของยัง ได้รับอิทธิพลจากดนตรีดิสโก้และดนตรีอีเลกโทรนิกฝั่งยุโรป หลังจากเขามีอัลบั้มอิสระ 2 ชุดก็ก้าวสู่กระแสหลักในปี 2009 จากผลงานเปิดตัวกับค่ายใหญ่ที่ชื่อชุด โอเชียนอายส์ ได้รับพิจารณาคุณภาพในระดับแพทตินัมในสหรัฐอเมริกาเมื่อเมษายน 2010[1] โดยมีซิงเกิลอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100[2] และยูเคซิงเกิ้ลส์ชาร์ต ที่ชื่อ "Fireflies"

เมื่อมิถุนายน 2011, อาวล์ซิตี ก็ได้วางจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มที่สามชื่อ ออลธิงไบร์ทแอนบิวตีฟูล (อังกฤษ: All Things Bright and Beautiful) และสตูดิโออัลบั้มที่สี่ชื่อ เดอะมิดซัมเมอร์สเตชัน (อังกฤษ: The Midsummer Station) เมื่อสิงหาคม 2012[3] นอกจากนี้ก็ยังมีเพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชันต่างๆ ได้แก่ มหาตำนานวีรบุรุษองครักษ์: นกฮูกผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล, ราล์ฟ วายร้ายหัวใจฮีโร่, เดอะ ครู้ดส์, เวกกีเทลส์, และ เสมิร์ฟ 2[4]

ประวัติ[แก้]

ยุคเริ่มแรก : Of June และ Maybe I'm Dreaming (ค.ศ. 2007–2009)[แก้]

ในขณะที่อดัม ยัง นอนไม่หลับในช่วงที่ทำงานบรรทุกสินค้าให้กับโคคา-โคล่า ในเมืองเกิด Owatonna , Minnesota ได้เริ่มแต่งเพลงและอัดด้วยไมโครโฟน C-1 Behringer โปรแกรมดนตรีแรกๆที่เขาใช้คือ Reason จากบริษัท Propellerhead เขาเริ่มอัปโหลดไฟล์เพลงลงในเว็บไซต์ มายสเปซ และเริ่มที่เป็นได้รับความสนใจ และเขามักจะใส่ใจต่อแฟนคลับด้วยความเป็นกันเองและเข้าถึงง่าย และเขามักจะใส่ใจ่ทุกข้อความที่เขียนมาของแฟนคลับ และความที่เขามักเขียนบล็อกอยู่เรื่อยๆ ต่อมาเขาเริ่มบรรจุดนตรีของต่อมาเขาเริ่มบรรจุเพลงเข้าในไอทูนส์ ผ่านบริษัทออนไลน์นามว่า CD Baby และในปีค.ศ. 2007 อาวล์ซิตี้ได้วางจำหน่ายอีพี Of June และต่อด้วยการวางจำหน่ายสตูดิโออัลบั้มลำดับแรก Maybe I'm Dreaming

Ocean Eyes (ค.ศ. 2009–2010)[แก้]

สตูดิโออัลบั้มลำดับที่สอง 'Ocean Eyes, วางจำหน่ายลงใน ไอทูนส์ เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2009, เปิดตัวอัลบั้มอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 โดยอัลบั้มนี้ถูกติดชาร์จใน บิลบอร์ด 200 เป็นลำดับที่ 7 อาวล์ซิตีปล่อยเพลงซิงเกิ้ลออกมา 3 เพลงจากอัลบั้มนี้ : Umbrella Beach ,Vanilla Twilight และ Fireflies [5]

เพลง "Fireflies" ติดท็อปชาร์จจากสหรัฐอเมริกาและแคนาดา อัลบั้ม Ocean Eyes ติดท็อปสิบอันดับจากชาร์จอเมริกาชาร์จอัลบั้ม , ติดท็อปอเมริกาอิเล็กทรอนิกส์ชาร์จ, และติดท็อปสิบเป็นอัลบั้มที่มีคนโหลดมากที่สุดในเว็ป แอมะซอน.คอม ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2010, ได้รับรองว่าเป็นอัลบั้มที่ดีจากสหรัฐอเมริกา. ในวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 2010, อาว์ลซิตีขึ้นแท่นอันดับ 1 ในชาร์จท็อป 40 ซิงเกิ้ลของอังกฤษ "Fireflies". และ "Tidal Wave" มักจะนิยมออกอากาศอย่างมีนัยสำคัญทางผ่านวิทยุคริสเตียน.[6] On ในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2011, ถูกเปิดเผยว่าเพลง Fireflies เป็นเพลงที่ดาวโหลดมากที่สุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 21 ในสหราชอาณาจักร[7]

Adam Young ก็ได้เชิญ Breanne Düren ซึ่งได้ส่งเทปเพลงไว้หลายครั้ง ; ผลงานโดดเด่นชัดคือ "The Saltwater Room". วงอาวล์ซิตีประกอบด้วย Breanne Duren (ร้องประสาน / คียบอร์ด) Casey Brown (ดกลอง), Laura Musten (ไวโอลิน), Hannah Schroeder (ไวโอลินใหญ่), และ Daniel Jorgensen (สั่น)[8] Relient K ร้องนำ Matt Thiessen ได้ทัวคอนเสิร์ตในหลายแห่งและร่วมมือกับทางวง, รวมทั้ง "Firefiles" ที่แมตต์จะได้ยินเสียงร้องในการสำรองข้อมูล Adam ยังช่วยแต่งเพลงให้กับวง Relient K นั้นคือเพลง Terminals

Fireflies ถูกวางจำหน่ายในรูปแบบฟรีดาวโหลดในวิดิโอเกมส์ Tap Tap Revenge 3 โดยค่ายบริษัท Tapulous , ซึ่งได้มีมาก่อน โดยในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2009 ได้ปล่อยเพลง Ocean Eyes และซิงเกิ้ลเพลง Fireflies ผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยสตีฟ ฮูวเวอร์ (อังกฤษ : Steve Hoover) ได้รับเป็นผู้ว่าจ้างอำนวยการเพลง Fireflies โดยในตัววิดิโอได้มีรอบปฐมพิเศษผ่านทาง มายสเปซ , แต่มีการรั่วไหลผ่านทางYoutube และ DailyMotion ชั่วโมงก่อนหน้านี้ "Fireflies กลายเป็นการดังอย่างเงียบๆในชั่วข้ามคืน , โดยติดท็อปบิลบอร์ดฮอต 100ในสหรัฐอเมริกาโดยติดยาวนานจนสิ้นสุดเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 2009.[9]

อาว์ลซิติให้ความสำคัญกับ Soundtrack 90210 กับเพลงที่มีชื่อว่า Sunburn ซึ่งถูกจัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2009 [10] อาวล์ซิติไปทัวน์คอนเสริ์ตกับวง The Scene Aesthetic, Lights, จอห์น เมเยอร์, มารูนไฟฟ์ และ Brooke Waggoner โดยเขายังเป็นแขกพิเศษโดยเขาได้แต่งเพลงให้กับหนังอลิซท่องแดนมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับของ ทิม บาร์ตัน นั้นก็คือ The Technicolor Phase ซึ่งค่อนข้างจะได้รับความสำคัญอยู่แล้วในการเปิดตัวอัลบั้ม [11]

ในปี ค.ศ. 2010 , อดัม ยังเผยโครงการใหม่มีชื่อว่า Sky Salling , ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์คและแนวเพลงของเขา และการแนะนำกีต้าร์และเปียโนในการทำงานของเขา , เทปเพลงที่ยังแต่งไม่เสร็จสมบูรณ์ ถูกอัดลงยังไปในช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2006 ก่อนที่เขาจะขนานนามกลายเป็นอาวล์ซิตี .[12]

อัลบั้มแรกของเขาภายใต้โครงการใหม่นั้นได้ชื่อแล้วว่า An Airplane Carried Me to Bed และได้จัดจำหน่ายเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 ผ่านทาง ไอทูนส์

ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2010 อดัม ร่วมมือกับ Nick Bracegirdl ซึ่งเป็นผู้แต่งเพลงแนวอังกฤษอิเล็คโทรนิค, เป็นนักแต่งเพลง , นักดนตรี , ผู้ประกอบการ ภายใต้นามแฝงของเขา Chicane Nick Bracegirdl ปล่อยซิงเกิ้ล "Middledistancerunner" เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 2010 (ร้องคู่กับ อดัม ยัง) นี่เป็นอัลบั้มสตูดิโอที่ 4 ของ Chicane ซึ่งมีชื่อว่า Giants และนอกจากนี้เขายังทำงานร่วมกับผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงของชาวดัตซ์ Armin van Buuren, ซึ่งได้ปล่อยเพลง 'Youtopia' ซึ่งอยู่ในอัลบั้ม Mirage และเป็นผลงานของ van Buuren album Mirage ในเดือนกันยายน, ได้มีการปล่อย "To the Sky" ถูกปล่อยอย่างเป็นทางการทางผ่านไอทูนส์ และเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์แอนิเมชัน Legend of the Guardians: The Owls of Ga'hoole (ชื่อไทย : มหาตำนานวีรบุรุษองครักษ์ นกฮูกผู้พิทักษ์แห่งกาฮูล)

ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 2010 อดัม ยัง ได้ปล่อยเพลงในเวอร์ชัน โคลเวอร์ออกมาในรูปแบบ praise and worship (สรรเสริญและนมัสการ) จากบทเพลง In Christ Alone โดยเป็นรูปแบบ MP3 บนเว็บไซต์ของเขา[13]

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2010, อัลบั้มใหม่มีชื่อว่า Flight ถูกจัดจำหน่ายทางผ่านไอทูนส์ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการเพลงของเขา , นั้นคือ Windsor Airlift.[14] มีบทเพลงคริสมาสตร์ชื่อว่า "Peppermint Winter" ถูกวางจัดจำหน่ายในเดือนเดียวกันนี้

ผลงาน[แก้]

สตูดิโออัลบั้ม
เอกซ์เทนเดดเพลย์

อ้างอิง[แก้]

  1. "Multi-Platinum International Sensation Owl City Pens Theme Song to Zack Snyder's Animation Debut Legend of the Guardians: The Owls of Ga'Hoole". Jesus freak Hideout. Stunt Company. August 24, 2010. สืบค้นเมื่อ May 28, 2011.
  2. Pietroluongo, Sylvio (2009-10-29). "Owl City's "Fireflies" Lands at No. 1 on Hot 100". Billboard.com. สืบค้นเมื่อ 2009-10-29.
  3. All Things Bright And Beautiful. "All Things Bright And Beautiful: Owl City: Music". Amazon.com. สืบค้นเมื่อ October 11, 2012.
  4. "Bio". Owl City. Republic Records. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-09-30. สืบค้นเมื่อ 20 June 2014.
  5. "Free Download Owl City's new track: "Hot Air Balloon"".
  6. Name (required) (October 23, 2009). "Owl City- Fireflies « Quality and Clean". Dorothyinidaho.wordpress.com. สืบค้นเมื่อ October 11, 2012.
  7. "TOP 100 DOWNLOADS OF ALL TIME". bbc.co.uk.
  8. "Owl City – Owl City Road Stories – VEVO – YouTube" (video). VEVO. June 28, 2010. End Credits contain citations needed
  9. Pietroluongo, Sylvio (October 29, 2009). "Owl City's "Fireflies" Lands at No. 1 on Hot 100". Billboard. สืบค้นเมื่อ October 29, 2009.
  10. "Sunburn". Amazon.com. สืบค้นเมื่อ January 6, 2010.
  11. "Almost Alice: Various Artists: Music". Amazon.com. สืบค้นเมื่อ May 28, 2010.
  12. Lipshutz, Jason (July 2, 2010). "Owl City's Adam Young Releases A New Old Project". Billboard. สืบค้นเมื่อ May 28, 2011.
  13. "My Hope Is Found". Owl City Blog. Owl City. October 25, 2010. สืบค้นเมื่อ April 20, 2014.
  14. "Windsor Airlift – Flight". iTunes.