หนง จื้อเกา
หนง จื้อเกา | |
---|---|
จักรพรรดิเหรินฮุ่ย (仁惠皇帝) | |
หัวหน้าเผ่าหนง (儂) | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1041[1] |
ก่อนหน้า | หนง เฉฺวียนฝู (儂全福) |
จักรพรรดิแห่งรัฐต้าหลี่ (大理國) | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1042[2] |
จักรพรรดิแห่งรัฐหนานเทียน (南天国) | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1048[2] |
จักรพรรดิแห่งรัฐต้าหนาน (大南国) | |
ครองราชย์ | ค.ศ. 1052–1055[2] |
เกิด | ค.ศ. 1025 กวั่ง-ยฺเหวียน (廣源) |
ตาย | ไม่ทราบ |
บุตร | หนง จื้อเฟิง (儂繼封) หนง จื้อหมิง (儂繼明) |
บิดา | หนง เฉฺวียนฝู |
มารดา | อาหนง (阿儂) |
ศาสนา | ลัทธิหมอผี, วิญญาณนิยม |
หนง จื้อเกา (จีน: 儂智高; พินอิน: Nóng Zhìgāo; เวียดนาม: Nùng Trí Cao;[3] ค.ศ. 1025–1055?) เป็นบุคคลซึ่งชาวหนง (儂) ในเวียดนาม และชาวจฺวั้ง (壯) ในจีน ยกย่องเป็นวีรบุรุษ แต่ทั้งราชสำนักจีนและเวียดนามถือว่า เขาเป็นกบฏ
ประวัติ
[แก้]เอกสาร ซ่งฉื่อ (宋史) ของจีน ระบุว่า หนง จื้อเกา เป็นบุตรชายของหนง เฉฺวียนฝู (儂全福) หัวหน้าเผ่าชาวจฺวั้งกลุ่มที่อยู่ในเวียดนาม กับอาหนง (阿儂) ธิดาของหัวหน้าเผ่าเผ่าหนึ่ง เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้น ได้สืบตำแหน่งหัวหน้าเผ่าชาวจฺวั้งต่อจากบิดา
ครั้น ค.ศ. 1042 เขาอายุได้ 17 ปี เขาก่อตั้งราชอาณาจักรของตน เรียกว่า รัฐต้าหลี่ (大理國)[4] ราชสำนักเวียดนามจึงออกติดตามจับกุมเขา เขาถูกคุมตัวไว้ที่ ทังล็อง(Thăng Long) หลายปี[4]
เขาได้รับการปล่อยตัวใน ค.ศ. 1048 จากนั้น ประกาศจัดตั้งอาณาจักรแห่งใหม่ เรียกว่า รัฐหนานเทียน (南天国)[4] ราชสำนักเวียดนามจึงออกปราบปรามเขาอีกครั้ง ทำให้เขาและพรรคพวกต้องหลบหนีเข้าสู่แผ่นดินจีนภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง (宋朝)[4]
ใน ค.ศ. 1052 เขาประกาศจัดตั้งอาณาจักรแห่งใหม่อีกครั้ง เรียกว่า รัฐต้าหนาน (大南国) ตั้งตนเป็นจักรพรรดิ เรียกว่า จักรพรรดิเหรินฮุ่ย (仁惠皇帝)[2] เขายึดหนานหนิง (南宁) ได้ จึงนำทัพมุ่งลงใต้ผ่านกวั่งตง (广东) ลงไปล้อมกวั่งโจว (广州) ได้ 57 วัน[5] เมื่อเลิกล้อมกวั่งโจวแล้ว เขาขึ้นเหนือไปรบกับกองทัพราชวงศ์ซ่ง และมีชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เพราะกำลังพลของเขาเคลื่อนไหวได้ง่ายกว่าทัพซ่ง[6] จากนั้น เขามุ่งยึดดินแดนทางใต้และตะวันตก ยึดหนานหนิงได้อีกครั้งในเดือน 10 ค.ศ. 1052[6]
จักรพรรดิซ่งเหรินจง (宋仁宗) ส่งขุนพลตี๋ ชิง (狄青) มาปราบปรามเขา ซึ่งตี๋ ชิง ทำสำเร็จ[6] เขาพามารดาและผู้คนหนีไปถึงดินแดนซึ่งปัจจุบัน คือ ยฺหวินหนาน (云南), ไทย, และลาว แล้วพยายามจะเรียกระดมพลที่นั่น แต่ถูกจับกุมพร้อมมารดาเสียก่อน มารดาของเขาถูกประหารชีวิตใน ค.ศ. 1055 เชื่อว่า เขาน่าจะถูกประหารด้วย[7]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Anderson 2012, p. 88.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Anderson 2012, pp. 7–8.
- ↑ K. W. Taylor (9 May 2013). A History of the Vietnamese. Cambridge University Press. pp. 70–. ISBN 978-0-521-87586-8.
- ↑ 4.0 4.1 4.2 4.3 Anderson 2012, p. 7.
- ↑ Baker & Phongpaichit 2017, p. 26.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 Barlow 2005a.
- ↑ Chappell, Hilary (2001). Sinitic grammar: Synchronic and Diachronic. Oxford University Press. p. 397. ISBN 0-19-829977-X.
บรรณานุกรม
[แก้]- Anderson, James A. (2012) [2007], The Rebel Den of Nung Tri Cao: loyalty and identity along the Sino-Vietnamese frontier, University of Washington Press, ISBN 978-0-295-80077-6.
- Baker, Chris; Phongpaichit, Pasuk (2017), A History of Ayutthaya, Cambridge University Press, ISBN 978-1-107-19076-4.
- Barlow, Jeffrey (2005a), "The Tang-Song Interregnum", The Zhuang: A Longitudinal Study of Their History and Their Culture, Pacific University, คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-02-08, สืบค้นเมื่อ 2007-02-06.
{{citation}}
: CS1 maint: bot: original URL status unknown (ลิงก์)