สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์
สถิติ
ฉายาแข้งซ้ายทะลายโลก
รุ่น
ส่วนสูง1.72 เมตร (5 ฟุต 7 12 นิ้ว)
เกิด11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2517 (49 ปี)
อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
รูปแบบการชกมวยเตะ
สถิติขึ้นชก
ชกทั้งหมด71
ชนะ41
ชนะน็อก2
แพ้24
เสมอ5
ไม่มีการตัดสิน1
ผู้จัดการวิรัตน์ ไพรอนันต์
ค่ายมวยไพรอนันต์/ลูกบางปลาสร้อย
เทรนเนอร์วิชิต ไพรอนันต์

สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์ (อังกฤษ: Singdam Or.Ukrit, เกิด 11 พฤศจิกายน 2517) เป็นอดีตนักมวยไทยชื่อดังจากจังหวัดระยอง เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในรุ่นแบนตัมเวท (118 ปอนด์) ในยุคทองของมวยไทย เพราะเขามีสไตล์การเตะที่ดุดัน ความสามารถในการเตะของเขาส่งผลให้เขาได้รับฉายาว่า "แข้งซ้ายทะลายโลก" จากสื่อมวลชนในช่วงที่เขายังรุ่งโรจน์

ประวัติและอาชีพ[แก้]

ชีวิตวัยเด็กและการเริ่มต้นอาชีพ[แก้]

สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์ มีชื่อจริงว่า สมบูรณ์ ยังทรัพย์ยอด ชื่อเล่น หนุ่ม เกิดที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นลูกคนที่ 6 ในบรรดาพี่น้อง 8 คน เขาเริ่มฝึกมวยไทยเมื่ออายุ 9 ขวบกับครูชาญ ฟุ้งเฟื่อง ครูประจำโรงเรียนซึ่งเป็นอดีตนักมวยไทยที่ค่ายเลือดตะวันออก เขาชกประมาณ 20 ครั้งในละแวกบ้านของเขาในชื่อ สมิงหนุ่ม เลือดตะวันออก ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น สิงห์หนุ่ม ศิษย์อาดัม จนเป็นที่รู้จักในพื้นที่ ความสำเร็จของเขาได้รับความสนใจจากวิชิต ไพรอนันต์หรือวิชิต ลูกบางปลาสร้อย อดีตยอดมวยในช่วงทศวรรษที่ 2510 ถึง 2520 ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนมวยไทยที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกในขณะนั้น วิชิตพาเขาไปฝึกที่ค่ายไพรอนันต์/ลูกบางปลาสร้อย ซึ่งมีอุกฤษณ์ ตันสวัสดิ์ เป็นเจ้าของร่วม[1] โดยมีเป้าหมายที่จะฝึกฝนความสามารถของเขาให้กลายเป็นยอดมวย ภายใต้ชื่อใหม่ “สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์” เขาเปิดตัวที่กรุงเทพฯ ด้วยการเอาชนะน็อกหยกไทย ศิษย์ อ.[2] ต่อมาเขาได้เปลี่ยนชื่อจริงเป็นจงสมบูรณ์ ยังทรัพย์ยอด[3]

ในเวลาต่อมา สิงห์ดำ ได้เริ่มชกที่สนามมวยลุมพินี และชนะ 17 ไฟต์ติดต่อกัน รวมถึงเอาชนะนักชกหน้าใหม่อย่าง “จอมถีบหน้า” โรจน์ณรงค์ ดาวแปดริ้ว และตะคร้อเล็ก เดชรัตน์

ช่วงรุ่งโรจน์[แก้]

ในปี 2535 สิงห์ดำถูกจับคู่เจอกับ 1 ในนักชกฝีมือดีที่สุดแห่งยุคทองของมวยไทย แสนไกร ศิษย์ครูอ๊อด โดยเสมอกันและเอาชนะได้ในการรีแมตช์ ในปีเดียวกันนั้นเขายังเอาชนะ "พรานศอก 100 เข็ม" ยอดขุนพล ศิษย์ไตรภูมิ และดวงสมพงษ์ ป.พงษ์สว่าง 2 นักชกที่ขึ้นชื่อในด้านความทนทานและการโจมตีที่ทรงพลัง

สิงห์ดำชกกับยอดมวยในน้ำหนักไม่เกิน 120 ปอนด์ ด้วยลูกเตะซ้ายที่ทรงพลัง รวดเร็ว ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า "แข้งซ้ายทะลายโลก" จากสื่อมวลชน วีระพล สหพรหม, แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์, ศิลปไทย จ๊อกกี้ยิม และโดยเฉพาะ "ยอดมวย 2 พ.ศ." แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต ต่างก็แพ้ให้กับเขาภายในปีเดียว ในการชกกับแก่นศักดิ์ เมื่อวันอังคารที่ 13 กรกฎาคม 2536 ในศึกดาวรุ่งทีวีสี 7 ของสหสมภพ ศรีสมวงศ์ ยกที่ 2 เขาถูกหมัดฮุกขวาของแก่นศักดิ์ล้มลง จากนั้นไม่ถึง 20 วินาทีต่อมา เขาก็ต่อยแก่นศักดิ์ล้มลงด้วยฮุกซ้ายตามด้วยฮุกขวา แม้ว่าแก่นศักดิ์จะทำผลงานได้ดีตลอดยกที่เหลือ แต่สิงห์ดำก็ทำคะแนนแซงนักมวยรุ่นพี่ได้ด้วยการเตะซ้าย รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ ตอบโต้สไตล์มวยฝีมืออันดุเดือดของแก่นศักดิ์[4] สิงห์ดำเป็นฝ่ายชนะ และไฟต์นี้ได้รับรางวัล Fight of the Year ประจำปี 2536 ชัยชนะเหนือแก่นศักดิ์เป็นไฟต์ที่เขาภาคภูมิใจที่สุด นอกจากนี้ สิงห์ดำยังได้เงินค่าตัว 250,000 บาท ซึ่งเป็นค่าตัวสูงสุดในอาชีพของเขา[2] เมื่อเทียบกันแล้ว ยอดมวยคนอื่น ๆ มีค่าตัวอยู่ที่ 100,000 บาท[5] และเป็นเรื่องยากที่นักมวย 1 คนจะได้ค่าตัว 200,000 บาทหรือมากกว่านั้น[6]

ตั้งแต่ปี 2534 ถึง 2539 สิงห์ดำถือเป็นนักมวยรุ่นแบนตัมเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ก็ตาม สิงห์ดำมีชื่อเสียงจากการชกกับแสนไกร ศิษย์ครูอ๊อดและ "ศอกขวาน" อนันตศักดิ์ พันธุ์ยุทธภูมิ สิงห์ดำชกเพื่อชิงแชมป์รุ่นแบนตัมเวทของสนามมวยลุมพินีสองครั้งกับแสนไกรแต่พลาดทั้งสองครั้ง วันที่ 30 กันยายน 2537 ในศึกเพชรยินดี สิงห์ดำมั่นใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะในการชกกับดาราเอก ศิษย์รุ่งทรัพย์ ที่สนามมวยลุมพินี แต่กรรมการกลับชูมือของดาราเอกเป็นผู้ชนะ เซียนมวยบนอัฒจันทร์ไม่พอใจและประท้วงคำตัดสินด้วยการปีนขึ้นไปบนรั้วเหล็ก ฝ่ายของสิงห์ดำก็ขึ้นไปบนเวที เจ้าหน้าที่สนามตัดสินใจประกาศว่าการชกคู่นี้ไม่มีการตัดสิน ก่อนจะมีการรีแมตช์ในศึกเพชรยินดีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2537 ซึ่งไฟต์นี้จบลงด้วยการที่ดาราเอกชนะคะแนน[7] สิงห์ดำยังคงเอาชนะยอดมวยต่อไป โดยเอาชนะเจ้าเวหา ลูกทัพฟ้า หลายครั้ง เช่นเดียวกับ มานพชัย สิงห์มนัสศักดิ์

แขวนนวมและชีวิตปัจจุบัน[แก้]

ในช่วงบั้นปลายอาชีพของเขา สิงห์ดำต้องขยับน้ำหนักขึ้นไปเป็นรุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท (122 ปอนด์) จากนั้นในที่สุดก็เป็นรุ่นเฟเธอร์เวท (126 ปอนด์) และผลงานของเขาในฐานะนักมวยไทยก็เริ่มแย่ลง สิงห์ดำถือเป็นยอดมวยผู้โชคร้าย เพราะทุกครั้งที่เขาชกเพื่อชิงแชมป์ก็จะพลาดท่าให้กับคู่ต่อสู้ หลังจากพ่ายแพ้ให้กับนักมวยรองอย่าง อนันตชัย มนต์สงคราม ที่สนามมวยราชดำเนิน เมื่อปี 2546 เขาตัดสินใจแขวนนวมเมื่ออายุเพียง 29 ปีเท่านั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาเริ่มไม่สนใจการลดน้ำหนัก ชัยชนะของสิงห์ดำต่อแก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต และ "พยัคฆ์หน้าขรึม" วีระพล สหพรหม ถือเป็นไฟต์ที่ดีที่สุดของเขา เขาเคยถูกจับคู่ให้เจอกับนักมวยเตะจอมพลังอีกคนคือ เผด็จศึก เกียรติสำราญ เจ้าของฉายา แข้งซ้ายไฟพะเนียง แต่พวกเขาไม่ได้ชกกัน[3] หลายปีต่อมาเขาได้ให้สัมภาษณ์กับ สามารถ พยัคฆ์อรุณ และ ดีเซลน้อย ช.ธนะสุกาญจน์ ว่ามวยหมัดอย่าง ชาติชายน้อย ชาวไร่อ้อย เจ้าของฉายา มนุษย์หิน เป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้เขาเจ็บตัวมากที่สุดในชีวิตการชก[2]

หลังจากแขวนนวมแล้ว สิงห์ดำก็แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งจากจังหวัดชลบุรีปัจจุบันมีลูกสาว 2 คน เขาไปญี่ปุ่นเพื่อทำงานเป็นเทรนเนอร์มวยไทย ก่อนจะกลับมาเมืองไทยเป็นคนขับรถเทศบาล และเปิดแผงขายอาหารทะเลในตลาดรวมทั้งรับจ้างเป็นเทรนเนอร์มวยไทยในค่ายต่าง ๆ[8] ในปี 2565 เขาทำงานเป็นลูกจ้างและคนสวน[2]

อ้างอิง[แก้]

  1. Muay Thai - The Heritage of Thailand and the World (ภาษาอังกฤษ), Sityodtong Co. Ltd., 1997, สืบค้นเมื่อ 2024-01-01
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 Yongsubyot, Jongsomboon; Thiptamai, Samart; Sorndee, Thanakorn (September 16, 2002), "แข้งซ้ายทลายโลก" สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์ (ภาษาThai), สืบค้นเมื่อ 2023-12-22{{citation}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  3. 3.0 3.1 123 All-Time Greatest Muay Thai Fighters of Thailand (ภาษาThai). Yod Muay Muang Siam. 2014. p. 227.{{cite book}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  4. "แก่นศักดิ์ ส.เพลินจิต vs สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์" [Kaensak Sor.Ploenjit vs Singdam Or.Ukrit], Yod Muay Ek (ภาษาThai), Channel 7 (Thailand), 1993, สืบค้นเมื่อ 2023-12-19{{citation}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  5. Horn, Robert (July 14, 1997). "MARTIAL MADNESS KICKBOXING IN THAILAND IS A TRADITIONAL ART, BUT IN ITS EXPLOITATION OF CHILDREN, IT IS ALSO A DISTURBING ONE". Sports Illustrated Vault | SI.com (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2023-12-19.
  6. Rattanasuban, Songchai, "สำราญศักดิ์ เมืองสุรินทร์ VS โคบาล ลูกเจ้าแม่ไทรทอง" [Samransak Muangsurin VS Coban Lookchaomaesaitong], สุดยอดมวยไทย วันทรงชัย [The Best of Onesongchai Promotion] (ภาษาThai), vol. 14, สืบค้นเมื่อ 2023-12-19{{citation}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  7. "สิงห์ดำ อ.อุกฤษณ์ vs ดาราเอก ศิษย์รุ่งทรัพย์" [Singdam Or.Ukrit vs Dara-Ek Sitkrungsap], Yod Muay Ek (ภาษาThai), Channel 7 (Thailand), 1994, สืบค้นเมื่อ 2023-12-22{{citation}}: CS1 maint: unrecognized language (ลิงก์)
  8. Trefeu, Serge (2019-04-08). "ONCE UPON A TIME, MUAY THAI'S GREATEST CHAMPIONS! CHAPTER IV (YEAR 90)". SIAM FIGHT MAG (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 2023-12-22.