ข้ามไปเนื้อหา

สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น
ก่อตั้ง25 พฤษภาคม ค.ศ. 1947
สถานที่ตึกเอสเค ชั้น 8 130 ยามาบูกิ เขตชินจูกุ กรุงโตเกียว 162-0801 ประเทศญี่ปุ่น
บุคคลสำคัญฟูจิซาบูโระ อิชิโนะ (ประธาน)
พื้นที่ให้บริการประเทศญี่ปุ่น
พันธกิจเพื่อสร้างความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมเต็มรูปแบบ และความเท่าเทียมกันของคนหูหนวกในสังคมญี่ปุ่น
เว็บไซต์http://www.jfd.or.jp/en/index.html

สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น (ญี่ปุ่น: 全日本ろうあ連盟; อังกฤษ: Japanese Federation of the Deaf; อักษรย่อ: JFD) เป็นองค์กรแห่งชาติของคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่น[1] ทั้งยังเป็นองค์กรสมาชิกของสหพันธ์คนหูหนวกโลก[2]

สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นผู้ให้การสนับสนุนวัฒนธรรมคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่น และการทำงานในการแก้ไขกฎหมายที่ป้องกันไม่ให้คนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่นได้เข้าร่วมในวิชาชีพและกิจกรรมต่าง ๆ[3] นอกจากนี้ สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ช่วยสำหรับการรวบรวมภาษามือญี่ปุ่นเข้าสู่ระบบการศึกษาสำหรับคนหูหนวก และสนับสนุนการลงชื่อเข้าใช้ระบบล่ามภาษามือ

สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น เป็นองค์กรระดับชาติที่เป็นอิสระทางการเมือง ซึ่งมีทรัพยากรทางการเงินที่จำกัด สมาคมใน 47 จังหวัดต่างได้รับการจัดที่มีการจำกัดจากการดำเนินการทางการเมือง แต่มีความสามารถในการเข้าถึงเงินทุนของรัฐบาลซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง[4]

นอกจากนี้ สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น ยังมีอิทธิพลต่อรัฐบาลในการออกกฎหมายสำหรับสวัสดิการของคนหูหนวก และการดำเนินการเข้าสู่ระบบล่ามภาษามือ[5]

ประวัติ

[แก้]

สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้รับการก่อตั้ง ณ วันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 1947 และได้รับการจัดโดยสภาแห่งชาติเป็นครั้งแรกในนครเกียวโตเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1948 ซึ่งองค์กรนี้มีรากฐานจากสมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นในช่วงก่อนสงคราม ที่ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1915 โดยศิษย์เก่าของโรงเรียนโตเกียวเพื่อคนหูหนวก[6]

ในช่วงเปลี่ยนแปลง สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้จดทะเบียนอย่างเป็นทางการกับกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ ณ วันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1950[6]

ตลอดประวัติศาสตร์ของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้จัดประชุมและกิจกรรมมากมายสำหรับคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งการแข่งขันกีฬาและการสัมมนาทางกฎหมาย

ในปี ค.ศ. 1968 ได้มีการรณรงค์ที่จัดโดยสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อกดดันให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้คนหูหนวกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้รับใบขับขี่ ซึ่งสิทธิดังกล่าวได้รับการระงับเนื่องจากสถานะทางกฎหมายของคนหูหนวกจัดให้เป็น "บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ"[7]

ในปี ค.ศ. 1969 สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้เริ่มเผยแพร่ตำรา และสื่อการเรียนรู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษามือรวมถึงอาการหูหนวก ตลอดจนยังคงเผยแพร่จดหมายข่าวและหนังสือข้อความอัปเดตในปัจจุบัน นอกจากนี้ สหพันธ์คนหูหนวกได้เริ่มให้มีการสอบรับรองสำหรับล่ามภาษามือในปี ค.ศ. 1976 และช่วยก่อตั้งสถาบันฝึกอบรมภาษามือแห่งชาติในปี ค.ศ. 2002 โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความรู้แก่ล่ามภาษามือ[8]

อันเป็นผลมาจากการจัดประเภทคนหูหนวกเป็น "บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ" พวกเขาได้รับการพิจารณาว่า "ไร้ความสามารถเนื่องด้วยจิตหรือความสามารถทางกายภาพลดลง และลักษณะวิสัยที่ไร้ประโยชน์"[9] นอกจากนี้ พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำนิติกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน และไม่สามารถสมัครขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย รวมทั้งไม่สามารถสืบทอดธุรกิจของครอบครัว สถานะเหล่านี้จึงถูกท้าทายโดยสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น และในปี ค.ศ. 1979 องค์กรก็ประสบความสำเร็จในการมีมาตรา 11 จากการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้คนหูหนวกมีส่วนร่วมในฐานะบุคคลผู้สามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มที่ในทางกฎหมาย[10]

ในปี ค.ศ. 2006 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้เริ่มกระบวนการของการแก้ไขกฎหมายญี่ปุ่นเกี่ยวกับการออกใบขับขี่ให้กับผู้ที่มีอาการหูหนวก[11]

ม้าน้ำ ตราสัญลักษณ์และตัวนำโชค

[แก้]
ตราสัญลักษณ์ม้าน้ำของประชาคมคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่น

ม้าน้ำเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับการยอมรับของประชาคมคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่น[12] โดยตามตำนานของญี่ปุ่น มังกรนั้นไม่มีหูและหูหนวก หูของมังกรตกลงไปในมหาสมุทร ซึ่งหูเหล่านั้นกลายเป็นม้าน้ำ อดีต"หูมังกร"เหล่านี้ จึงได้รับการนำเสนอกราฟิกเป็นม้าน้ำในฐานะตราสัญลักษณ์และตัวนำโชคของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น[13] และกราฟิกเครื่องหมายนี้ยังพบในตราสัญลักษณ์อื่น ๆ ของประชาคมคนหูหนวก ตัวอย่างเช่น ภาพกราฟิกม้าน้ำของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้รับการจดทะเบียนเป็นตราสัญลักษณ์ขององค์กรคนหูหนวกอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นภายหลัง ดังเช่น สหพันธ์คนหูหนวกแห่งกรุงโตเกียว[14] และสมาคมเทเบิลเทนนิสคนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น[15]

เครือข่ายความสัมพันธ์

[แก้]

ทางสหพันธ์มีสมาคมที่เป็นสมาชิกในทุก 47 จังหวัดของญี่ปุ่น ซึ่งมีการประสานงานในระดับชาติโดยสภานิติบัญญัติและคณะกรรมการของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับสมาคมวิจัยเพื่อล่ามภาษามือแห่งชาติ, สมาคมล่ามภาษามือแห่งประเทศญี่ปุ่น (JASI) และศูนย์การศึกษาภาษามือแห่งชาติ[8]

ทั้งนี้ สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นมีสำนักงานทั้งในโตเกียวและเกียวโต

บริบทระหว่างประเทศ

[แก้]

ในฐานะที่เป็นสมาชิกของสหพันธ์คนหูหนวกโลก ซึ่งมีสถานะเป็นที่ปรึกษาแก่สหประชาชาติ ทางสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้ดำเนินงานสำหรับมุมมองของคนหูหนวกในประเทศญี่ปุ่นสู่ระดับนานาชาติ[16]

แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ

[แก้]

เครือข่ายความสัมพันธ์ของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นได้รับการท้าทายและเกิดความเข้มแข็งขึ้นจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิในโทโฮกุ ค.ศ. 2011[17] โดยทางสหพันธ์ได้เป็นหนึ่งในผู้จัดสิ่งของบรรเทาทุกข์สำหรับผู้รอดชีวิต[18]

ในช่วงวิกฤต รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้สหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นทำหน้าที่เป็นล่ามในการแถลงข่าวที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิ[19] โดยรายการโทรทัศน์ได้ออกอากาศการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง และหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรียูกิโอะ เอดาโนะ รวมถึงล่ามของสหพันธ์คนหูหนวกแห่งประเทศญี่ปุ่นพร้อมกัน โดยยืนอยู่ข้างธงชาติญี่ปุ่นบนพื้นเวทีเดียวกัน[20]

หมายเหตุ

[แก้]
  1. The literal translation of Zaidan hōjin zen-nihon rōa renmei is "Incorporated Foundation, Japanese Deaf-Mute Foundation"
  2. "World Federation of the Deaf member organizations". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-09-05. สืบค้นเมื่อ 7 September 2010.
  3. Nakamura, Karen. "Resistance and Co-optation: the Japanese Federation of the Deaf and its Relations with State Power," Social Science Japan Journal, Vol. 5, No. 1 (April 2002), pp 17-35.
  4. Nakamura, "Resistance ...," p. 18.
  5. Nakamura, "Resistance ...," p. 17 (abstract).
  6. 1 2 Nakamura, "Resistance ...," p. 20.
  7. Wilhelm Röhl (2005). History of law in Japan since 1868, Part 5, Volume 12. ISBN 978-90-04-13164-4. สืบค้นเมื่อ 6 September 2010.
  8. 1 2 Japanese Association of Sign Language Interpreters, Introduction เก็บถาวร 2010-11-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  9. Hiroshi Oda (1997). Basic Japanese laws. ISBN 978-0-19-825686-1. สืบค้นเมื่อ 6 September 2010.
  10. Nakamura, Deaf ..., p. 109.
  11. "Hearing-impaired may drive soon," เก็บถาวร 2006-04-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Japan Times. April 16, 2006.
  12. City of Yokohama, Health and Welfare Bureau: seahorse among disability icons
  13. Nakamura, Karen. (2006). Deaf in Japan: Signing and the Politics of Identity, p. 38.
  14. Tokyo Federation of the Deaf, logo เก็บถาวร 2010-10-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีนsee bottom of webpage, text excerpt: その中にあるタツノオトシゴは聴覚障害者を象徴 (translation: "Seahorses are a symbol ...."
  15. Japanese Deaf Table Tennis Association, logo เก็บถาวร 2011-07-13 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  16. "World federation of the Deaf's entry on the website of the United Nations". สืบค้นเมื่อ 9 September 2010.
  17. "JFD: Report meeting related to Deaf relief at headquarters," เก็บถาวร 2011-08-14 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Deaf News Japan. March 30, 2011, retrieved 2011-04-14; "Japanese Federation of the Deaf starts the earthquake rescue operation," เก็บถาวร 2016-03-04 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Deaf News Japan. March 20, 2011, retrieved 2011-04-14.
  18. "JFD: Report on the relief supply project," เก็บถาวร 2016-07-08 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Deaf News Japan. March 29, 2011, retrieved 2011-04-14
  19. "First interpreting at government press conference on disaster," เก็บถาวร 2011-04-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Deaf News Japan. March 20, 2011, retrieved 2011-04-14.
  20. "Japan Relief Headquarters for Persons with Disabilities Petition for Support and Accommodation Following Earthquake," เก็บถาวร 2011-04-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน United States International Council on Disabilities (USICD), March 17, 2011, retrieved 2011-04-14; "Japan's PM set to visit crippled nuclear plant," เก็บถาวร 2012-06-20 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน CTV (Canada). 1 April 2011; see photo, retrieved 2011-04-14.

อ้างอิง

[แก้]

หนังสืออ่านเพิ่ม

[แก้]
  • Japanese Federation of the Deaf. (1996). Renmei no Genzai (The Current State of the Federation). Tokyo:
  • __________. (1997). 50-nen no Ayumi Shoshite Mirai e (Our 50 Year History and Future). Tokyo:

แหล่งข้อมูลอื่น

[แก้]