ย็อนดึงฮเว

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ย็อนดึงฮเว เทศกาลโคมไฟในสาธารณรัฐเกาหลี *
  มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมโดยยูเนสโก
ประเทศ เกาหลีใต้
ภูมิภาค **เอเชียและแปซิฟิก
สาขาแนวปฏิบัติทางสังคม พิธีกรรม และงานเทศกาล, งานช่างฝีมือดั้งเดิม
เกณฑ์พิจารณาR.1, R.2, R.3, R.4, R.5
อ้างอิง00882
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน2563 (คณะกรรมการสมัยที่ 15)
รายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมและการสงวนรักษาที่ดี
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

ย็อนดึงฮเว (เกาหลี연등회; ฮันจา燃燈會; แปลว่า "เทศกาลโคมไฟดอกบัว") เป็นเทศกาลแห่โคมไฟของเกาหลีเพื่อเฉลิมฉลองการประสูติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า[1] ยูเนสโกขึ้นทะเบียน "ย็อนดึงฮเว" เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ในประเภทรายการตัวแทนมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ เมื่อ พ.ศ. 2563 และเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของประเทศเกาหลีใต้ตั้งแต่ พ.ศ. 2555[2] ย็อนดึงฮเวจะถูกจัดทั่วประเทศ แต่สถานที่จัดงานที่มีชื่อเสียงคือวัดโชกเยซาของนิกายโช-กเย ในเขตชงโน กรุงโซล

ประเทศเกาหลีใต้จะมีการเฉลิมฉลองวันประสูติของพระพุทธเจ้าด้วยคติมหายาน ที่นับว่าวันวิสาขบูชาเป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า คือวัน 8 ค่ำ เดือน 4 และวันนี้ไม่ตรงกันกับการตรัสรู้และปรินิพพานอย่างคติเถรวาทของไทย[3] ตามปฏิทินจันทรคติ เรียกว่า "พูชอนิมโอชินนัล" (부처님 오신 날, แปล "วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จมา") เรียกอีกอย่างว่า "ซ็อกกาทันชินอิล" (석가탄신일, แปล "วันประสูติพระศากยมุนี") หรือ "โชพาอิล" (초파일, แปล "วันที่แปดแรก [ของปฏิทินจันทรคติ]") ช่วงเวลานี้จะมีการประดับประดาโคมไฟรูปดอกบัวตามศาสนสถาน บ้านเรือน และตามท้องถนนตลอดทั้งเดือน[4] ในวันประสูติของพระพุทธเจ้า ทางวัดจะมีการจัดเตรียมอาหารและน้ำชาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่ทุกคนที่เข้าร่วมกิจกรรมทั้งเช้าและกลางวัน อาหารได้แก่ พีบิมบับและซันแช มีการประดับประดับโคมไฟรูปดอกบัวขนาดใหญ่ ถือเป็นประเพณีเก่าแก่มาตั้งแต่ยุครัฐชิลลาหรือเมื่อ 1,200 ปีก่อน[5] ผู้คนจากเกาหลีทุกศาสนาร่วมเฉลิมฉลองในวันดังกล่าว เพราะเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ดั้งเดิมของเกาหลี[4]

ส่วนประเทศเกาหลีเหนือ วันประสูติของพระพุทธเจ้าถือเป็นวันหยุดราชการ เรียกว่า "โชพาอิล"[6] จะหยุดราวสองสามวันก่อนงานประเพณี ถือเป็นธรรมเนียมที่มีมายาวนานก่อนการแยกดินแดนเหนือใต้[6] ปัจจุบันมีการจัดงานเฉลิมฉลองโดยพุทธศาสนิกชนภายในประเทศ[7]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Yeondeunghoe, lantern lighting festival in the Republic of Korea".{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  2. Herald, The Korea (2020-12-16). "South Korea's lotus lantern lighting festival inscribed as UNESCO world heritage". www.koreaherald.com (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-02-11.
  3. "พุทธเหมือนกัน ไฉนบางกรณีมี "วันวิสาขบูชา" คนละวันกัน-คนละความหมาย?". ศิลปวัฒนธรรม. 26 พฤษภาคม 2564. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2564. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. 4.0 4.1 Encyclopedia of Korean Seasonal Customs: Encyclopedia of Korean Folklore and Traditional Culture Vol. 1. 길잡이미디어. 2014. p. 150. ISBN 978-8992128926.
  5. "ยูเนสโกยก "เทศกาลโคมไฟดอกบัว" เกาหลีใต้เป็นมรดกโลกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม". ไทยรัฐออนไลน์. 13 ธันวาคม 2563. สืบค้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2564. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  6. 6.0 6.1 Understanding North Korea: Totalitarian dictatorship, Highly centralized economies, Grand Socialist Family. 길잡이미디어. 2015. p. 385.
  7. Encyclopedia of Korean Seasonal Customs: Encyclopedia of Korean Folklore and Traditional Culture Vol. 1. 길잡이미디어. 2014. p. 147. ISBN 978-8992128926.