ผลต่างระหว่างรุ่นของ "บ้านหวั่งหลี"

พิกัด: 13°44′04″N 100°30′27″E / 13.734309°N 100.507638°E / 13.734309; 100.507638
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 4: บรรทัด 4:


==ประวัติ==
==ประวัติ==
เดิมเป็นท่าเรือของ พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2393 โดยมีชื่อว่า "ฮวงจุ้งล้ง" (火船廊) เป็นท่าเรือกลไฟ สำหรัยเรือสินค้าจากประเทศต่าง ๆ เช่น [[มลายู]], [[สิงคโปร์]] ต่อมาขายให้แก่นายตันลิบบ๊วย แห่งตระกูลหวั่งหลี ในปี พ.ศ. 2462 จนกระทั่งภายหลังบริษัทหวั่งหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารดูแลบ้านหลังนี้ จึงได้ทำการบูรณะตัวบ้านใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันบ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว เพราะลูกหลานของตระกูลต่างแยกย้ายกันออกไปหาที่อยู่อาศัยข้างนอกกันหมด บ้านหลังนี้จึงเปิดใช้เฉพาะเพื่อประกอบพิธีสำคัญของตระกูลเท่านั้น ซึ่งมีเพียงปีละ 2-3 ครั้ง และได้รับรางวัล[[อาคารอนุรักษ์]]ดีเด่น จาก[[สมาคมสถาปนิกสยาม]] ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ [[พ.ศ. 2527]]<ref>{{cite book|editor-first=Pattaranan|editor-last=Takkanon|publisher=The Association of Siamese Architects under Royal Patronage |title=ASA Architectural Awards: Bangkok Walking Guide|year=2012|isbn=9786167384061|page=159}}</ref>
เดิมเป็นท่าเรือของ พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2393 โดยมีชื่อว่า "ฮวงจุ้งล้ง" (火船廊) เป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้า สำหรับรองรับเรือสินค้าจากหัวเมืองประเทศต่าง ๆ เช่น [[มลายู]], [[สิงคโปร์]], [[จีนแผ่นดินใหญ่]], [[ฮ่องกง]] ต่อมาขายให้แก่นายตันลิบบ๊วย แห่งตระกูลหวั่งหลี ในปี พ.ศ. 2462 จนกระทั่งภายหลังบริษัทหวั่งหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารดูแลบ้านหลังนี้ จึงได้ทำการบูรณะตัวบ้านใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันบ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว เนื่องจากทายาทของตระกูลต่างแยกย้ายกันออกไปหาที่อยู่อาศัยข้างนอกกันหมด บ้านหลังนี้จึงเปิดใช้เฉพาะเพื่อประกอบพิธีสำคัญของตระกูลเท่านั้น ซึ่งมีเพียงปีละ 2-3 ครั้ง และได้รับรางวัล[[อาคารอนุรักษ์]]ดีเด่น จาก[[สมาคมสถาปนิกสยาม]] ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ [[พ.ศ. 2527]]<ref>{{cite book|editor-first=Pattaranan|editor-last=Takkanon|publisher=The Association of Siamese Architects under Royal Patronage |title=ASA Architectural Awards: Bangkok Walking Guide|year=2012|isbn=9786167384061|page=159}}</ref>


ลักษณะอาคารสร้างด้วย[[สถาปัตยกรรมจีน]]แบบ [[ซานเหอหยวน]] (三合院) หันหน้าออกมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และมีลานโล่งกว้างบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้ถูกปรับให้เป็นสวนขนาดย่อมช่วยเพิ่มความสวยงามสบายตาจากเดิมที่เคยเป็นเพียงแค่ลานปูนเท่านั้น สิ่งก่อสร้างภายในประกอบด้วยอาคารสำคัญสามหลัง ตึกตรงกลางเป็นเรือนประธาน ซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าของ[[ม่าจ้อโป๋|หม่าโจ๊ว]] หรือเจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและการเดินเรือของจีน<ref>หน้า 13 ประชาชื่น, ''ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วไม่ใช่เจ้าแม่ทับทิม''. "เล้ง 1919 (LHONG 1919) ท่าเรือ ย้อนเวลาสู่ประวัติศาสตร์ไทย-จีน" โดย ธนะธัช ตังคะประเสริฐ: '''มติชน'''ปีที่ 40 ฉบับที่ 14495: วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560</ref> มีตึกแถวสองชั้น เพดานสูง หลังคาแบบจีนสร้างขนาบสองด้านตรงกลางระหว่างอาคารเป็นลานโล่ง ใช้ประกอบพิธีกรรมของตระกูลหวั่งหลี ในวันสำคัญตามประเพณีจีน
ลักษณะอาคารสร้างด้วย[[สถาปัตยกรรมจีน]]แบบ [[ซานเหอหยวน]] (三合院) หันหน้าออกมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และมีลานโล่งกว้างบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้ถูกปรับให้เป็นสวนขนาดย่อมช่วยเพิ่มความสวยงามสบายตาจากเดิมที่เคยเป็นเพียงแค่ลานปูนเท่านั้น สิ่งก่อสร้างภายในประกอบด้วยอาคารสำคัญสามหลัง ตึกตรงกลางเป็นเรือนประธาน ซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าของ[[ม่าจ้อโป๋|หม่าโจ๊ว]] หรือเจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและการเดินเรือของจีน<ref>หน้า 13 ประชาชื่น, ''ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วไม่ใช่เจ้าแม่ทับทิม''. "เล้ง 1919 (LHONG 1919) ท่าเรือ ย้อนเวลาสู่ประวัติศาสตร์ไทย-จีน" โดย ธนะธัช ตังคะประเสริฐ: '''มติชน'''ปีที่ 40 ฉบับที่ 14495: วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560</ref> มีตึกแถวสองชั้น เพดานสูง หลังคาแบบจีนสร้างขนาบสองด้านตรงกลางระหว่างอาคารเป็นลานโล่ง ใช้ประกอบพิธีกรรมของตระกูลหวั่งหลี ในวันสำคัญตามประเพณีจีน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 07:58, 28 มกราคม 2561

บ้านหวั่งหลี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของล้ง 1919

ล้ง 1919 (อักษรจีน: 廊 1919; อังกฤษ: Lhong 1919) เป็นแหล่งท่องเที่ยว ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ดำเนินกิจการโดย ตระกูลหวั่งหลี แต่เดิมเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ บ้านหวั่งหลี เป็นบ้านประจำตระกูลหวั่งหลี มีอายุมากกว่า 160 ปี ตั้งอยู่ที่เลขที่ 248 สุดถนนเชียงใหม่ แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ และพื้นที่อาคาร 6,800 ตารางเมตร โดยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับย่านตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ ในฝั่งพระนคร[1]

ประวัติ

เดิมเป็นท่าเรือของ พระยาพิศาลศุภผล (ชื่น) ต้นตระกูลพิศาลบุตร สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2393 โดยมีชื่อว่า "ฮวงจุ้งล้ง" (火船廊) เป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้า สำหรับรองรับเรือสินค้าจากหัวเมืองประเทศต่าง ๆ เช่น มลายู, สิงคโปร์, จีนแผ่นดินใหญ่, ฮ่องกง ต่อมาขายให้แก่นายตันลิบบ๊วย แห่งตระกูลหวั่งหลี ในปี พ.ศ. 2462 จนกระทั่งภายหลังบริษัทหวั่งหลี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทของครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารดูแลบ้านหลังนี้ จึงได้ทำการบูรณะตัวบ้านใหม่ทั้งหมด ปัจจุบันบ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เป็นที่อยู่อาศัยแล้ว เนื่องจากทายาทของตระกูลต่างแยกย้ายกันออกไปหาที่อยู่อาศัยข้างนอกกันหมด บ้านหลังนี้จึงเปิดใช้เฉพาะเพื่อประกอบพิธีสำคัญของตระกูลเท่านั้น ซึ่งมีเพียงปีละ 2-3 ครั้ง และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อ พ.ศ. 2527[2]

ลักษณะอาคารสร้างด้วยสถาปัตยกรรมจีนแบบ ซานเหอหยวน (三合院) หันหน้าออกมาทางแม่น้ำเจ้าพระยา และมีลานโล่งกว้างบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งตอนนี้ถูกปรับให้เป็นสวนขนาดย่อมช่วยเพิ่มความสวยงามสบายตาจากเดิมที่เคยเป็นเพียงแค่ลานปูนเท่านั้น สิ่งก่อสร้างภายในประกอบด้วยอาคารสำคัญสามหลัง ตึกตรงกลางเป็นเรือนประธาน ซึ่งหันหน้าออกแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าของหม่าโจ๊ว หรือเจ้าแม่ทับทิม เทพเจ้าแห่งท้องทะเลและการเดินเรือของจีน[3] มีตึกแถวสองชั้น เพดานสูง หลังคาแบบจีนสร้างขนาบสองด้านตรงกลางระหว่างอาคารเป็นลานโล่ง ใช้ประกอบพิธีกรรมของตระกูลหวั่งหลี ในวันสำคัญตามประเพณีจีน

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ตระกูลหวั่งหลี ได้มีโครงการที่จะเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแลนด์มาร์คของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเริ่มเข้ามาพัฒนาพื้นที่และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 โดยเป็นร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, จุดถ่ายรูป, ร้านจำหน่ายสินค้าศิลปะและหัตถกรรม, พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความสัมพันธ์ไทย-จีน และสถานที่ผักผ่อน[1]

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 Decor (2017-11-03). "ล้ง 1919 โบราณสถาน สถาปัตยกรรมจีน ยุค ร.๔ อายุกว่า 167 ปี มรดกหวั่งหลี มรดกแผ่นดิน". สืบค้นเมื่อ 2018-1-28. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  2. Takkanon, Pattaranan, บ.ก. (2012). ASA Architectural Awards: Bangkok Walking Guide. The Association of Siamese Architects under Royal Patronage. p. 159. ISBN 9786167384061.
  3. หน้า 13 ประชาชื่น, ศาลเจ้าแม่หม่าโจ้วไม่ใช่เจ้าแม่ทับทิม. "เล้ง 1919 (LHONG 1919) ท่าเรือ ย้อนเวลาสู่ประวัติศาสตร์ไทย-จีน" โดย ธนะธัช ตังคะประเสริฐ: มติชนปีที่ 40 ฉบับที่ 14495: วันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

แหล่งข้อมูลอื่น

13°44′04″N 100°30′27″E / 13.734309°N 100.507638°E / 13.734309; 100.507638