ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ซินเดอเรลล่า"
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
|||
บรรทัด 12: | บรรทัด 12: | ||
== ซินเดอเรลล่าในวัฒนธรรมต่าง ๆ == |
== ซินเดอเรลล่าในวัฒนธรรมต่าง ๆ == |
||
[[ไฟล์:Aschenputtel Maerchenbrunnen1.JPG|thumb|right|200px|รูปปั้นซินเดอเรลล่าให้อาหารนก จากเทพนิยายกริมม์ ตั้งอยู่ที่สวน Schulenburgpark ในกรุงเบอร์ลิน สร้างขึ้นในโอกาสก่อสร้าง "น้ำพุเทพนิยาย" ในปี ค.ศ. 1970]] |
[[ไฟล์:Aschenputtel Maerchenbrunnen1.JPG|thumb|right|200px|รูปปั้นซินเดอเรลล่าให้อาหารนก จากเทพนิยายกริมม์ ตั้งอยู่ที่สวน Schulenburgpark ในกรุงเบอร์ลิน สร้างขึ้นในโอกาสก่อสร้าง "น้ำพุเทพนิยาย" ในปี ค.ศ. 1970]] |
||
Today I don't feel like doing anything |
|||
I just wanna lay in my bed |
|||
Don't feel like picking up my phone |
|||
So leave a message at the tone |
|||
'Cause today I swear I'm not doing anything |
|||
Uh I'm gonna kick my feet up and stare at the fan |
|||
Turn the t.v. on |
|||
Throw my hand in my pants |
|||
Nobody's gon' tell me I cant, no |
|||
I'll be loungin' on the couch just chillin' in my snuggie |
|||
Flip to MTV so they can teach me how to Dougie |
|||
'Cause in my castle I'm the freakin' man |
|||
Oh |
|||
Yes I said it |
|||
I said it |
|||
I said it 'cause I can |
|||
Today I don't feel like doing anything |
|||
I just wanna lay in my bed |
|||
Don't feel like picking up my phone |
|||
So leave a message at the tone |
|||
'Cause today I swear I'm not doing anything |
|||
Nothing at all |
|||
Ooh hoo ooh hoo |
|||
Hoo ooh ooh |
|||
Nothing at all |
|||
Ooh hoo ooh hoo |
|||
Hoo ooh ooh |
|||
Tomorrow I'll wake up do some p90x |
|||
Meet a really nice girl have some really nice sex |
|||
And she's gonna scream out this is great |
|||
I might mess around and get my college degree |
|||
I bet my old man will be so proud of me |
|||
But sorry pops you'll just have to wait |
|||
Oh |
|||
Yes I said it |
|||
I said it |
|||
I said it 'cause I can |
|||
Today I don't feel like doing anything |
|||
I just wanna lay in my bed |
|||
Don't feel like picking up my phone |
|||
So leave a message at the tone |
|||
'Cause today I swear I'm not doing anything |
|||
No I ain't gonna comb my hair |
|||
'Cause I ain't goin' anywhere |
|||
No no no no no no no no no oh |
|||
I'll just strut in my birthday suit |
|||
And let everything hang loose |
|||
Yeah yeah yeah yeah yeah yeah yeah yeah yeah yeah |
|||
Oh, today I don't feel like doing anything |
|||
I just wanna lay in my bed |
|||
Don't feel like picking up my phone |
|||
So leave a message at the tone |
|||
'Cause today I swear I'm not doing anything |
|||
Nothing at all |
|||
Ooh hoo ooh hoo |
|||
Hoo ooh ooh |
|||
Nothing at all |
|||
Ooh hoo ooh hoo |
|||
Hoo ooh ooh |
|||
Nothing at all |
|||
Songwriters: Philip Lawrence / Ari Levine / Bruno Mars / Keinan Warsame |
|||
The Lazy Song lyrics © Sony/ATV Music Publishing LLC, Warner/Chappell Music, Inc, Round Hill Music Big Loud Songs, BMG Rights Management US, LLC |
|||
== เนื้อเรื่องย่อ (จากฉบับของแปร์โรลต์) == |
== เนื้อเรื่องย่อ (จากฉบับของแปร์โรลต์) == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 22:24, 16 สิงหาคม 2561
ซินเดอเรลล่า (อังกฤษ: Cinderella; ฝรั่งเศส: Cendrillon) เป็นเทพนิยายปรัมปราที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงทั่วทั้งโลก มีการดัดแปลงเป็นรูปแบบต่าง ๆ มากมายกว่าพันครั้ง[1] เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวกำพร้าผู้หนึ่งที่อยู่ในอุปถัมภ์ของแม่เลี้ยงกับพี่สาวบุญธรรมสองคน แต่ถูกทารุณและใช้งานเยี่ยงทาส ต่อภายหลังจึงได้พบรักกับเจ้าเมืองหรือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ตำนานซินเดอเรลล่ามีปรากฏในเทพนิยายหรือนิทานพื้นบ้านประเทศต่าง ๆ ทั่วทั้งโลกโดยมีชื่อของตัวเอกแตกต่างกันออกไป ทว่าฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุดเป็นของนักเขียนชาวฝรั่งเศสชื่อ ชาร์ล แปโร ในปี ค.ศ. 1697 ซึ่งอิงมาจากวรรณกรรมของ จิอัมบัตติสตา เบซิล เรื่อง La Gatta Cenerentola ในปี ค.ศ. 1634 ในเรื่องนี้ตัวเอกมีชื่อว่า เอลลา (Ella) แต่แม่เลี้ยงกับพี่สาวใจร้ายของเธอพากันเรียกเธอว่า ซินเดอเรลล่า (Cinderella) อันหมายถึง "เอลลาผู้มอมแมม" ซึ่งกลายเป็นชื่อเรียกเทพนิยายในโครงเรื่องนี้โดยทั่วไป
ซินเดอเรลล่า ได้รับการโหวตจากเด็ก ๆ กว่า 1,200 คนจากการสำรวจโดย cinema chain UCI เป็นเทพนิยายยอดนิยมอันดับหนึ่งในดวงใจ เมื่อปี ค.ศ. 2004[2] ผลสำรวจจากกูเกิล เทรนดส์ เมื่อปี ค.ศ. 2008 ก็พบว่า ซินเดอเรลล่า เป็นเทพนิยายที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงมากที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต[3]
ประวัติ
โครงเรื่องของซินเดอเรลล่าน่าจะมีกำเนิดมาแต่ยุคสมัยคลาสสิก นักประวัติศาสตร์กรีกชื่อ สตราโบ ได้บันทึกไว้ในหนังสือ จีโอกราฟิกา เล่ม 17 ตั้งแต่ราวหนึ่งร้อยปีก่อนคริสตกาล ถึงเรื่องราวของเด็กสาวลูกครึ่งกรีก-อียิปต์ผู้หนึ่งชื่อ โรโดพิส (Rhodopis) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเนื้อเรื่องที่เก่าแก่ที่สุดของซินเดอเรลล่า[4] โรโดพิส (ชื่อมีความหมายว่า "แก้มกุหลาบ") ต้องอยู่ซักเสื้อผ้ามากมายขณะที่เหล่าเพื่อนหญิงรับใช้พากันไปเที่ยวงานเต้นรำเลือกคู่ของเจ้าชายซึ่งฟาโรห์อามาซิสทรงจัดขึ้น นกอินทรีย์นำรองเท้าของเธอที่ประดับกุหลาบไปทิ้งไว้ที่เบื้องบาทของฟาโรห์ในนครเมมฟิส พระองค์ตรัสให้สตรีในราชอาณาจักรทดลองสวมรองเท้านี้ทุกคนเพื่อหาผู้สวมได้พอเหมาะ โรโดพิสสวมได้พอดี ฟาโรห์ตกหลุมรักเธอและได้อภิเษกสมรสกับเธอ ต่อมาเนื้อเรื่องนี้ปรากฏอีกครั้งในงานเขียนของเคลาดิอุส ไอเลียนุส (Claudius Aelianus)[5] แสดงให้เห็นว่าโครงเรื่องซินเดอเรลล่าเป็นที่นิยมมาตลอดยุคคลาสสิก บางทีจุดกำเนิดของตัวละครอาจสืบย้อนไปได้ถึงช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งมีสตรีในราชสำนักเธรซคนหนึ่งใช้ชื่อเดียวกันนี้ และเป็นผู้รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีกับ อีสป นักเล่านิทานยุคโบราณ[6]
ซินเดอเรลล่าในวัฒนธรรมต่าง ๆ
เนื้อเรื่องย่อ (จากฉบับของแปร์โรลต์)
ซินเดอเรลล่าเดิมมีชื่อว่า เอลล่า (Ella) เป็นบุตรสาวของเศรษฐีผู้มั่งมี มารดาของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเล็ก เป็นเหตุให้บิดาของเอลล่าจำใจแต่งงานใหม่กับมาดามผู้หนึ่งซึ่งเป็นหม้ายและมีลูกสาวติดมาสองคนเพราะอยากให้เอลล่ามีแม่ ไม่นานนักหลังจากนั้น เศรษฐีผู้เป็นบิดาก็เสียชีวิต ทำให้ธาตุแท้ของแม่เลี้ยงปรากฏขึ้น นางกับลูกสาวใช้งานเอลล่าราวกับเป็นสาวใช้ และใช้จ่ายทรัพย์ที่เป็นของเอลล่าอย่างฟุ่มเฟือย ที่ร้ายกว่านั้น ทั้งสามยังเปลี่ยนชื่อของเอลล่า เป็น ซินเดอเรลล่า ที่แปลว่า สาวน้อยในเถ้าถ่าน เพราะพวกนางใช้งานเอลล่าจนเสื้อผ้าขาดปุปะมอมแมมไปทั้งตัวนั่นเอง
ซินเดอเรลล่ายอมทนลำบากทำงานเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่ง มีจดหมายเรียนเชิญหญิงสาวทั่วอาณาจักรให้มาที่พระราชวังเพื่อร่วมงานเต้นรำ แต่ความหมายที่แท้จริงก็คือ พระราชา ต้องการหาคู่ครองให้กับเจ้าชายซึ่งเป็นพระโอรสองค์เดียว จึงใช้งานเต้นรำบังหน้า เมื่อรู้ข่าว ลูกสาวทั้งสองต่างพากันดีใจที่บางทีตนอาจมีโอกาสได้เต้นรำและได้แต่งงานกับเจ้าชายก็เป็นไปได้ เช่นกันกับซินเดอเรลล่า เพราะเธอใฝ่ฝันมาตลอดเวลาว่าจะได้เต้นรำในฟลอร์ที่งดงามและเป็นอิสระจากงานบ้านอันล้นมือเหล่านี้ แต่แน่นอน เมื่อเด็กสาวขอไป แม่เลี้ยงใจร้ายจึงกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานาจนซินเดอเรลล่าไม่มีชุดใส่ไปงานเต้นรำ
ซินเดอเรลล่าเสียใจมาก จึงหนีไปร้องไห้อยู่คนเดียว ทันใดนั้นนางฟ้าแม่ทูนหัวของซินเดอเรลล่าก็ปรากฏตัวขึ้นและบันดาลชุดที่สวยงามที่สุดให้ซินเดอเรลลา พร้อมกับบอกให้เด็กสาวไปงานเต้นรำ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องกลับมาก่อนเที่ยงคืน ไม่เช่นนั้นเวทมนตร์จะเสื่อมลงไปในทันที
ซินเดอเรลล่าได้ทำตามความฝัน แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือ คู่เต้นรำที่เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นใครนั้นคือเจ้าชายนั่นเอง ทั้งสองตกหลุมรักกันทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย แต่เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ซินเดอเรลล่าก็รีบหนีไปโดยลืมรองเท้าแก้วเอาไว้ เจ้าชายเก็บรองเท้าไว้ได้จึงประกาศว่าจะทรงแต่งงานกับหญิงสาวที่สวมรองเท้าแก้วนี้ได้เท่านั้น
เสนาบดีได้นำรองเท้าแก้วไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อให้หญิงสาวทั่วอาณาจักรได้ลอง จนมาถึงบ้านแม่เลี้ยง เมื่อลูกสาวทั้งสองลองครบแล้ว นางก็โกหกว่าไม่มีหญิงสาวในบ้านอีก พร้อมทำลายรองเท้าแก้วจนแตกละเอียด ทุกคนต่างหมดหวังว่าจะไม่สามารถหาหญิงปริศนาของเจ้าชายพบ แต่สุดท้าย ซินเดอเรลล่าก็หยิบรองเท้าแก้วอีกข้างที่เก็บไว้ขึ้นมาและสวมให้กับเหล่าเสนาได้ดู ทำให้ซินเดอเรลล่าได้แต่งงานกับเจ้าชาย และมีความสุขตราบนานเท่านาน
(ข้อคิดในนิทาน: นารีมีรูปเป็นทรัพย์ แต่ความเมตตากรุณาเป็นสมบัติอันประมาณค่ามิได้ หากปราศจากความเมตตา ย่อมไม่มีสิ่งใดเป็นไปได้ ผู้มีความเมตตาย่อมสามารถทำได้ทุกสิ่ง)[7]
คุณค่าและความนิยม
แม้โครงเรื่องเทพนิยายของซินเดอเรลล่าจะปรากฏในวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลกมาแต่เดิมในชื่อต่าง ๆ กัน แต่ฉบับที่โด่งดังที่สุดคือฉบับของ ชาร์ลส์ แปร์โรลต์ ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อ ซินเดอเรลล่า ขึ้นด้วย ซินเดอเรลล่าได้ตีพิมพ์พร้อมกับเทพนิยายเรื่องอื่น ๆ ของแปร์โรลด์ในปี ค.ศ. 1697 หลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายและมีการแปลไปเป็นภาษาอื่น ๆ มาก โดยเฉพาะเรื่อง ซินเดอเรลล่า ถือเป็นเทพนิยายที่มีการนำไปทำซ้ำมากที่สุด[8] นักแปลผู้มีชื่อเสียงผู้หนึ่งคือ แองเจล่า คาร์เตอร์ ผู้ได้รับสมญาว่า "เจ้าแม่แห่งเทพนิยาย"[9] ได้แปลผลงานของแปร์โรลด์ไว้มากมายหลายเรื่อง ซินเดอเรลล่านับเป็นผู้บุกเบิก เรื่องราวของสตรีในเทพนิยาย[10] และพลิกแนวคิดเกี่ยวกับบทบาทของสตรีในวรรณกรรม รวมถึง "คุณค่า" ของสตรีซึ่งต้องมีกำเนิดมาจาก "ความดีงาม" ของเธอ[11] แม้ว่าในตอนท้าย ความสุขสบายในชีวิตของสตรียังคงต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายชายอยู่ดี (คือการได้แต่งงานกับเจ้าชาย)
ซินเดอเรลล่าในวัฒนธรรมยุคใหม่โด่งดังที่สุดด้วยฝีมือการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์การ์ตูนของ วอลท์ ดิสนีย์ ในปี ค.ศ. 1950 และได้รับยกย่องว่าเป็นฉบับดัดแปลงจากฉบับของแปร์โรลต์ที่ดีที่สุด[12] ทำให้ภาพของนางฟ้าแม่ทูนหัว รถฟักทอง หนู และรองเท้าแก้ว กลายเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักในหมู่เด็ก ๆ ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2004 ซินเดอเรลล่า ได้รับการโหวตจากเด็ก ๆ กว่า 1,200 คนจากการสำรวจโดย cinema chain UCI เป็นเทพนิยายยอดนิยมอันดับหนึ่งในดวงใจ[2] ผลสำรวจจาก google trend เมื่อปี ค.ศ. 2008 ก็พบว่า ซินเดอเรลล่า เป็นเทพนิยายที่ได้รับความนิยมและกล่าวถึงมากที่สุดในโลกอินเทอร์เน็ต[3]
การดัดแปลง
เรื่องราวของ ซินเดอเรลล่า มีการดัดแปลงไปยังสื่อต่าง ๆ มากมาย ต่อไปนี้เป็นเพียงงานดัดแปลงส่วนหนึ่งที่มีชื่อเสียง
โอเปรา
- Cendrillon ละครโอเปร่า 4 องก์ ของ Jules Massenet ประพันธ์ในช่วงปี ค.ศ. 1894-95 โดยเปิดการแสดงรอบแรกที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1899
บัลเล่ต์
- Cinderella (1893) โดย Baron Boris Vietinghoff-Scheel
- Aschenbrödel (1901) โดย Johann Strauss II, ดัดแปลงต่อและแต่งจนจบโดย Josef Bayer
- Das Märchen vom Aschenbrödel (1941) โดย Frank Martin
- Soluschka หรือ Cinderella (1945) โดย Sergei Prokofiev
- Cinderella (1980) โดย Paul Reade
ละครใบ้
มีการนำ ซินเดอเรลล่า มาแสดงเป็นละครเวทีครั้งแรกที่โรงละคร Drury Lane กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 1904 และโรงละคร Adelphi กรุงลอนดอน ในปี ค.ศ. 1905 ในครั้งหลังมี Phyllis Dare อายุ 14 ปี เป็นนักแสดงนำ
บทละครเวทีฉบับดั้งเดิมจะเปิดฉากแรกของเรื่องที่ในป่า อันเป็นที่ซึ่งซินเดอเรลล่าได้พบกับเจ้าชายและสหายคู่หู ชื่อ แดนดินี โดยซินเดอเรลล่าเข้าใจผิดว่าแดนดินีเป็นเจ้าชาย ส่วนเจ้าชายเป็นแดนดินี
พ่อของซินเดอเรลล่าชื่อ บารอน ฮาร์ดอัพ ตกอยู่ใต้อำนาจของลูกเลี้ยงสาวหน้าตาน่าเกลียดสองคนพี่น้อง มีคนรับใช้คนหนึ่งชื่อ บัตตอนส์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับซินเดอเรลล่า ตลอดการแสดงละคร บารอนจะถูกนายหน้าเก็บค่าเช่าบ้านคอยดูหมิ่นอยู่เรื่อย ส่วนนางฟ้าแม่ทูนหัวต้องใช้เวทมนตร์เสกรถม้า (จากฟักทอง) คนรถ (จากหนู) คนขับรถ (จากกบ) และชุดราตรีสวยงาม (จากผ้าขี้ริ้ว) สำหรับให้ซินเดอเรลล่าใช้ไปในงานเต้นรำ โดยที่เธอต้องรีบกลับมาก่อนเที่ยงคืน อันเป็นเวลาที่เวทมนตร์จะเสื่อม
ละครเพลง
- ซินเดอเรลล่า ละครเพลงสร้างโดย ร็อดเจอร์แอนด์แฮมเมอร์สไตน์ ออกฉายทางโทรทัศน์รวม 3 ครั้ง ได้แก่
- ค.ศ. 1957 นำแสดงโดย จูลี่ แอนดรูว์ โจน ไซเฟอร์ เคย์ บัลลาร์ด อลิซ โกสต์ลี่ และ เอดี้ อดัมส์ แพร่ภาพทางโทรทัศน์สี แต่ฉบับที่คงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันเป็นฉบับขาว-ดำ
- ค.ศ. 1965 นำแสดงโดย เลสลี่ แอนน์ วอร์เรน สจ๊วต เดมอน จิงเจอร์ โรเจอร์ วอลเตอร์ พิดเจียน และ เคเลสต์ โฮล์ม
- ค.ศ. 1997 นำแสดงโดย แบรนดี้ เปาโล มอนทัลบัน วิทนี่ย์ ฮูสตัน วูปี้ โกลด์เบิร์ก วิกเตอร์ การ์เบอร์ เบอร์นาเดทท์ ปีเตอร์ส และ เจสัน อเล็กซานเดอร์
- ซินเดอเรลล่า ฉบับของร็อดเจอร์แอนด์แฮมเมอร์สไตน์ ยังได้ขึ้นแสดงสดบนเวทีหลายครั้ง รวมถึงคราว ค.ศ. 2005 ซึ่งได้ เปาโล มอนทัลบัน จากฉบับโทรทัศน์ปี 1997 มาร่วมแสดงด้วย
ภาพยนตร์
นับเป็นเวลาหลายทศวรรษที่มีการสร้างภาพยนตร์โดยดัดแปลงจากเรื่อง ซินเดอเรลล่า หรือนำโครงเรื่องไปใช้ โดยจะมีอย่างน้อย 1 เรื่องในทุก ๆ ปี ถือได้ว่าเรื่อง ซินเดอเรลล่า เป็นงานวรรณกรรมที่มีการดัดแปลงไปเป็นภาพยนตร์มากที่สุด อาจเป็นรองแต่เพียงเรื่อง แดรกคูล่า ของแบรม สโตรกเกอร์ เท่านั้น
ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง ซินเดอเรลล่า หรือเรื่องที่ใช้โครงเรื่องทำนองเดียวกันนี้ เรียงตามปีต่าง ๆ ดังนี้
- ค.ศ. 1899 ภาพยนตร์เรื่องแรกของ ซินเดอเรลล่า ในประเทศฝรั่งเศส ผลงานของ ฌอร์ฌ เมเลียส (Georges Méliès)
- ค.ศ. 1911 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์เงียบ นำแสดงโดย Florence La Badie
- ค.ศ. 1914 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์เงียบ นำแสดงโดย Mary Pickford
- ค.ศ. 1922 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์การ์ตูนสั้น ความยาว 7 นาที ของ ลาฟ-โอ-แกรม สตูดิโอของวอลท์ ดิสนีย์ ออกฉายเมื่อ 6 ธันวาคม 1922[13]
- ค.ศ. 1934 Poor Cinderella (ซินเดอเรลล่าที่น่าสงสาร) การ์ตูนสั้นของ Fleischer Studio นำแสดงโดย เบ็ตตี้ บูป
- ค.ศ. 1938 Cinderella Meets Fella (ซินเดอเรลล่าพบเฟลลา) ภาพยนตร์การ์ตูนสั้นของ เมอร์รี่เมโลดี้ (Merrie Melodies)
- ค.ศ. 1947 Cinderella (Зо́лушка) ภาพยนตร์เพลงของ เลนฟิล์มสตูดิโอ ประเทศรัสเซีย นำแสดงโดย อิราสต์ การิน และ ฟายินา ราเนฟสกายา
- ค.ศ. 1950 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องยาวของวอลท์ ดิสนีย์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากจนกลบตำนานซินเดอเรลล่าดั้งเดิม มีการสร้างภาคสองในปี ค.ศ. 2002 ชื่อ Cinderella II: Dreams Come True และภาคสามในปี ค.ศ. 2007 ชื่อ Cinderella III: A Twist in Time
- ค.ศ. 1955 The Glass Slipper (รองเท้าแก้ว) แสดงโดย เลสลี่ แครอน และ ไมเคิล ไวลดิ้ง
- ค.ศ. 1960 Cinderfella (ซินเดอเฟลล่า) เป็นเรื่องที่มีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่งเพราะตัวละครเอกกลายเป็นผู้ชาย นำแสดงโดย เจอร์รี่ ลิวอิส
- ค.ศ. 1970 Hey Cinderella (เฮ้ ซินเดอเรลล่า) ภาพยนตร์ตลกของ จิม เฮนสัน ความยาว 60 นาที ใช้นักแสดงเป็นตัวละครหุ่นมือที่มีชื่อเสียงของจิม เฮนสัน (รวมทั้ง กบเคอร์มิท ที่มีบทสั้น ๆ อยู่ด้วย)
- ค.ศ. 1973 Tři oříšky pro Popelku/Drei Haselnüsse für Aschenbrödel (พรสามประการของซินเดอเรลล่า) ภาพยนตร์เช็ก-เยอรมัน ซึ่งประกอบด้วยผู้แสดงจากทั้งสองประเทศ และต่างพูดภาษาชาติของตน
- ค.ศ. 1976 The Slipper and the Rose (รองเท้ากับกุหลาบ) ภาพยนตร์เพลงของอังกฤษแสดงโดย เจมมา คราเวิน และ ริชาร์ด แชมเบอร์เลน
- ค.ศ. 1977 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์เพลงรักปนตลกของสหรัฐอเมริกา แสดงโดย เชอร์ริล "เรนโบว์" สมิธ, เบรตต์ สไมลี่ย์ และ ไซ ริชาร์ดสัน กำกับการแสดงโดย ไมเคิล พาทาคี
- ค.ศ. 1978 Cindy (ซินดี้) ภาพยนตร์สร้างสำหรับออกฉายทางโทรทัศน์
- ค.ศ. 1989 Hello Kitty's Cinderella ภาพยนตร์อะนิเมะอย่างสั้น นำแสดงโดย เฮลโล คิดตี้ ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น ต่อมาได้ออกฉายในสหรัฐอเมริกาในชุดซีรีส์ของ เฮลโล คิตตี้ และผองเพื่อน
- ค.ศ. 1990 If The Shoe Fits ภาพยนตร์ร่วมสมัยสร้างจากโครงเรื่อง ซินเดอเรลล่า ในประเทศฝรั่งเศส แสดงโดย ร็อบ โลว์ และ เจนนิเฟอร์ เกรย์
- ค.ศ. 1994 ซินเดอเรลล่า สร้างโดย เจ็ตแล็กโปรดักชั่นส์ และจัดจำหน่ายโดย กู้ดไทมส์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ วางจำหน่ายเป็นวิดีโอ
- ค.ศ. 1997 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์โทรทัศน์ของ ร็อดเจอร์แอนด์แฮมเมอร์สไตน์ แสดงโดย แบรนดี้ และ วิทนีย์ ฮูสตัน
- ค.ศ. 1998 Ever After ภาพยนตร์รักโรแมนติกที่อ้างว่า ซินเดอเรลล่าเป็นเรื่องจริงซึ่งพี่น้องกริมม์ได้รู้จักจากบุตรหลาน เหตุการณ์เกิดในประเทศฝรั่งเศสยุคก่อนการปฏิวัติ ในเรื่องนี้ผู้ที่มาช่วยซินเดอเรลล่าจนได้พบกับเจ้าชายคือ ลีโอนาโด ดาวินชี นำแสดงโดย ดรูว์ แบร์รีมอร์ แองเจลิกา ฮูสตัน และ ดักเรย์ สก๊อต
- ค.ศ. 2000 ซินเดอเรลล่า ภาพยนตร์ประเทศอังกฤษ สร้างให้เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 แสดงโดย แคธลีน เทอร์เนอร์
- ค.ศ. 2004 A Cinderella Story ภาพยนตร์รักวัยรุ่นสมัยใหม่ แสดงโดย ฮิลารี ดัฟฟ์ และ แชด ไมเคิล เมอร์เรย์
- ค.ศ. 2004 Ella Enchanted ภาพยนตร์แนวตลกขบขันดัดแปลงจากนวนิยายของ เกล คาร์สัน เลไวน์ ที่ใช้ชื่อเดียวกัน โดยมี แอนน์ แฮททาเวย์ แสดงเป็น เอลล่า และ ฮิว แดนซี่ แสดงเป็นเจ้าชายชาร์มองต์
- ค.ศ. 2007 Happily N'Ever After ภาพยนตร์การ์ตูนล้อเลียนเทพนิยาย เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่อแม่เลี้ยงใจร้ายเข้าไปในปราสาทพ่อมดผู้ควบคุมตาชั่งความดี-ความชั่ว ของเทพนิยายทั้งหลาย สร้างโดยแวนการ์ดแอนิเมชั่นโปรดักชั่นส์ กำกับการแสดงโดย พอล เจ. โบลเจอร์
รายการโทรทัศน์
- ดิอิเล็กทริกคอมพานี สร้างละครล้อเลียนเรื่อง ซินเดอเรลล่า โดยมี จูดี้ เกราบาร์ต แสดงเป็น ซินเดอเรลล่า และ ริต้า โมเรโน แสดงเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย
- รายการ Faerie Tale Theatre สร้างจากเทพนิยายเรื่องต่าง ๆ ออกอากาศระหว่างปี ค.ศ. 1982 - 1987 รวมถึงเรื่อง ซินเดอเรลล่า โดยมี เจนนิเฟอร์ บีลส์ แสดงนำ
- ราวปี 2004-2005 มีละครโทรทัศน์เรื่อง Floricienta ออกฉายในอาร์เจนตินา โคลัมเบีย และเม็กซิโก กับเรื่อง Floribella ฉายในโปรตุเกส บราซิล และชิลี โดยใช้โครงเรื่อง ซินเดอเรลล่า มาดัดแปลง[14]
- ต่อมาในปี 2007 ละครโทรทัศน์อีกเรื่องหนึ่งออกฉายในเม็กซิโก ชื่อ Lola...Erase Una Vez เป็นละครวัยรุ่นที่สร้างจากโครงเรื่อง ซินเดอเรลล่า และ Floricienta
- ซีรีส์การ์ตูนของดิสนีย์ ชุด DuckTales แปลงเรื่อง ซินเดอเรลล่า ไปเป็น Scroogerello (ตัวละครเอกของซีรีส์ชื่อ Scrooge) ออกอากาศเมื่อ 25 กันยายน ค.ศ. 1987
- Cinderella Monogatari (シンデレラ物語, Shinderera Monogatari?) การ์ตูนชุดหรืออะนิเมะ ความยาว 26 ตอน ออกอากาศในประเทศญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 1996 สร้างโดย ทัตสึโนโกะ โปรดักชั่น
- ระหว่างปี 1987-1989 มีรายการทีวีซีรีส์แบบแอนิเมชัน ของประเทศญี่ปุ่น ชุด เทพนิยายคลาสสิกของกริมม์ (Grimm's Fairy Tale Classics) ซึ่งมีเรื่อง ซินเดอเรลล่า รวมอยู่ด้วย
- ในละครทีวีชุด Coronation Street ซึ่งเป็นละครที่โด่งดังและออกอากาศยาวนานที่สุดในประเทศอังกฤษ มีตอนพิเศษตอนหนึ่งซึ่ง แฟรงกี้ บอลด์วิน แสดงเป็น ซินเดอเรลล่า แดนนี บอลด์วิน แสดงเป็นเจ้าชาย พ่อเลี้ยงใจร้ายแสดงโดยแจ็ค ดัคเวิร์ธ พี่สาวบุญธรรมแสดงโดย รอย ครอปเปอร์ และ นอร์ริส โคล ส่วนนางฟ้าแม่ทูนหัวแสดงโดย เบฟ อันวิน และมี เฟร็ด เอลเลียต เป็นเทวดาพ่อทูนหัว
- ช่วงคริสต์ทศวรรษ 1980 ในละครตลก (sitcom) เรื่อง The Charmings มีตอนหนึ่งที่ซินเดอเรลล่ามาเยือน และพยายามแย่งเจ้าชายของสโนว์ไวท์
- ละครชุด Fairy Tales ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี ออกอากาศในปี ค.ศ. 2008 ได้ดัดแปลงเนื้อเรื่อง ซินเดอเรลล่า ให้ทันสมัยกับเหตุการณ์ปัจจุบัน
- ปี 2010 สถานีโทรทัศน์ KBS ของประเทศเกาหลีใต้ ได้ผลิตละครโทรทัศน์เรื่อง Cinderella’s Sister โดยนำพี่สาวของซินเดอเรลล่ามาเป็นตัวเอกของเรื่อง เป็นเรื่องราวของซินเดอเรลล่าในยุคสมัยใหม่ พี่สาวซินเดอเรลล่าแสดงโดย มุนกึนยอง ส่วนซินเดอเรลล่าแสดงโดย ซอวู
- ปี 2013 ละครโทรทัศน์ ซินเดอเรลล่ารองเท้าแตะ (ประเทศไทย) นำแสดงโดย เป้ อารักษ์ มิน พีชญา ณัฏฐวุฒิ อิศรางกูร ณ อยุธยา สเตฟานี เลอร์ช
หนังสือ
รายชื่อหนังสือบางส่วนที่เกี่ยวข้องหรืออยู่บนโครงเรื่องของซินเดอเรลล่า
- Bound โดย Donna Jo Napoli
- Chinese Cinderella โดย Adeline Yen Mah
- Cinderalla โดย Junko Mizuno
- Confessions of an Ugly Stepsister โดย Gregory Maguire
- Ella Enchanted โดย Gail Carson Levine ในเรื่องนี้ เอลล่าตกอยู่ใต้คำสาปตั้งแต่เกิด ทำให้เธอต้องเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง เนื้อหาเกี่ยวกับงานเต้นรำเพิ่งปรากฏในช่วงท้าย ๆ ของเรื่อง ส่วนมากจะเกี่ยวกับการที่เอลล่าพยายามหนีให้พ้นคำสาป เจ้าชายในเรื่องนี้ได้พบกับเอลล่าก่อนถึงงานเต้นรำ แต่จำเธอไม่ได้เพราะเธอปลอมตัว
- Cinderellis and the Glass Hill โดย Gail Carson Levine
- I was a Rat! or The Scarlet Slippers โดย ฟิลิป พูลแมน
- Bella at Midnight โดย Diane Stanley
- Just Ella โดย Margaret Peterson Haddix
- Ludwig Revolution โดย คาโอริ ยูกิ ในเวอร์ชันนี้ เท้าของซินเดอเรลล่าใหญ่เกินไปใส่รองเท้าไม่ได้ ตัวเอกในเรื่องจึงให้เธอยืมรองเท้าไปใส่แทน (เปรียบเป็นนางฟ้าแม่ทูนหัว) งานเต้นรำในเรื่องไม่ได้จัดขึ้นเพื่อหาหญิงสาวมาเป็นเจ้าสาวของเจ้าชาย แต่จัดขึ้นเพื่อหาตัวหญิงเท้าโตที่ทำให้กิ้งก่าสุดรักของเจ้าชายตาย
- Nine Coaches Waiting โดย Mary Stewart
- Politically Correct Bedtime Stories โดย James Garner ในเวอร์ชันนี้ ชุดราตรีของซินเดอเรลล่าเป็นชุดที่ "ทำจากไหมที่ขโมยมาจากหนอนไหมลึกลับ" พวกผู้ชายต่างฆ่าฟันกันเพื่อชิงตัวเธอ ในตอนท้าย ผู้หญิงมีอำนาจเหนือในการปกครอง และออกกฎหมายให้ผู้หญิงได้สวมเสื้อผ้าที่อบอุ่นและเหมาะสมเท่านั้น
- The Ash Girl โดย Timberlake Wertenbaker
- The Egyptian Cinderella โดย Shirley Climo (ผสมเรื่องในตำนานอียิปต์เกี่ยวกับ โรโดพิส และวัฒนธรรมต่าง ๆ ของอียิปต์ลงไปด้วย)
- The Glass Slipper โดย Eleanor Farjeon
- The Persian Cinderella โดย Shirley Climo
- Phoenix and Ashes โดย Mercedes Lackey
- When Cinderella Falls Down Dead โดย Joshua Gabe และ Grayian Phoenix เวอร์ชันนี้ ซินเดอเรลล่ามาอยู่ในร่างหญิงสาวในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 21
- Witches Abroad โดย Terry Pratchett
เพลง
มีบทเพลงมากมายที่แต่งขึ้นเกี่ยวกับ ซินเดอเรลล่า หรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน ตัวอย่างเพลงที่มีชื่อเสียงมีดังนี้
- Cinderella โดย บริทนี่ย์ สเปียร์ส
- A Cinderella Story ของ Mudvayne
- Dil Tha Yahan Abhi Abhi Selamat Bodoh เพลงของประเทศอินเดียโดย Alka Yagnik และ Sammer Yagnik
- Cinderella โดย Steven Curtis Chapman
- Cinderella โดย Sweetbox
- Cinderella โดย The Cheetah Girls มีการนำมาร้องใหม่โดย ทาทา ยัง, Play, I5 และ S.H.E
- Cinderella โดย Vince Gill
- Cinderella Blue โดย Robert Lucas
- Cinderella Rockefella โดย Esther and Abi Ofarim
- Cinderella Search โดย Marillion
- Cinderella Stay Awhile โดย ไมเคิล แจ็กสัน
- Cinderfells โดย Snoop Dogg
- Half Past Midnight โดยวงประสานเสียงของแคนาดาในยุคคริสต์ทศวรรษ 1960 ชื่อ The Staccatos
- Stealing Cinderella โดย Chuck Wicks
- There is Music in You โดย Rodgers & Hammerstein
- Cinderella นิทานเพลงในภาษามลายู ขับร้องโดย Radja (วงดนตรีร็อคสัญชาติอินโดนีเซีย)
- Cinderella (신데렐라) โดย Seo In Young (서인영)
- Cinderella โดย Tattoo Colour (แทตทู คัลเลอร์)
- ตับนางซิน โดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจิตรเจริญ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
อ้างอิง
- ↑ แจ็ค ซิปส์, The Great Fairy Tale Tradition: From Straparola and Basile to the Brothers Grimm, น. 444, ISBN 0-393-97636-X
- ↑ 2.0 2.1 Cinderella named 'top fairytale' จาก BBCnews.co.uk เก็บข้อมูลเมื่อ 2009-01-18
- ↑ 3.0 3.1 Cinderella Most Popular Fairy Tale on Net, storynory.com, เก็บข้อมูลเมื่อ 2009-01-18
- ↑ "The Egyptian Cinderella"
- ↑ ไอเลียน, "Various History", 13.33
- ↑ Herodot, "The "Histories", 2.134-135
- ↑ Perrault: Cinderella; or, The Little Glass Slipper
- ↑ BOOKS, LITERATURE: “Mufaro’s Beautiful Daughters” (Steptoe) and “Cinderella” (Brown)
- ↑ The Fairy Tales of Charles Perrault by Angela Carter จาก guardian.co.uk, The Observer, เก็บข้อมูลเมื่อ 2009-01-19
- ↑ "Cinderella" by Charles Perrault ; pictures by Susan Jeffers ; retold by Amy Ehrlich. A Book Reviewed, เก็บข้อมูลเมื่อ 2009-01-19
- ↑ Perrault's Durable Myth Cinderella: WestCiv Female Role Model Propaganda
- ↑ "Cinderella" Movies Reviewed by bbc.co.uk เก็บข้อมูลเมื่อ 2009-01-19
- ↑ วิดีโอการ์ตูนสั้นเรื่อง ซินเดอเรลล่า ของ ลาฟ-โอ-แกรม ดิสนีย์ (1922)
- ↑ http://www.floricienta.com.ar/
แหล่งข้อมูลอื่น
- Fairyland Cinderella
- SurLaLune Fairy Tales.com: ซินเดอเรลล่า พร้อมภาพและหมายเหตุประกอบ รวมเรื่องของซินเดอเรลล่าแบบต่าง ๆ ทั่วโลก
- ซินเดอเรลล่า ของ ดิสนีย์
- คู่มือการเรียนว่าด้วยซินเดอเรลล่า รายละเอียดเกี่ยวกับตัวละคร พล็อต ฉาก เปรียบเทียบกันในเวอร์ชันต่าง ๆ
- Cenerentola โดย จิอัมบัตติสตา เบซิล ฉบับแปลภาษาอังกฤษ (อังกฤษ)
- Zezzolla, La Gatta Cenerentola "ซินเดอเรลล่า" โดย จิอัมบัตติสตา เบซิล -(ต้นฉบับภาษาอิตาลี)
- Assepoester (ซินเดอเรลล่า ในภาษาดัตช์) รวมข้อมูลและภาพของซินเดอเรลล่า (ดัตช์)
- นิทานอีสป เรื่อง โรโดพิสกับรองเท้ากุหลาบ
- ซินเดอเรลล่า เวอร์ชันอียิปต์