พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (ทองคำ เศวตศิลา)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์
(ทองคำ เศวตศิลา)
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด 22 มิถุนายน พ.ศ. 2422
กรุงเทพมหานคร
เสียชีวิต 4 เมษายน พ.ศ. 2510 (87 ปี 286 วัน)
คู่สมรส คุณหญิงขลิบ วันพฤกษ์พิจารณ์
ศาสนา พุทธ

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ (ทองคำ เศวตศิลา) 22 มิถุนายน พ.ศ. 24224 เมษายน พ.ศ. 2510 ปลัด กรมป่าไม้ นักพฤกษศาสตร์ นักวิชาการป่าไม้ ผู้ริเริ่มปลูกสวนป่าไม้สักของประเทศไทย ผู้จัดตั้งกองป่าไม้ภาคใต้

ชีวิตในเยาว์วัยและการศึกษา[แก้]

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ เกิดที่กรุงเทพฯ เป็นบุตรชายคนโตของนายเฮนรี อาลาบาศเตอร์ชาวอังกฤษ ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และคุณเพิ่ม อาลาบาสเตอร์ มีน้องชายร่วมมารดา 1 คนคือ พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมือง (ทองย้อย เศวตศิลา)

นายเฮนรี บิดาถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 2427 เมื่อพระยาวันพฤกษ์พิจารณ์มีอายุได้เพียง 5 ขวบ ทั้งสองพี่น้องไม่ได้รับมรดกใด ๆ จากบิดาจึงมีชีวิตในวัยเด็กที่ยากลำบาก ในขณะเรียนหนังสืออยู่ในกรุงเทพฯ มารดาได้ย้ายไปอยู่ต่างจ้งหวัด จึงอาศัยอยู่กับญาติบ้าง ผู้อื่นบ้าง ในบางครั้ง เวลาขึ้นชั้นเรียนใหม่ก็ต้องหยุดเรียนเพื่อเพื่อไปเร่ขายดินสอหินสำหรับเขียนกระดานชนวนเพื่อนำเงินมาซื้อเสื้อผ้าและหนังสือสำหรับขึ้นเรียนชั้นใหม่ เมื่อมีเงินพอแล้วจึงกลับเข้าไปเรียนใหม่

อย่างไรก็ดี พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์สามารถจบหลักสูตรในขณะนั้นโดยสอบไล่ได้ประโยค 2 ได้เป็นที่ 1 ได้รับการจารึกชื่อในแผ่นหินที่โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบในพระบรมมหาราชวัง จากนั้นก็ได้เข้าเรียนวิชาทำแผนที่ และสอบไล่ได้เป็นที่ 1 อีก ได้เป็นครูแผนที่ ต่อมาสอบชิงทุนไปเรียนวิชาการป่าไม้ที่ประเทศอินเดียและเป็นคนไทยคนแรกที่สอบวิชาการป่าไม้ได้สำเร็จ กระทั่งได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น หลวงวันพฤกษ์พิจารณ์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2448 หลังจากรับราชการในกรมป่าไม้ได้ 10 ปี พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ก็ได้ขอลาราชการไปศึกษาต่อด้านพฤกษศาสตร์ที่ประเทศอังกฤษด้วยทุนส่วนตัวและก็เป็นนักเรียนไทยที่สำเร็จวิชาพฤกษศาสตร์เป็นคนแรกเช่นกัน

การทำงานและผลงาน[แก้]

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ได้กลับเข้ารับราชการในกรมป่าไม้ อีกครั้งหนึ่งและได้ย้ายไปเป็นเจ้าพนักงานป่าไม้ภาคภูเก็ต และเจ้าพนักงานป่าไม้ภาคนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ก่อน พ.ศ. 2460

การรวบรวมพรรณไม้ไทยและการจัดตั้งหอพรรณไม้[แก้]

ในช่วงเวลาระหว่าง พ.ศ. 2455พ.ศ. 2463 พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ซึ่งเป็นนักพฤกษศาสตร์ของกรมป่าไม้ด้วย ก็ได้รวบรวมพันธุ์ไม้ของไทยจากภาคต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคใต้เพื่อทำเป็น ”หอพรรณไม้” โดยเก็บตัวอย่างได้ประมาณ 1,200 หมายเลข ปัจจุบันยังเก็บรักษาไว้ที่หอพรรณไม้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (BKF) และตัวอย่างซ้ำถูกส่งไปเก็บที่ หอพรรณไม้คิว (K) ในประเทศอังกฤษ

การเรียบเรียงตำราพรรณไม้[แก้]

นอกจากได้ชื่อว่าเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนบุกเบิกด้านพฤกศาสตร์ที่เป็นคนไทยในการรวบรวมพรรณไม้และการจัดตั้งหอพรรณไม้ (Herbarium) ของกรมป่าไม้ขึ้นดังกล่าวมาแล้ว พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ก็ยังได้เป็นผู้เรียบเรียงหนังสือ “พรรณไม้ไทย” (List of Common Trees and Shrubs in Siam, 1923 ) ซึ่งจัดเป็นตำราพันธุ์ไม้เล่มแรกของไทยในปี พ.ศ. 2466

การริเริ่มปลูกสวนป่าต้นสัก[แก้]

ในด้านการป่าไม้ พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ ได้ทำการทดลองปลูกสวนสักเมื่อปี พ.ศ. 2449 ตามแบบที่พม่าใช้ได้ผลมาแล้วโดยวิธีหยอดเมล็ดลงหลุมและอาศัยความร่วมมือจากชาวไร่ เมื่อการทดลองครั้งแรกได้ผลดี จึงได้มีการขยายการปลูกสร้างสวนป่าไม้สักเพิ่มขึ้นในระยะต่อมา

เกียรติประวัติ[แก้]

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ได้รับเกียรติจากนักพฤกษศาสตร์ต่างประเทศในการใช้ชื่อท่านตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ให้ถึง 6 ชนิดด้วยกัน

การดำเนินชีวิตและบั้นปลายชีวิต[แก้]

มหาอำมาตย์ตรีพระยาวันพฤกษ์พิจารณ์สมรสกับคุณหญิงขลิบ วันพฤกษ์พิจารณ์ (ขลิบ บุนนาค ธิดา เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค)[1] มีบุตรธิดา 3 คน คือ

  1. พลอากาศเอกสิทธิ เศวตศิลา (ถึงแก่อสัญกรรม)
  2. นางสมจิตต์ สกลคณารักษ์ (ถึงแก่กรรม)
  3. ร้อยตรีสนั่น เศวตศิลา (ถึงแก่กรรม)

นอกจากนี้พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ยังมีบุตรธิดากับภริยาอื่นอีก 12 คน รวมเป็น 15 คน

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตและซื่อตรงต่อหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง ไม่เป็นผู้มักใหญ๋ไฝ่สูง แม้จะได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยา มหาอำมาตย์โต๊ะทอง กาทองเป็นคนแรกในกรมป่าไม้ ก็มิได้มีฐานะร่ำรวยและไม่ได้รับตำแหน่งสูงสุดตามควร แต่ท่านก็มีความพอใจและสั่งสอนลูก ๆ ให้มีความซื่อสัตย์สุจริตและให้ทำความดีไว้เสมอ

พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อ พ.ศ. 2510 สิริอายุรวมได้ 87 ปี 10 เดือน

ยศและบรรดาศักดิ์[แก้]

  • 21 มิถุนายน พ.ศ. 2448 หลวงวันพฤกษ์พิจารณ์ ถือศักดินา ๖๐๐[2]
  • 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454 รองอำมาตย์เอก
  • 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 พระวันพฤกษ์พิจารณ์ ถือศักดินา ๘๐๐[3]
  • 19 ธันวาคม พ.ศ. 2460 พระยาวันพฤกษ์พิจารณ์ ถือศักดินา ๑๐๐๐[4]

เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-10-14. สืบค้นเมื่อ 2008-06-23.
  2. ส่งสัญญาบัตรขุนนางไปพระราชทาน[ลิงก์เสีย]
  3. เลื่อนและตั้งบรรดาศักดิ์
  4. พระราชทานบรรดาศักดิ์
  5. พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าฝ่ายหน้า (หน้า ๒๓๕๐)