ตำรวจอวกาศไชเดอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตำรวจอวกาศไชเดอร์
ประเภทTokusatsu
Superhero fiction
Science fiction
สร้างโดยToei
พัฒนาโดยShozo Uehara
เขียนโดยShozo Uehara (ตอนที่ 1-49)
กำกับโดยShinichiro Sawai
แสดงนำHiroshi Tsuburaya
Naomi Morinaga
บรรยายโดยTōru Ōhira
ดนตรีแก่นเรื่องเปิด"Space Sheriff Shaider" โดย Akira Kushida
ดนตรีแก่นเรื่องปิด"Hello! Shaider" โดย Akira Kushida
ผู้ประพันธ์เพลงMichiaki Watanabe
ประเทศแหล่งกำเนิดประเทศญี่ปุ่น
จำนวนตอน49
การผลิต
ความยาวตอน30 นาที
ออกอากาศ
เครือข่ายทีวีอาซาฮิคอร์เปอร์เรชัน
ออกอากาศ2 มีนาคม ค.ศ. 1984 (1984-03-02) –
8 มีนาคม ค.ศ. 1985 (1985-03-08)
ไชเดอร์

ตำรวจอวกาศไชเดอร์ (ญี่ปุ่น: 宇宙刑事シャイダーโรมาจิUchū Keiji Shaidā) เป็นซีรีส์เมทัลฮีโรลำดับที่ 3 และเป็นซีรีส์ชุดสุดท้ายของตำรวจอวกาศ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 1984 และสิ้นสุดออกอากาศเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 1985 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ทีวีอาซาฮี ออกอากาศทั้งหมด 49 ตอน และ ตอนพิเศษทางโรงภาพยนตร์อีก 2 ตอน

เรื่องย่อ[แก้]

หลังจากที่ชาลีบันได้ปราบกลุ่มอาชญากรรมอวกาศมาโดแล้วและได้ฟื้นฟูดาวต่างๆไว้หมดแล้วต่อมาแดนพิศวงฟูมะก็มาทำลายดวงดาวต่างๆทั้งหมดต่อมาดาวบาสคัดเลือกผู้ที่เป็นตำรวจอวกาศเพื่อให้ป้องกันโลกที่ฟูมะกำลังยึดครอง

ตัวละคร[แก้]

ตัวละครหลัก[แก้]

ไชเดอร์ / ซาวามุระ ได (沢村 大)

ตำรวจอวกาศฝึกหัดที่ได้รับเลือกไปประจำการยังดาวโลกเพื่อต่อกรกับฟูมะ แต่ในความเป็นจริงแล้วซาวามุระ ไดเป็นนักโบราณคดีชาวโลกที่หายสาบสูญไประหว่างสำรวจที่ราบสูงนาสคาและเดินทางต่อไปยังเกาะอีสเตอร์ เขาเป็นผู้ที่ค้นพบอักษรปริศนาของดาวบาร์ดในโบราณสถานลึกลับบนเกาะอีสเตอร์แต่ไม่ทันที่จะได้สำรวจก็ถูกระบบป้องกันของโบราณสถานเล่นงานจนสลบ ไดฟื้นคืนสติอีกครั้งบนดาวบาร์ดและถูกทาบทามให้เป็นตำรวจอวกาศ ส่วนชื่อไชเดอร์นั้น มาจากชื่อของนักรบในตำนานที่สามารถโค่นล้มฟูมะได้เมื่ออดีตกาลและตั้งกับกับไดโดยผู้บัญชาการคอม เมื่อไดจะเปลี่ยนร่างจะตะโกนว่า Shouketsu (焼結) ยานบาบิลอสที่ได้สัญญาณจะปล่อยพลังงานพลาสม่าบลูออกมาและประกอบเป็นคอมแบทสูทสีน้ำเงินให้กับตำรวจอวกาศไชเดอร์ ซาวามูระ ไดนั้นได้รับอิทธิพลเรื่องทฤษฎีมนุษย์อวกาศโบราณจากบิดาที่เสียไปจึงอยากจะเป็นนักโบราณคดีเพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของคุณพ่อแต่แล้วเขากลับกลายเป็นส่วนนึงของมัน สันนิษฐานได้ว่าไดอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเชื้อสายของนักรบไชเดอร์ ผู้เคยกำราบจักรพรรดิ์คุบิไรและทำลายอาณาจักรมูลงได้เมื่อ 12,000 ปีก่อน ทำให้การตัดสินระหว่างเขากับพวกฟูมะจะรู้ผลเมื่อเปิดโบราณสถานที่เขาได้ค้นพบก่อนจะเป็นตำรวจอวกาศก็เป็นได้

ไชเดอร์ (รุ่น 2) / คาราซุมะ ชู (烏丸 舟)

ตำรวจอวกาศหนุ่มที่รับตำแหน่งเป็นตำรวจอวกาศไชเดอร์คนใหม่ ไม่มีข้อมูลเบื้องหลังมากนัก ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ตำรวจอวกาศเกียบัน เดอะ มูฟวี่ ในฐานะตำรวจอวกาศไชเดอร์และเป็นตำรวจอวกาศรุ่นพี่ของเงคิซึ่งถือว่าเป็นตำรวจอวกาศเต็มขั้นเช่นเดียวกับไค และเข้าร่วมการต่อสู้กับมาคูพร้อมกับไคอีกด้วย ส่วนในเนื้อหาของภาพยนตร์ ตำรวจอวกาศไชเดอร์ เดอะ เน็กซ์ เจเนเรชั่นนั้น ในระหว่างที่ทั่วกาแลคซี่กำลังวุ่นวายกับอาชญากรรมเลียนแบบอยู่นั้น ชูก็กำลังตามรอยของอาชญากรที่กำลังเป็นที่ต้องการตัวโดยพยายามจะกันไม่ให้แทมมี่ซึ่งเป็นคู่หูเข้ามามีส่วนร่วมแต่เนื่องจากชูนั้นมีนิสัยค่อนข้างจะเจ้าชู้ชอบตามหลีสาวสวยๆอีกทั้งยังทำตัวมีลับลมคมนัยทำให้แทมมี่ตามเข้าไปอาละวาดจนผู้ต้องสงสัยไหวตัวทันหลบหนีไปพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโต การไล่ล่าคนร้ายของชูจึงเกิดขึ้นไปพร้อมกับการตามอาละวาดของแทมมี่และดำเนินไปอย่างป่วนมันส์ฮาจนได้รู้ว่าผู้ต้องสงสัยนั้นคือ ปีศาจพิศวงพิตะพิตะ ในระหว่างต่อสู้แทมมี่เข้าไปตรวจสอบกระเป๋าเดินทางใบนั้นจนพบกันเด็กสาวม.ปลายถูกมัดอย่างแน่นหนาและยัดไว้ในกระเป๋าเดินทางนั่นเองทำให้แทมมี่ยิ่งอาละวาดใส่ชูเนื่องจากความหึงหวงซึ่งตัวชูก็ยังต้องแปลกใจเพราะการที่เขาตามล่าตัวพิตะพิตะนั้นเนื่องจากคดีอื่นแต่ดันมาเจอสาวสวยแทน ในจังหวะที่กำลังเผลอกันอยู่นั้นเองพิตะพิตะก็ใช้เจลพิศวงหวังให้ชูกับแทมมี่ตัวติดกันแต่ดันยิงพลาดไปโดนชูกับสาวน้อยลึกลับแทนและด้วยเหตุนี้เองชูก็ไม่สามารถแปลงร่างได้เพราะอาจทำให้สาวน้อยบาดเจ็บจากกระบวนการทั้งคู่จึงตกเป็นเชลยของพิตะพิตะต้องลากตัวไปพร้อมกันอย่างช่วยไม่ได้เพราะพิตะพิตะก็แก้ไขผลของเจลพิศวงเองไม่ได้ เหตุผลจริงๆที่ชูตามล่าพิตะพิตะนั้นเนื่องมาจากคดีเก่าที่พิตะพิตะหรือชื่อจริงคือ "ชาวดาวกีซ่า วาช" ได้ลักลอบขนส่งมิซไซล์ทำลายดวงดาวไปกับยานไดดาลอสเป็นผลให้ดาวบ้านเกิดของแทมมี่ "ดาวอุทูรุสซ่า" พินาศสิ้นทั้งดวงดาว ชูจึงเกรงว่าหากแทมมี่มายุ่งเกี่ยวกับคดีนี้จะทำให้มีผลต่อการสืบสวนแต่เรื่องยิ่งวุ่นเข้าไปอีกเพราะการที่พิตะพิตะซ้อมชูระหว่างตกเป็นเชลยนั้นอาการบาดเจ็บก็ส่งผลไปยังสาวน้อยที่ตัวติดกันด้วยจึงต้องรีบพาไปหาหมออย่างเร่งด่วน ในระหว่างนั้นเองแทมมี่ที่ตรวจสอบตัวตนของสาวลึกลับนั้นก็ทราบว่าเธอคือลูกสาวของผบ.นิโคลัส กอร์ดอน นาม "ฮิลด้า กอร์ดอน" จึงรีบแจ้งไปยังเลขาเอลิน่าแต่ก่อนหน้านั้นมีคำขู่จากนักบวชโพส่งไปยังผบ.ก่อนแล้วจึงมีการสั่งระงับการสืบสวนเกี่ยวกับเฮอเรอร์เกิร์ลแก่เกียบันเพราะเกรงว่าฮิลด้าจะเป็นอันตรายและให้ปิดเรื่องทั้งหมดเป็นการลับสุดยอดทำให้เลขาเอลิน่าเข้าใจว่าเกียบันไปบอกเรื่องนี้กับไชเดอร์ส่งผลให้เกียบันถูกควบคุมตัวซะอีกและถูกชาลีบันช่วยเหลือพาหนีออกมาได้ในภายหลังและทั้งคู่ก็ออกสืบสวนเรื่องของเฮอเรอร์เกิร์ลต่อกันเอง อีกด้านนึงชูที่พาฮิลด้าไปหาหมอซึ่งก็คืออดีตตำรวจอวกาศหญิงแอนนี่และผู้ช่วยของไชเดอร์คนแรกทำการรักษาโดยเอาเจลพิศวงออกให้และยังสอนให้ชูเรียนรู้ที่จะไว้ใจคู่หูให้มากกว่านี้เช่นเดียวกับที่ไดหรือไชเดอร์คนแรกเชื่อมั่นในตัวเธอ หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายจนการไล่ล่าพิตะพิตะมาถึงจุดตึงเครียดเพราะพิตะพิตะใช้สารกระตุ้นยิงใส่แทมมี่จนอาละวาดเล่นงานทั้งพวกสมุนมิลาคูร่าไม่เว้นแม้แต่ไชเดอร์ทำให้ต้องมีการสงบอารมณ์โกรธของแทมมี่ด้วยวิธีการนึงส่วนจะเป็นวิธีใดนั้นโปรดติดตามในภาพยนตร์ จากนั้นไชเดอร์และแทมมี่ก็ตามจับกุมพิตะพิตะและช่วยฮิลด้าไว้ได้แต่เรื่องก็ยังไม่จบเพราะจริงๆแล้วฮิลด้าคือผู้อยู่เบื้องหลังการก่ออาชญากรรมเลียนแบบทั่วกาแลคซี่โดยเกียบันกับชาลีบันได้ค้นพบหลักฐานและเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดจนไขคดีได้ ฮิลด้านั้นเป็นอัจฉริยะที่มีสติปัญญาสูงจนจบปริญญาหลากสาขาตั้งแต่อายุ 14 ปีเท่านั้น เธอแอบแฮคคอมพิวเตอร์ของผบ.นิโคลัสและค้นข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรร้ายทั้งสามในอดีตและเกิดนึกสนุกจึงได้สร้างโปรแกรมล้างสมองผ่านเวปไซต์ "ห้องของเฮอเรอร์เกิร์ล" ส่งผลให้ผู้เข้าชมถูกล้างสมองจนคิดไปเองว่าตนเป็นอาชญากรขององค์กรร้ายและก่อคดีมากมายอีกทั้งผลที่ได้ยังแตกต่างไปในแต่ละคนจึงมีมนุษย์และมนุษย์ต่างดาวจำนวนมากตกเป็นหุ่นเชิดไปโดยไม่รู้ตัว เหตุผลของฮิลด้าก็คือให้คนเหล่านั้นไปก่ออาชญากรรมและถูกตำรวจอวกาศตามจับกุมและถูกจัดการไปเพื่อเธอจะได้นั่งดูอย่างสนุกสนานแต่เพราะการสืบสวนของเกียบันเริ่มรุกไล่เข้ามาเกือบจะถึงตัว เธอจึงไปบอกผบ.นิโคลัสผู้เป็นพ่อให้ช่วยฝ่ายผบ.เองก็ตกใจและอยากจะปกปิดเรื่องนี้จึงจัดฉากสวมรอยเป็นนักบวชโพและจ้างวาชที่กลายเป็นปีศาจพิศวงไปแล้วเพื่อลักลอบพาตัวฮิลด้ามายังดาวบาร์ดแต่ถูกไชเดอร์ขัดขวางซะก่อนทำให้ความแตก ฮิลด้าจึงใช้สวิตช์ที่สร้างบรรยากาศชั่วร้ายหวังจะหลบหนีแต่ดันไปเปิดใช้ใกล้เตาปฏิกรณ์ของสำนักงานตำรวจทางช้างเผือกทำให้มันกลายเป็นบรรยากาศชั่วร้ายที่ทรงพลังกว่าแบล็คโฮลจนดูดฮิลด้าเข้าไปซะเอง ตำรวจอวกาศทั้งสามจึงต้องออกโรงแก้ไขเพื่อจับกุมฮิลด้าและปิดคดีอาชญากรรมเลียนแบบนี้ให้จงได้

แอนนี่ (アニー)

คู่หูของได มีความสามารถในการต่อสู้เทียบเท่ากับได คอยช่วยเหลือไดในทุกๆเรื่อง แอนนี่มีความแค้นต่อฟูมะเนื่องจากดาวเมาท์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอถูกฟูมะทำลายล้างจนสูญสิ้นทั้งดวงดาว เธอจึงขอติดตามไดเพื่อมาประจำการบนโลกด้วยความแค้นฟังใจต่อฟูมะ ในซีรีส์นี้เราจะได้เห็นตำรวจอวกาศหญิงเป็นมากกว่าผู้ช่วย เพราะนอกจากจะขับรถมาสด้า RX-7 สีเหลืองลาดตระเวณร่วมกับไดแล้วเธอยังร่วมวงต่อสู้กับพวกฟูมะได้อย่างไม่เกรงกลัวด้วยปืนเลเซอร์ระยะไกลของตำรวจอวกาศ ในช่วงตอนพิเศษรวมมิตรของสามตำรวจอวกาศเราได้รับการบอกเล่าว่าแอนนี่ผันตัวไปเป็นนักโบราณคดีสำรวจซากอารยธรรมของอียิปต์โบราณ ส่วนในเนื้อหาของตำรวจอวกาศ เดอะ เนกซ์ เจเนเรชั่น เราจะได้เห็นอดีตตำรวจอวกาศหญิงแอนนี่ไปเปิดคลีนิคแพทย์ทางเลือก (มีโปสเตอร์ให้ความรู้ในคลีนิคกับป้ายร้านเป็นภาษาไทยด้วยนะ) หลังจากผันตัวจากนักโบราณคดีไปเป็นแพทย์อาสาในสงคราม ก่อนจะมาเปิดคลีนิครักษาคนไข้ทุกประเภทและสอนคาราซุมะ ชูถึงการไว้ใจในตัวคู่หู

แทมมี่ (タミー)

คู่หูของชู เป็นเด็กสาวทรงพลังที่มีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรงเพราะเธอเป็นชาวดาวอูทูรุทซ่าซึ่งล่มสลายไปในเหตุการณ์มิซไซส์ระเบิดดาวบนยานไดดาลอส ชาวอูทูรุทซ่าเมื่อโกรธขึ้นมาจะกลายเป็นพวกบ้าเลือดชอบการฆ่าฟันทำให้เมื่อชูตามคดีของนักลักลอบของเถื่อนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นจึงไม่ยอมให้แทมมี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสืบสวนเพราะกลัวเธอจะสติแตก

ตัวละครอื่นๆ[แก้]

ผู้บัญชาการคอม (コム長官)
ผู้บัญชาการของตำรวจอวกาศ เป็นผู้คัดเลือกไดให้เป็นไชเดอร์และคอยให้คำปรึกษาเหมือนตำรวจอวกาศรุ่นก่อนๆ
มารีน (マリーン)
เลขาธิการของผู้บัญชาการคอม
มีมี่ (ミミー)
ลูกสาวของผู้บัญชาการคอม ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียนตำรวจอวกาศ ภายหลังได้แต่งงานกับเร็ตซึ
เกียบัน / อิจิโจจิ เร็ตซึ (一条寺 烈)
ตำรวจอวกาศรุ่นพี่ ในปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นกัปตันแห่งสมาพันธ์ตำรวจอวกาศ ช่วยเหลือไชเดอร์โดยรับมือกับการโจมตีของฟูมะโดยปรากฏเป็นฟุตเทจสั้นๆกับภาพประกอบการบรรยาย ภายหลังจากการต่อสู้กับฟูมะ ได้แต่งงานกับมีมี่
ชาลีบัน / อิกะ เดน (伊賀電)
ตำรวจอวกาศรุ่นพี่ ช่วยรับมือกับการโจมตีอย่างหนักของฟูมะในช่วงท้ายของซีรีส์ปรากฏตัวเป็นฟุตเทจสั้นๆและภาพประกอบการบรรยายเช่นเดียวกันกับเกียบัน
โอยามะ โคจิโร่ (大山小次郎)
อดีตนักเขียนเกี่ยวกับ UFO และเคยเป็นผู้ช่วยของตำรวจอวกาศในอดีตโดยโคจิโร่เปิดกิจการร้ายขายสัตว์เลี้ยงชื่อ Monkey Pet Shop แต่ก็ไม่เคยทิ้งความสนใจเกี่ยวกับ UFO และมนุษย์ต่างดาวลงเลย
โฮชิโนะ สึกิโกะ (星野月子)

ปรากฏตัวในฐานะผู้ช่วยของผู้บัญชาการคอมเช่นเดียวกับมารีน

อูล (ウル)

มนุษย์ต่างดาวหน้าคล้ายกระรอกหรือแมวเป็นตำรวจอวกาศฝึกหัดเช่นเดียวกับได ได้รับการบอกเล่าว่าเสียชีวิตในการต่อสู้กับฟูมะในช่วงท้ายของซีรีส์

คิทส์ (キッツ)

มนุษย์ต่างดาวหน้านกหรือไก่ที่เป็นตำรวจอวกาศฝึกหัดเช่นเดียวกับได เสียชีวิตในการต่อสู้กับฟูมะในช่วงท้ายของซีรีส์เช่นเดียวกับอูล

วิเวียน (ビビアン)

นักข่าวสาวฝึกหัดชาวบาร์ดที่หนีออกจากบ้านมายังโลกเพื่อทำสกู๊ปเด็ดเกี่ยวกับตำรวจอวกาศ ปรากฏตัวในตอนที่ 41

อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆของไชเดอร์[แก้]

วิดีโอบีมกัน ปีนประจำตัวของไชเดอร์
เลเชอร์เบลด ดาบประจำตัวของไชเดอร์
เลเชอร์ช็อด

ยานพาหนะต่างๆของไชเดอร์[แก้]

ยานรบอวกาศข้ามมิติบาบีลอส (バビロス) ยานแม่ของไชเดอร์ทำหน้าที่ส่งชุดของไชเดอร์และเป็นฐานทัพรวมไปถึงเป็นยานรบมี "บาบิลอสบีม" เป็นอาวุธ
  • แบทเทิลฟอร์เมชัน บาบีลอสรูปแบบหุ่นยนต์ที่สามารถควบคุมด้วยเสียง มีอาวุธคือ "บาบิลอส มิซไซส์" จากหน้าอก "บาบิลอสบีม" จากปลายนิ้วทั้งสิบ และ "บาบิลอสไฟร์" จากแผงตรงหน้าอก
  • ชูตติงฟอร์เมชัน บาบีลอสรูปแบบปีนขนาดยักษ์โดยไชเดอร์ใช้พลังจิตในการยิงปืนลำแสง "บิ๊กแมกนั่ม"
บลูฮอว์ค (ブルホーク)

มอเตอร์ไซค์ของไชเดอร์ทำหน้าที่ในการพาไชเดอร์เข้ามิติพิศวง สามารถกางปีกบินบนฟ้าได้และติดตั้งปืนจรวดและปืนเลเซอร์เอาไว้ด้วย

ไชอัน (シャイアン)

รถถังอวกาศสามารถใช้งานได้ทั้งบนฟ้าและพื้นดินสามารถแยกส่วนได้เป็น 2 ส่วนคือ

  • สกายไชอัน (スカイ シャイアン)

ส่วนบนที่ถอดออกมาของไชแอนในรูปของเครื่องบินขับไล่ซึ่งสามารถควบคุมระยะไกลได้

  • แบทเทิลไชอัน (バトル シャイアン)

ส่วนล่างที่ถอดออกมาของไชแอนโดยมีสว่านขนาดใหญ่โผล่ออกมาใช้เพื่อทะลวงฐานทัพของฟูมะ มีจรวดมิซไซส์ขนาดใหญ่เป็นอาวุธ

Savanna RX-7 รถจิ๊บของไดทำหน้าที่ลาดตระเวณตรวจตราตามปกติ

ฟูมะ[แก้]

แดนพิศวงฟูมะ (不思議界フーマ) เป็นอารยธรรมจากแดนพิศวงซึ่งมีฐานทัพเป็นพีระมิดคล้ายกับของมายันเรียกว่า "ตำหนักพิศวง" ซึ่งซ่อนตัวอยู่ในช่องว่างของมิติที่มีอุณหภูมิกว่า 6,000 องศาเซลเซียส มีผู้นำคือ "จอมจักรพรรดิ์คุบิไร" ซึ่งมีสถานะดั่งเทพเจ้ามุ่งหมายครอบครองจักรวาลในสารพัดวิธีโดยคราวนี้มีเป้าหมายสร้างอาณาจักรมูที่สองขึ้นบนดาวโลก พวกฟูมะสามารถสร้างมิติพิศวงขึ้นมาได้ด้วยพลังของจักรพรรดิ์คุบิไรและนักบวชโพเพื่อเพิ่มพลังชั่วร้ายให้แก่เหล่าปีศาจพิศวง

จอมจักรพรรดิ์คุบิไร (大帝王クビライ)

จอมปีศาจสามตาผู้นำของฟูมะ อดีตผู้ปกครองของอาณาจักรมูเมื่อ 12,000 ปีก่อนแต่ถูกนักรบผู้กล้าปราบลงได้โดยตัดส่วนหัวกับร่างกายของคุบิไรให้แยกจากกัน จึงทำให้คุบิไรอยู่ในสภาพที่มีแต่หัวของปีศาจสามตาขนาดใหญ่บนผนังในห้องโถงของตำหนักพิศวงเท่านั้นและคอยคายไข่ออกทางปากเพื่อสร้างสัตว์ประหลาดพิศวงต่อไป แม้ส่วนหัวจะหนีไปได้แต่นักรบก็จองจำร่างที่เหลือของคุบิไรเอาไว้ในโบราณสถานบนเกาะอีสเตอร์พร้อมทั้งหลงเหลือวิธีปราบคุบิไรอย่างสิ้นซากให้แก่ลูกหลานต่อไป คุบิไรนั้นเมื่อเดินทางมาเพื่อยึดครองโลกแล้วถูกขัดขวางโดยตำรวจอวกาศไชเดอร์ก็บังเกิดความรู้สึกทั้งเกลียดชังทั้งหวาดกลัวต่อไชเดอร์เพราะในอดีตนั้นเขาถูกกำราบโดยนักรบผู้กล้าจากอวกาศซึ่งมีชื่อเดียวกันทำให้คุบิไรวิตกว่าตำรวจอวกาศไชเดอร์อาจจะเป็นนักรบผู้นั้นที่กลับชาติมาเกิดก็เป็นได้ ยิ่งเมื่อมีการค้นพบสุสานของนักรบไชเดอร์ก็ยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่คุบิไรจนเร่งรัดเหล่าสมุนให้กำจัดไชเดอร์โดยเร็ว ช่วงท้ายของซีรีส์เป็นช่วงที่คุบิไรมีอายุครบรอบหนึ่งล้านปีพอดีเนื่องในโอกาสนี้พวกฟูมะจึงกระจายกำลังบุกโจมตีดวงดาวต่างๆอย่างรุนแรงหนักหน่วงยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา ทำให้ฝ่ายผู้บัญชาการคอมแห่งตำรวจอวกาศออกคำสั่งแก่ไชเดอร์ให้หาทางเปิดโบราณสถานบนเกาะอีสเตอร์เพื่อหาทางปราบคุบิไรลงให้ได้ ฝ่ายฟูมะเองก็พยายามจะขัดขวางจนการต่อสู้รุนแรงขึ้นเกือบถึงจุดแตกหักเมื่อไชเดอร์เปิดโบราณสถานได้ในตอนที่ 47 และค้นพบร่างกายท่อนล่างของคุบิไรที่ยังมีชีวิตอยู่ในความมืดมาถึง 12,000 ปีและด้วยความแค้นที่อัดอั้นมาตลอดก็เกิดการต่อสู้ขึ้น ในที่สุดไชเดอร์ก็ทำลายร่างกายส่วนนี้ของคุบิไรลงได้แต่ก็ถูกนักบวชโพซ้อนกลขังไว้ในโบราณสถานซะเอง ไชเดอร์สำรวจโบราณสถานจึงค้นพบภาพจารึกที่บอกถึงวิธีกำจัดคุบิไรให้สิ้นซากด้วยการทำลายตาที่สามกลางหน้าผากของคุบิไรซะ นอกจากนี้ไชเดอร์ยังค้นพบยานบลูฮอร์คต้นแบบของนักรบไชเดอร์ที่ไม่เพียงพาเขาหนีออกจากโบราณสถานได้เท่านั้นยังพาเขาบุกเข้าถึงตำหนักพิศวงเพื่อทำศึกตัดสินครั้งสุดท้ายกับคุบิไร ฝ่ายคุบิไรจึงเผยร่างกายใหม่ที่ซ่อนเอาไว้ในรูปลักษณ์ของหุ่นยนต์ที่มีรยางค์สีทองขนาดใหญ่เอามาใช้สู้แทนร่างกายที่ถูกนักรบไชเดอร์ตัดออกไปในครั้งอดีต การต่อสู้อย่างยากลำบากจบลงเมื่อไชเดอร์แทงดวงตาที่สามของคุบิไรและปิดฉากด้วย "ไชเดอร์บลูแฟลช" สังหารจอมจักรพรรดิ์คุบิไรลงได้ ฟูมะที่กระจายกำลังอยู่ทั่วกาแลคซี่ประกาศวางอาวุธยอมจำนนและล่มสลายลงทำให้กาแลคซี่กลับมาสงบสุขดังเดิม

นักบวชโพ (神官ポー)

นักบวชของฟูมะมีร่างกายเป็นหญิงแต่น้ำเสียงกลับเป็นผู้ชายมีความสามารถส่งสัตว์ประหลาดพิศวงเข้าสู่มิติพิศวงโดยโพเป็นหลานของคุบิไรที่ช่วยเอาไว้ได้หลังจากที่นักรบไชเดอร์ตัดศีรษะของคุบิไรออกจากตัวและสังหารลูกของคุบิไร จักรพรรดิ์รามูพร้อมกับมเหสีและทำลายอาณาจักรมูลงได้ หลังจากนั้นนักบวชโพก็เป็นดั่งเสนาธิการคอยบัญชาการและวางกลยุทธ์ต่างๆในการครองโลก แม้จะดูเป็นนักบวชกริยานุ่มนิ่มแต่นักบวชโพกลับมีความสามารถในการต่อสู้สูงมากพอๆกับเวทมนตร์ที่ร้ายกาจจนไชเดอร์เองยังลำบากมาหลายครั้งในการเผชิญหน้ากับนักบวชโพ ภายใต้รูปโฉมอันงดงามของนักบวชโพนั้นกลับเป็นปีศาจหน้าตาหน้าเกลียดหากนักบวชโพไม่ได้สูบพลังชีวิตของหญิงสาวมาจะทำให้เขามีรูปโฉมอัปลักษณ์ ในตอนสุดท้ายที่คุบิไรถูกไชเดอร์สังหารลงได้ นักบวชโพซึ่งสูญเสียพลังจากคุบิไรจึงกลับไปเป็นปีศาจอัปลักษณ์และหายสาบสูญไปพร้อมกับความพินาศของตำหนักพิศวง (เกร็ดเล็กน้อย แม้นักบวชโพจะแต่งหน้าและสวมเสื้อผ้าแบบผู้หญิงแต่ดาราที่รับบทนั้นเป็นผู้ชายคือคุณ โยชิดะ จุน ซึ่งแม้จะเป็นฉากที่นักบวชโพปลอมตัวออกมาภายนอกตำหนักพิศวงคุณโยชิดะก็ยังใส่หน้าอกปลอมและแต่งหน้าแบบผู้หญิงอีกด้วย)

จอมทัพเฮสเลอร์ (へスラー指揮官)

นักดาบผู้สวมเกราะสีดำทำหน้าที่บัญชาการรบภาคสนามและปะทะกับไชเดอร์บ่อยครั้ง ด้วยคำสั่งว่า "ลงทัณฑ์" เสมอๆ เฮสเลอร์มีน้องชายชื่อฮิมลี่ (ヒムリー) เป็นนักรบที่สามารถควบคุมแมงมุมพิษได้ ปรากฏตัวในตอนที่ 28 สามารถเล่นงานไชเดอร์จนเจ็บหนักจนได้รับบำเหน็จรางวัลอย่างงามจากทั้งคุบิไรและนักบวชโพจนเฮสเลอร์เกิดความระแวงว่าน้องชายจะมาแย่งตำแหน่งจึงทำอุบายเล่นงานน้องชายและปล่อยให้ตายเพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้ หลังการบุกโจมตีครั้งใหญ่ในช่วงท้ายเฮสเลอร์พร้อมด้วยเกิร์ล 3 สะกดรอยตามไชเดอร์ไปยังโบราณสถานบนเกาะอีสเตอร์เพื่อขัดขวางการเปิดโบราณสถานนั้นและเข้าปะทะกับไชเดอร์ในมิติพิศวงจนเสียชีวิตในตอนที่ 45

กองทัพเกิร์ล (ギャル軍団) กองกำลังนักรบหญิงที่ได้รับการฝึกแบบคุโนอิชิหรือนินจาหญิงประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 5 คน ได้แก่
เกิร์ล 1 (ギャル1) หัวหน้าทีมกองทัพเกิร์ลในชุดสีดำเสมือนมือขวาของจอมทัพเฮสเลอร์ ในช่วงการบุกโจมตีครั้งใหญ่ในตอนที่ 44 เกิร์ล 1 อาสาออกไปปราบไชเดอร์และแอนนี่โดยยอมผ่าตัดดัดแปลงจนกลายเป็นไซบอร์กต่อสู้แม้จะถูกไชเดอร์ทำลายร่างกายจักรกลไปแต่ด้วยหัวใจเทียมที่ลงอาคมของนักบวชโพทำให้เกิร์ล 1 กลายเป็นวิญญาณลอบขึ้นยานบาบิลอสหวังวินาศกรรมแต่ก็ถูกไชเดอร์ทำลายหัวใจเทียมในการต่อสู้ที่มิติพิศวง
เกิร์ล 2 (ギャル2) สมาชิกกองทัพเกิร์ลในชุดสีม่วงยอมผ่าตัดเพิ่มพลังในตอนที่ 46 ร่วมกับนักบวชโพเพื่อกำจัดไชเดอร์และยอมมอบพลังชีวิตที่เหลือให้กับคุบิไรในศึกสุดท้ายในตอนที่ 48
เกิร์ล 3 (ギャル3) สมาชิกกองทัพเกิร์ลในชุดสีแดงติดตามเฮสเลอร์เพื่อสะกดรอยตามไชเดอร์ไปยังเกาะอีสเตอร์ในตอนที่ 45 และใช้วิธีระเบิดตัวเองหวังกำจัดไชเดอร์
เกิร์ล 4 (ギャル4) สมาชิกกองทัพเกิร์ลในชุดสีเขียวผ่าตัดเพิ่มพลังในตอนที่ 46 เช่นเดียวกันกับเกิร์ล 2 และเกิร์ล 5 และยอมมอบพลังชีวิตที่เหลือให้กับคุบิไรกลืนกินพร้อมกับเกิร์ล 2 และเกิร์ล 5ในร่างของผีเสื้อสีทองในศึกสุดท้ายในตอนที่ 48
เกิร์ล 5 (ギャル5) สมาชิกกองทัพเกิร์ลในชุดสีชมพูผ่าตัดเพิ่มพลังในตอนที่ 46 เช่นเดียวกันกับเกิร์ล 2 และเกิร์ล 4 และยอมมอบพลังชีวิตที่เหลือให้กับคุบิไรกลืนกินพร้อมกับเกิร์ล 2 และเกิร์ล 4 เพื่อใช้สู้กับไชเดอร์ในศึกสุดท้ายในตอนที่ 48
สัตว์ร้าย (珍獣)

ปีศาระดับล่างที่คอยอยู่ใกล้คุบิไรในห้องโถงของตำหนักพิศวงและออกปฏิบัติงานภาคสนามเป็นครั้งคราวประกอบด้วย ปีศาจคล้ายเด็กตัวเขียว ยาดะ (ヤーダ), ปีศาจงวงช้างสีเทา โนซซึริ (ノッソリ), ปีศาจแมลงร้องเพลง ชินกิน (歌うたいのシンギン), ปีศาจพุงป่อง กาคิ (腹ペコのガーキ), ปีศาจครึ่งตัวบน มงคุ (上半身のモンク) และปีศาจตาเดียว อายดะ (一つ目のアイーダ) ทั้งหมดหายสาปสูญไม่ทราบชะตากรรมพร้อมกับนักบวชโพหลังคุบิไรสิ้นชีพ

สัตว์ประหลาดพิศวง (不思議獣)[แก้]

สัตว์ประหลาดพิศวงของฟูม่านั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่สร้างขึ้นมาจากการคายไข่ที่สะสมเอาไว้ออกมาทางปากของจอมจักรพรรดิ์คุบิไรแล้วให้นักบวชโพทำพิธีฟักโดยส่งไข่ที่มีขนาดประมาณไข่มุกใบใหญ่ลงไปชุบในบ่อฟักที่เรียกว่า "ทะเลพิศวง" จนออกมาเป็นไข่ใบใหญ่ จากนั้นคุบิไรก็จะยิงแสงจากดวงตาใส่เพื่อฟักออกมาเป็นตัวของสัตว์ประหลาดพิศวง ชื่อของสัตว์ประหลาดพิศวงมักจะเป็นการซ้ำพยางค์กับชื่อต้นๆ สัตว์ประหลาดพิศวงในซีรีส์ ได้แก่

  1. บาริ บาริ (ตอนที่1) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวแรกที่ถูกส่งไปจัดการกับไชเดอร์หลังฟูม่าถูกไชเดอร์ขัดขวางแผนการส่งคลื่นพิศวงผ่านการออกอากาศทางวิทยุ บาริ บาริ มีหน้าตาคล้ายหน้ากากปีศาจ "บารง" ของบาหลี มีหอกเป็นอาวุธและสามารถแปลงเป็นลูกบอลกลิ้งใส่ได้
  2. เพโตะ เพโตะ (ตอนที่2) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างเหมือนสุนัขแต่มีดวงตาขนาดใหญ่อยู่ตรงหัวไหล่ซึ่งสามารถยิงออกไปได้ จำแลงร่างเป็นคนแคระเป่าทรัมเปตในคณะละครสัตว์ซึ่งคนในคณะก็คือเหล่าสัตว์ร้ายแปลงตัวมาเพื่อแพร่เชื้อไวรัสที่ทำให้เหล่าสัตว์เลี้ยงบ้าคลั่งทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเพลงพิศวง มีบูมเมอแรงและง้าวด้ามยาวเป็นอาวุธ
  3. กิรุ กิรุ (ตอนที่3) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างพิลึกที่ถูกส่งมาพร้อมกับสัตว์ร้ายตนอื่นแล้วแปลงร่างเป็นครอบครัวของแอนนี่พร้อมล่อลวงแอนนี่ให้ไปรับละอองเกสรดอกไม้พิษที่มีฤทธิ์หลอนประสาทเพื่อให้แอนนี่เข้าโจมตีไชเดอร์ มีขวานด้ามยาวที่ปล่อยระเบิดได้เป็นอาวุธและมีงวงบนหัวช่วยโจมตีได้
  4. เมโล เมโล (ตอนที่4) สัตว์ประหลาดพิศวงที่แปลงเป็นแม่มดแก่ไปล่อลวงเด็กๆโดยใช้เวทมนตร์แปลงร่างเด็กให้เป็นสัตว์แบบหลอกๆ จากนั้นก็ลักพาตัวไปเพื่อดัดแปลงเด็กให้เป็นสัตว์ไปจริงๆทั้งร่างกายทั้งจิตใจ มีไม้เท้าเป็นอาวุธและปล่อยผ้าคลุมไปโจมตีได้
  5. มุจิ มุจิ (ตอนที่5) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างเหมือนหนอนไหมขนาดยักษ์ที่ใช้ลัทธิแปลกๆบังหน้าแล้วพ่นใยกักขังเหล่าวัยรุ่นให้หมกตัวอยู่แต่ในรังไหมจนกว่าร่างจะกายเป็นมัมมี่ มีตุ้มคบไฟเป็นอาวุธ
  6. โกคุ โกคุ (ตอนที่6) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบกุ๊กที่มีอาหารแปะตามตัว ดำเนินแผนการปรุงสูตรอาหารพิศวงให้แก่เด็กที่อ่อนแอที่ทำให้เด็กกินเข้าไปมีพลังจิตเพื่อไปล้างแค้นเพื่อนที่เคยรังแก เคราะห์ดีที่ผลของมันอยู่ได้ไม่นาน มีมีดทำครัวกับส้อมยักษ์เป็นอาวุธ
  7. บาระ บาระ (ตอนที่7) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบสัตว์ผสมดอกกุหลาบ ถูกส่งไปช่วยกองทัพเกิร์ลกดดันครอบครัวของนักวิจัยเพื่อให้ส่งมอบผลการทดลองสัตว์ผสมกบ-กุหลาบ มีหอกเป็นอาวุธและสามารถปล่อยกลีบที่ครอบบริเวณหัวไปรัดศัตรูได้
  8. เคโระ เคโระ (ตอนที่8) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบตั๊กแตนตำข้าวที่มีหัวสองหัวโดยหัวเล็กด้านบนมีมืออีกสองข้างด้วย ถูกส่งไปร่วมกับจอมทัพเฮสเลอร์ในการจับตัวเด็กสาววัยรุ่นเกเรซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเจ้าหญิงแห่งดาวเพลอินซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีโทรจิตขั้นสูงโดยฟูม่าหวังจับตัวเจ้าหญิงเป็นตัวประกันเพื่อให้ดาวเพลอินตกเป็นทาสของฟูม่าตลอดไป เคโระ เคโระ มีคฑาปลายห่วงเป็นอาวุธ แม้จะถูกตัดหัวส่วนบนไปก็ยังไม่ตายทันที
  9. ทามุ ทามุ (ตอนที่9) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีกลอง 2 ใบตรงหน้าอก คอยดำเนินแผนการชักใยวงนักร้องวัยรุ่น "วงกุญแจสีฟ้า" ให้เป็นเครื่องมือมอมเมาเด็กให้ต่อต้านสังคม และยังส่งทามุ ทามุไปสะกดจิตนักวิชาการการศึกษาเพื่อให้สัมภาษณ์สื่อในทางลบเพื่อยุยงปลุกปั่นกระแสต่อต้านให้รุนแรงยิ่งขึ้น มีคฆาหัวคบไฟ (ดูคล้ายไม้กวาด) เป็นอาวุธและยังแยกร่างเป็นวงดนตรีติดอาวุธเล่นงานไชเดอร์ในมิติพิศวงอีกด้วย
  10. พะซุ พะซุ (ตอนที่10) สัตว์ประหลาดพิศวงที่แต่งกายราวบัณฑิตทรงภูมิมีหนังสือเล่มใหญ่บนหน้าอกและถือไม้คอนดักเตอร์คอยควบคุมเพลงพิศวงเพื่อล้างสมองเด็กให้พูดภาษาฟูม่าเพื่อให้ง่ายต่อการครอบงำให้อนาคต มีปากกาขนนกขนาดใหญ่ที่สามารถยิงกระสุนออกมาได้เป็นอาวุธ
  11. เกโตะ เกโตะ (ตอนที่11) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างคล้ายตำรวจที่สามารถอ้าปากให้กลายเป็นประตูมิติเพื่อลักพาตัวเด็กอัจฉริยะเพื่อไปเสริมสร้างให้มีความสามารถเกินวัยจนกลับมาควบคุมวิทยากรทุกแขนงของญี่ปุ่นในอนาคต มีคฑาห้าแฉกที่สามารถยิงกระสุนออกมาได้เป็นอาวุธอีกทั้งยังสามารถขังศัตรูไว้ในบอลคริสหลายเหลี่ยมแล้วใช้การแยกร่างโจมตีได้
  12. โรโบะ โรโบะ (ตอนที่12) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบหุ่นแอนดรอยด์ ร่วมในแผนการส่งหุ่นแอนดรอยด์เลียนแบบที่ฟูม่านำออกขายในฐานะครูสอนพิเศษสำหรับเด็กที่ขี้เกียจทั้งการเรียนและการช่วยงานบ้าน แต่จริงๆแล้วเป็นการให้แอนดรอยด์ที่กลายร่างให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กต้นแบบไปเรียนแทนเพื่อทำคะแนนสูงๆหรือขยันทำงานบ้านเพื่อให้พ่อแม่รู้สึกเหนื่อยหน่ายกับลูกของตัวเองและทอดทิ้งเด็กเหล่านั้นและเลี้ยงแอนดรอยด์ไปแทน มีประแจขนาดใหญ่เป็นอาวุธและสามารถปล่อยมิซไซส์จากส่วนหัวได้ อีกทั้งยังแยกร่างเป็นนักรบเหล็กสามคนในมิติพิศวงได้อีกด้วย หลังโรโบะ โรโบะถูกทำลายหุ่นแอนดรอยด์ทั้งหมดก็ทำลายตัวเองตามไปด้วย
  13. โคโตะ โคโตะ (ตอนที่13) สัตว์ประหลาดพิศวงที่เป็นที่รวมของถ้วยรางวัลและอุปกรณ์ออกกำลังกายทั้งหลาย รับคำสั่งนักบวชโพให้ช่วยเหล่านักกีฬาที่เข้าร่วมกับฟูม่าในการกลั่นแกล้งนักกีฬาคู่แข่งคนอื่นให้พ้นทางเพื่อให้ตนเองได้เป็นที่หนึ่งเพื่อล่อลวงนักกีฬาเหล่านั้น มีอาวุธที่หลากหลายทั้งตุ้มเหล็ก ห่วงยิมนาสติก แท่งค้ำถ่อ และยิงจรวดจากมือได้
  14. กุริ กุริ (ตอนที่14) สัตว์ประหลาดพิศวงที่รับคำสั่งให้ออกตามหามิวแตนท์ที่มีความสามารถแยกสสารตัวเองแล้วรวมตัวกลับมาใหม่ได้เพื่อนำมาปรับใช้กับสัตว์ประหลาดพิศวง โดยเข้าสิงผู้หญิงที่กำลังถูกมิวแตนท์ติดตามเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ มีดาบเล่มใหญ่เป็นอาวุธและสามารถพ่นไฟได้
  15. กาเมะ กาเมะ (ตอนที่15) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบเต่าทะเลที่ออกตามล่าเด็กสาวชาวมารีนที่อพยพมายังโลกและพยายามจะตามจับ "โกทอทัส" เต่าทะเลที่มีพลังปกป้องทะเลเสมือนเทพพิทักษ์ของชาวมารีนเพื่อบังคับให้ตกเป็นทาส มีหอกสามง่ามที่ยิงกระสุนได้เป็นอาวุธและสามารถมุดทรายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
  16. โบเคะ โบเคะ (ตอนที่16) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างคล้ายกิ้งก่าที่ฟูม่าดัดแปลงมาเป็นพิเศษทั้งแข็งแกร่งและต้านเลเซอร์ได้เพื่อจัดการกับไชเดอร์โดยเฉพาะแต่เมื่อถูกแอนนี่ใช้เลเซอร์ ช๊อตโจมตีถูกที่หัวอย่างจังก็ถึงกับเพี้ยนและพาลหดตัวเล็กลงจนน่ารักและไปพบกับโคจิโร่โดยบังเอิญ ส่วนโคจิโร่ก็เข้าใจว่าโบเคะ โบเคะเป็นสัตว์ต่างดาวที่หลงทางจึงเก็บไปเลี้ยงทำให้ถูกฟูม่าตามล่าก่อนจะโดนฟูม่าฉีดฮอร์โมนพิศวงเข้าไปจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดพิศวงดังเดิม โบเคะ โบเคะเป็นสัตว์ประหลาดพิศวงตัวเดียวที่ไม่ใช้อาวุธใดๆในการต่อสู้เลยและในมิติพิศวงก็สามารถแยกร่างเป็นนักดาบสามคนได้
  17. กิริ กิริ (ตอนที่17) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีส่วนผสมของกรรมกรก่อสร้างกับมีรูปปั้นหินโมอายบนหัวถือพลั่วที่ยิงกระสุนได้เป็นอาวุธ ถูกส่งไปจับตัวศาสตราจารย์ด้านศิลปะเพื่อให้มาช่วยไขความลับของที่ราบสูงนาสคา กิริ กิริ สามารถถอดส่วนหัวที่เป็นโมอายแยกออกไปโจมตีได้และยังแยกร่างเป็นนักรบผีดิบสามตนรุมเล่นงานไชเดอร์ในมิติพิศวงได้อีกด้วย
  18. มู มู (ตอนที่18) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างคล้ายแมงมุมที่ถูกส่งไปจับตัวแอนนี่เป็นตัวประกันเพื่อให้ไชเดอร์บอกความลับเกี่ยวกับที่ราบสูงนาสคา เมื่อไชเดอร์ไม่บอกก็พยายามจะใช้อุปกรณ์อ่านความคิดกับไชเดอร์แต่ก็พลาดจึงต้องต่อสู้กับไชเดอร์ด้วยหอกสามง่ามที่ยิงกระสุนได้แต่ก็ถูกกำจัดไปก่อนจะได้รู้ความลับอะไรจากไชเดอร์
  19. มากุ มากุ (ตอนที่19) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีพลังแม่เหล็กแรงสูงซึ่งนักบวชโพสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อทำให้คอมแบทสูทของไชเดอร์รวนเพื่อหาทางกำจัดไชเดอร์ นอกจากจะมีหอกสามง่ามเป็นอาวุธแล้วยังปล่อยแม่เหล็กแรงสูงจากข้อมือออกมาได้จนไชเดอร์ต้องฝึกพิเศษโดยตัดสายน้ำตกให้ขาดเพื่อเอาชนะพลังแม่เหล็กจนสามารถกำจัด มากุ มากุ ลงได้ โดยการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปสู้กันในมิติพิศวง
  20. ชิกิ ชิกิ (ตอนที่20) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบพืชที่สามารถออกดอกไม้เพลงพิศวงออกมาได้ไม่จำกัด โดยดอกไม้นี้ปล่อยละอองเกสรที่ทำให้ผู้คนที่สัมผัสเกสรติด "โรคเพลงพิศวง" โดยในระหว่างที่เต้นรำไปตามจังหวะเพลงพิศวงผู้ป่วยจะค่อยๆสูญเสียสติกลายเป็นพวกชอบความรุนแรง ขาดเหตุผล โดยฟูม่าแพร่กระจายดอกไม้นี้ไปทั่วหวังก่อให้เกิดสงครามระดับโลกเลยทีเดียว มีหอกเป็นอาวุธและสามารถแปลงเป็นดอกไม้ขนาดใหญ่ที่ยิงกระสุนออกมาได้และยังสามารถแยกร่างเป็นคนป่าถือหอกสามคนรุมเล่นงานไชเดอร์อีกด้วย
  21. ซุริ ซุริ (ตอนที่21) สัตว์ประหลาดพิศวงที่จำแลงร่างเป็นช่างถ่ายรูปที่ใช้แสงแฟลชประหลาดที่มีฤทธิ์แทรกซึมความจำได้ตามต้องการเพื่อเปลี่ยนครอบครัวของมนุษย์ให้มีสัตว์ร้ายเข้าเป็นสมาชิกในครอบครัว ซูริ ซูริ มีไม้เท้าแล้วก็ก้านแฟลชเป็นอาวุธและยังแทรกซึมความทรงจำของแอนนี่ได้ครั้งนึงแต่ใช้กับไชเดอร์ที่แปลงร่างไม่ได้เพราะระบบป้องกันของคอมแบทสูท
  22. อุมิ อุมิ (ตอนที่22) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีรูปร่างเหมือนแมงกะพรุนผสมดาวทะเล ดำเนินแผนการจับเหล่าคนหนุ่มสาวมาเพื่อดัดแปลงเป็นพรายน้ำและนางเงือกพร้อมกับพรายน้ำดัดแปลงตัวแรก แต่สุดท้ายเมื่อถูกใช้ให้ไปเอาตัวน้องสาวตัวเองมาก็เริ่มขัดขืนจนถูกเฮสเลอร์ฆ่าตาย อุมิ อุมิ มีง้าวใหญ่เป็นอาวุธและในมิติพิศวงก็สามารถเรียกฉลามมาโจมตีและแยกร่างเป็นนักประดาน้ำสามคนรุมเล่นงานไชเดอร์
  23. กาซุ กาซุ (ตอนที่23) สัตว์ประหลาดพิศวงหน้าตาคล้ายยักษ์ถือตะบองติดโซ่เป็นอาวุธ สามารถพ่นแก๊สบาเรียที่ทำให้ไชเดอร์แปลงร่างไม่ได้เพื่อคุ้มกันฐานทัพลับสร้างปืนใหญ่เลเซอร์เพื่อถล่มบาบิลอส เข้าจู่โจมไชเดอร์พร้อมหน่วยเคมีที่พยายามจะชะโลมร่างของไชเดอร์ด้วยแก๊สบาเรียเพื่อรุมสังหารไชเดอร์ที่แปลงร่างไม่ได้ ในมิติพิศวงก็ยังพยายามจะพ่นแก๊สบาเรียเพื่อให้คอมแบทสูทเสื่อมสภาพโดยแยกร่างเป็นหน่วยเคมีที่มีทั้งเครื่องพ่นแก๊สและปืนเลเซอร์อีกด้วย
  24. เลิฟ เลิฟ (ตอนที่24) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างคล้ายหนูมีหูแหลมใส่เกราะสีแดงมีเคียวด้ามยาวเป็นอาวุธ จำแลงกายหลายรูปแบบทั้งคนขายของแร่ เจ้าของบาร์และคนเป่แซกโซโฟนเพื่อช่วยนักบวชโพล่อลวงเด็กสาวมาเป็นเหยื่อของนักบวชโพ รวมทั้งแอนนี่อีกด้วย
  25. ไซ ไซ (ตอนที่25) สัตว์ประหลาดพิศวงที่สามารถใช้พลังจิตได้ ปลอมตัวเป็นพ่อผู้พิการของเด็กสาวที่มีพลังจิตเพื่อชักใยให้เด็กสาวตั้งแก็งก์ของเด็กพลังจิตเพื่อมาเป็นกองกำลังให้ฟูม่าแต่แผนก็ล้มเหลวเมื่อไชเดอร์กับแอนนี่พบพ่อตัวจริงทำให้แผนแตก ไซ ไซ ใช้ตะบองเหล็กเป็นอาวุธบวกกับพลังจิตเคลื่อนย้ายของและการแปลงกายหลบหลีก
  26. คามิ คามิ (ตอนที่26) สัตว์ประหลาดพิศวงที่คอยสร้างภาพลวงตาและดำเนินแผนการล้างสมองคนในนิวทาว์นเพื่อให้มีจิตใจชั่วร้ายและตกเป็นทาสของฟูม่า มีหอกสามง่ามที่ยิงกระสุนได้เป็นอาวุธ
  27. เดธ เดธ (ตอนที่27) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบนักรบโบราณที่มีขนฟูสีเขียว จำแลงร่างเป็นผู้ปกครองของเกาะมรณะโดยร่วมกับสองอาชญากรที่เข้าร่วมกับฟูม่าและดัดแปลงเป็นไซบอร์กได้แก่ "กิลด้า" ชายผิวดำตัวใหญ่ที่มีแขนทั้งสองข้างเป็นเหล็กและหมัดอันทรงพลัง และ พญายมบิลลี่ ที่มีแส้เป็นอาวุธ จับตัวผู้มีความสามารถด้านการต่อสู้มาประลองกันเพื่อล่อไชเดอร์กับแอนนี่มาติดกับ เดธ เดธ มีดาบเล่มใหญ่เป็นอาวุธและขว้างระเบิดแสงออกมาได้
  28. อิโตะ อิโตะ (ตอนที่29) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีส่วนหัวเหมือนก้อนไหมพรมและมีหัวแกะที่ส่วนท้อง ดำเนินแผนการสร้างเส้นใยมีชีวิตเพื่อนำไปตัดเสื้อที่กระตุ้นให้ผู้สวมใส่มีนิสัยหยายช้า เหลือขอ มีหอกยาวที่มีกรรไกรตัดผ้าที่ส่วนปลายเป็นอาวุธ และยังแยกร่างออกมาเป็นนักรบผ้าไหมสามคนที่ชักใยผืนผ้าได้ราวใยแมงมุมอีกด้วย
  29. บูโย บูโย (ตอนที่30) สัตว์ประหลาดพิศวงหน้าตาเหมือนช้างที่ยืดงวงออกไปได้และมีหอกห้าแฉกที่ปล่อยแสงได้เป็นอาวุธ ร่วมดำเนินแผนการสร้างเครื่องย้ายมวลสารระหว่างดวงดาวและแปลงเป็นเต็นท์บ้านลมเพื่อลักพาตัวเด็กๆเพื่อส่งไปเป็นทาสยังดาวดวงอื่น ในตอนนี้ก็ไม่ได้เข้าไปต่อสู้ในมิติพิศวงอีกเช่นกัน
  30. ฟูมะ ฟูมะ (ตอนที่31) สัตว์ประหลาดพิศวงที่เกิดจากผลข้างเคียงที่จอมจักรพรรดิ์คุบิไรติดโรคหวัดทำให้จามอย่างรุนแรงจนสำรอกไข่พิศวงที่ยังไม่สมบูรณ์ออกมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากไม่สามารถฟักไข่เหล่านี้ได้พร้อมกันในทะเลพิศวง นักบวชโพจึงคิดแผนการนำไข่เหล่านั้นอัดกระป๋องและนำออกขายให้มนุษย์นำไปฟักโดยอ้างว่าเป็นสัตว์เลี้ยงพันธุ์ใหม่ในราคาถูก แรกๆฟูมะ ฟูมะที่ฟักออกมาโโยอุ่นในอุหภูมิ 40 องศาก็มีรูปลักษณ์ขนปุยน่ารักและเชื่องมากๆแต่เมื่อมีตัวจ่าฝูงที่ดุร้ายออกมาตัวอื่นๆก็พากันหนีออกจากบ้านและเริ่มมีนิสัยดุร้ายจนทำร้ายผู้คนไปตามๆกัน เมื่อไชเดอร์ออกปราบเหล่าฟูมะ ฟูมะก็ไปรวมตัวกันที่ไข่พิศวงใบใหญ่จนกลายเป็นสัตว์ประหลาดพิศวงฟูมะ ฟูมะตัวเต็มวัยที่มีหอกสามง่ามที่ปล่อยสายฟ้าได้เป็นอาวุธและในการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่ได้เข้ามิติพิศวงอีกเช่นกัน
  31. คาริ คาริ (ตอนที่ 32) สัตว์ประหลาดพิศวงที่มีหัวนกอินทรีย์สามหัวหมุนไปมาได้ ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือชาวดาวดาร์คซึ่งเป็นพันธมิตรของฟูม่าในการตามจับ "ออซม่า" เด็กชายชาวดาวคิวรีซึ่งมีพลังจิตเหนือมนุษย์ขั้นสูง คาริ คาริร่วมมือกับชาวดาร์คไล่ตามพวกออซม่าจนจัดการกับแอนดรอยด์คุ้มกันของออซม่าที่เรียกว่า "อันโดร" ลงได้และต่อสู้กับไชเดอร์ในตอนท้ายและถูกจัดการในมิติพิศวงอย่างรวดเร็ว
  32. เมะริ เมะริ (ตอนที่33) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปแบบหุ่นกระบอกที่จำแลงร่างเป็นนักเชิดหุ่นพร้อมกับตุ๊กตาเด็กผู้ชายตัวเล็กชื่อ "ซาบุโร่" เพื่อลักพาตัวเด็กเพื่อสะกดให้เป็นตุ๊กตาหุ่นเชิด โดยจับตัวแอนนี่เพื่อล่อไชเดอร์เข้ามายังกับดักตุ๊กตา มีดาบกับโล่ห์เป็นอาวุธ ในมิติพิศวงก็ยังแยกร่างเป็นตุ๊กตา สามตัวรุมเล่นงานไชเดอร์และรวมร่างจนสูงใหญ่แล้วพ่นกระสุนออกจากปากได้
  33. คาเงะ คาเงะ (ตอนที่34) สัตว์ประหลาดพิศวงที่จอมจักรพรรดิ์คุบิไรสร้างขึ้นมาเพื่อให้ไปถล่มไซด์ขุดที่เชื่อว่าเป็นสุสานของนักรบไชเดอร์เพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวกับนักรบไชเดอร์ในอดีตและความอับอายของคุบิไรที่เคยพ่ายแพ้ให้แก่นักรบไชเดอร์ที่อาจจะมีการบันทึกไว้ โดยคาเงะ คาเงะสามารถกลายร่างเป็นเจลเหนียวเหนอะเกาะยึดร่างของไชเดอร์เพื่อให้นักบวชโพจัดการกับไชเดอร์ได้อย่างสะดวก
  34. ดาริ ดาริ (ตอนที่35) สัตว์ประหลาดพิศวงรูปร่างคล้ายสิงโตมายันถูกสร้างขึ้นเพื่อสังหารไชเดอร์ซึ่งจักรพรรดิ์คุบิไรเริ่มหวาดระแวงไชเดอร์คนปัจจุบันก็คือนักรบไชเดอร์ที่กลับชาติมาเกิดใหม่เพื่อจัดการกับตนอีกครั้ง โดยใช้แผนจัดฉากว่าพ่อของไดยังมีชีวิตอยู่เพื่อล่อไชเดอร์ไปสู่กับดักที่จัดเตรียมศรทองแห่งความแค้นเพื่อปักหัวใจไชเดอร์โดยเฉพาะ ดาริ ดาริมีดาบเป็นอาวุธหลักแต่ก็ใช่ลูกศรขนาดใหญ่ขว้างใส่ได้อีกทั้งยังสามารถเรียกสมุนออกมาสองตัวเพื่อใช้ศรทองรุมเล่นงานไชเดอร์ในมิติพิศวงอีกด้วย
  35. คอน คอน (ตอนที่36) สัตว์ประหลาดพิศวงสมองกลที่สามารถสร้างคอมพิวเตอร์พิศวงที่เรียกว่า "ยูเมะคอน" หรือ "คอมในฝัน" ที่สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนคอมพิวเตอร์ทั่วไป อีกทั้งยังสามารถสร้างสิ่งที่ต้องการโดยการพิมพ์ลงไปแล้วสิ่งนั้นจะปรากฏออกมาได้แม้แต่เงินสดที่ไม่จำกัดเพื่อมอมเมาคนให้อยู่ในความสบายจนกลายเป็นตัวขี้เกียจไปในที่สุด มีจุดอ่อนอย่างเดียวก็คือคอน คอนสร้างคอมในฝันนี้ได้ครั้งละเครื่องเดียวต่อการพิมพ์หนึ่งครั้งเท่านั้นจึงมีการสร้างโรงงานเพื่อผลิตให้ทันต่อการดำเนินแผนการ ในมิติพิศวงคอน คอนถึงกับสร้างไชเดอร์ตัวปลอมขึ้นมาเพื่อสู้กับไชเดอร์ตัวจริงอีกด้วย
  36. กูชิ กูชิ (ตอนที่37) สัตว์ประหลาดพิศวงร่างกำยำที่มีหัวเป็นรูปริมฝีปากขนาดใหญ่ใช้ดาบสองเล่มเป็นอาวุธ จำแลงร่างเป็นนายพลที่เชี่ยวชาญการปราศรัยปลุกเร้าจิตใจให้หึกเหิม เพื่อชักจูงเหล่าวัยรุ่นให้เข้ามาฝึกยุทธวิธีทางทหารเพื่อเป็นกองกำลังให้แก่ฟูม่า กูชิ กูชิเป็นสัตว์ประหลาดพิศวงตัวเดียวที่เข้าสู่มิติพิศวงในร่างจำแลงแบบมนุษย์และทำการต่อสู้กับไชเดอร์ระยะนึงทั้งพ่นไปและเรียกสมุนมาโจมตีไชเดอร์ก่อนจะคืนร่างเดิมเพื่อต่อสู้ต่อไป
  37. มุวี่ มุวี่ (ตอนที่38) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวสีแดงที่มีกล้องถ่ายภาพยนตร์บนหัว จำแลงร่างเป็นกล้องถ่ายภาพยนตร์เพื่อดำเนินแผนการถ่ายทำภาพยนตร์ดัดแปลงเรื่อง "สาวน้อยเวทมนตร์ ซินเดอเรลล่า" ซึ่งเป็นซินเดอเรลล่าที่มีเนื้อหาชักนำคนดูให้คล้อยตามไปกับพฤติกรรมผิดๆของซินเดอเรลล่าเพื่อชักจูงคนดูให้ตกต่ำตามไป มูวี่ มูวี่สามารถฉายภาพลวงตาเพิ่มจำนวนได้และมีหอกจันทร์เสี้ยวเป็นอาวุธ
  38. ซาตะ ซาตะ (ตอนที่39) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวอ้วนกลมในชุดซานตาคลอสสีดำที่จำแลงร่างเป็นซานตาคลอสสีดำที่มีหน้าตาดุดัน ออกสับเปลี่ยนของขวัญคริสต์มาสให้กลายเป็นของขวัญต้องคำสาปที่เข้าเกาะกุมจิตใจของเด็กๆให้ชั่วร้ายและลากเข้าไปในวังวนของความตกต่ำผ่านเพลงพิศวงพร้อมอุปกรณ์ล้างสมองรูปต้นคริสต์มาสสีแดง ซาตะ ซาตะ มีหอกปลายสว่านที่ใช้เป็นคบไฟได้เป็นอาวุธ
  39. เทโร เทโร (ตอนที่40) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวสีเขียวตาโปนที่ถูกยัดไข่เข้าไปไว้ในตุ๊กตาที่ส่งมอบให้แอนนี่เพื่อลอบขึ้นยานบาบิลอสหวังวินาศกรรม โดยสามารถเปลี่ยนมือเป็นสว่านและใช้อาวุธหนักเช่นค้อนปอนด์หรือตุ้มเหล็กเป็นอาวุธ มีความทนทานขนาดตกลงมาจากความสูงหลายพันเมตรยังไม่สะเทือนแต่ก็ถูกไชเดอร์ปราบลงอยู่ดีโดยไม่ได้เข้ามิติพิศวง
  40. แพร์ เแพร์ (ตอนที่41) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวสีขาวทรงคิวปิดที่ใช้พลังสะกดให้นักข่าวสาวฝึกหัดชาวดาวบาร์ดที่ถูกฟูม่าจับตัวได้ชื่อ วิเวียน ให้หลงรักไชเดอร์เพื่อเป็นนกต่อในแผนทำลายไชเดอร์และบาบิลอส แพร์ แพร์นั้นมีลูกศรกามเทพที่ปล่อยส่วนปลายลูกศรที่คล้ายหัวใจออกไปโจมตีได้
  41. เฮบิ เฮบิ (ตอนที่42) สัตว์ประหลาดพิศวงเพศหญิงรูปแบบงูที่จำแลงร่างเป็นครูโรงเรียนประถมที่เบื้องหน้านั้นทำการอบรมเด็กเหลือขอให้กลับตัวทำแต่สาธารณประโยชน์แต่เบื้องหลังก็ยัดเยียดเรื่องที่เลวร้ายที่หนักหนากว่าให้เด็กป.6 ห้อง 0 กลายเป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอกที่เลวร้ายกว่าเดิม มีคฑาสองแฉกปลายหงิกเหมือนลิ้นงูเป็นอาวุธและยังแปลงร่างจู่โจมโดยใช้ริ้บบิ้นยิมนาสติกจู่โจมไชเดอร์ร่วมกับกองทัพเกิร์ลในมิติพิศวงอีกด้วย
  42. ซึตะ ซึตะ (ตอนที่43) สัตว์ประหลาดพิศวงตัวสุดท้ายที่ออกโรง เป็นสัตว์ประหลาดที่ฟักตัวออกมาจากหินที่ตกมาจากฟ้าเพื่อให้เข้าปกครองบ้านของคนที่มีฐานะปานกลางในฐานะที่เป็นสังคมพื้นฐาน ซึตะ ซึตะมีร่างกายเหมือนเครือเถาวัลย์ตามชื่อเข้าข่มขู่ให้ครอบครัวเป้าหมายเลี้ยงดูจนหมดเนื้อหมดตัว แม้ร่างกายจะรุงรังแต่ซึตะ ซึตะก็ใช้เถาวัลย์จำนวนมากเป็นอาวุธพร้อมด้วยหอกหัวใบไม้สองหัว
  43. มุจิ มุจิ (ปรากฏตัวในตอนพิเศษที่ 2) สัตว์ประหลาดพิศวงขนาดใหญ่ที่มีรยางค์คล้ายหนอนจำนวนมากที่จำแลงร่างเป็นชายแก่ไปลักพาตัวเด็กที่มีพลานามัยสมบูรณ์และสติปัญญาระดับนึงมาไว้เป็นทาส ในการต่อสู้ในมิติพิศวงนั้น มุจิ มุจิไม่ได้ใช้อาวุธถืออื่นๆแต่พ่นหอกอันใหญ่ออกมาจากปากและปล่อยแสงจากมือได้

ศัตรูตัวอื่นๆ[แก้]

มือปืนดาวตก โอเมก้า (流れ星のガンマン オメガ)

ปรากฏตัวในตอนพิเศษ มือสังหารจากต่างดาวที่ใช้ชีวิตไปกับการล่าสังหารตำรวจอวกาศ ในอดีตเคยพ่ายแพ้ให้กับเกียบันจนต้องติดช๊อตกันที่แขนทั้งสองข้าง ต่อมาก็พ่ายแพ้ให้กับชาลีบันจนต้องติดตั้งร๊อกเก็ตลันเชอร์ที่บ่าทั้งสองข้าง โอเมก้าหวังจะสู้ตัดสินกับไชเดอร์ตัวต่อตัวแต่ทว่าก็ถูกพวกเฮสเลอร์กับกองทัพเกิร์ลมาป่วนหวังชิงสังหารไชเดอร์ด้วยการจับแอนนี่กับเด็กๆเป็นตัวประกัน โอเมก้าจึงเข้าช่วยเหลือไชเดอร์ในการต่อสู้กับฟูมะ หลังจากช่วยตัวประกันได้สำเร็จก็เป็นการดวลกันระหว่างไชเดอร์กับโอเมก้าแบบตัวต่อตัว ผลคือโอเมก้าพ่ายแพ้ให้กับไชเดอร์บลูแฟลชและเสียชีวิตไป

ปีศาจพิศวง พิตะพิตะ (不思議獣ピタピタ)

ปีศาจพิศวงที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์ ตำรวจอวกาศไชเดอร์ เดอะ เน็กซ์ เจเนเรชั่น รับคำสั่งจากนักบวชโพให้ลักพาตัว "ฮิลด้า กอร์ดอน" (ヒルダ・ゴードン) ลูกสาวของผู้บัญชาการสมาพันธ์ตำรวจอวกาศคนใหม่ นิโคลัส กอร์ดอน (ニコラス・ゴードン)จากดาวโลกเพื่อไปส่งยังดาวดวงนึง แต่ถูกไชเดอร์ รุ่น 2 "คาราซึมะ ชู" เข้าขัดขวางแต่จริงๆแล้วชูไม่ได้ตามพิตะพิตะเพราะคดีของฮิลด้าแต่เป็นคดีเก่าของพิตะพิตะซึ่งในชื่อจริงคือ "ชาวดาวกีซ่า วาช" ซึ่งเป็นนักลักลอบค้าของผิดกฎหมายที่เป็นที่ต้องการตัวในดวงดาว 278 ดวง หนึ่งในคดีเหล่านั้นคือการลักลอบขนมิซไซล์ทำลายดาวที่ลักลอบขนส่งไปกับยานไดดาลอสเป็นผลทำให้ดาวอุทูรุทซ่า บ้านเกิดของแทมมี่ถูกทำลายจนสูญสิ้น และเพราะคดีนี้เองทำให้ชูกันแทมมี่ออกไปไม่ให้ยุ่งกับการสืบสวนเพราะเกรงว่าแทมมี่จะคุ้มคลั่งซึ่งก็เป็นตามนั้นจริงแต่เป็นเพราะพิตะพิตะยิงสารกระตุ้นทำให้คุ้มคลั่งขึ้นมาแทนแต่สุดท้ายเมื่อแทมมี่สงบลงได้ก็ร่วมมือกับไชเดอร์จับกุมตัวพิตะพิตะไปดำเนินคดีได้ในที่สุด (ส่วนไชเดอร์ทำยังไงถึงทำให้แทมมี่สงบลงต้องไปติดตามกันดู) แต่เรื่องไม่ได้จบลงแค่นั้นเพราะแท้ที่จริงแล้วฮิลด้า กอร์ดอนคือผู้ใช้ชื่อ "เฮอเรอร์ เกิร์ล" (ホラーガール) สร้างโปรแกรมเพื่อล้างสมองผู้คนผ่านเว็ปไซต์ "ห้องของเฮอเรอร์ เกิร์ล" ให้คิดไปเองว่าเป็นอาชญากรของสามองค์กรร้าย มาคู มาโดและฟูม่าโดยผลที่ได้จะแปรเปลี่ยนไปในแต่ละคนอีกด้วยเพื่อให้ผู้คนเหล่านั้นไปก่ออาชญากรรมต่างๆแล้วถูกตำรวจอวกาศตามจับเพื่อจะได้นั่งดูอย่างสนุกสนานเพียงเท่านั้น ส่วนนักบวชโพที่จ้างพิตะพิตะนั้นแท้จริงก็คือผบ.นิโคลัส กอร์ดอนที่ปลอมตัวเป็นนักบวชโพเพื่อจ้างนักลักลอบวาชที่กลายเป็นปีศาจพิศวงไปแล้วให้ทำงานให้อย่างตายใจด้วยการลักลอบพาฮิลด้าออกจากโลกมายังดาวบาร์ดเพื่อปกปิดความจริงก่อนจะมีใครรู้ว่าฮิลด้าคือเฮอเรอร์ เกิร์ล นั่นเอง

เพลงประกอบ[แก้]

Opening theme
Ending theme