ซิสพลาติน
ข้อมูลทางคลินิก | |
---|---|
ชื่อทางการค้า | Platinol, others |
ชื่ออื่น | cisplatinum, platamin, neoplatin, cismaplat, cis-diamminedichloridoplatinum(II) (CDDP) |
AHFS/Drugs.com | โมโนกราฟ |
MedlinePlus | a684036 |
ระดับความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ |
|
ช่องทางการรับยา | การฉีดเข้าหลอดเลือดดำ |
รหัส ATC | |
กฏหมาย | |
สถานะตามกฏหมาย |
|
ข้อมูลเภสัชจลนศาสตร์ | |
ชีวประสิทธิผล | 100% (IV) |
การจับกับโปรตีน | > 95% |
ครึ่งชีวิตทางชีวภาพ | 30–100 ชั่วโมง |
การขับออก | ไต |
ตัวบ่งชี้ | |
| |
เลขทะเบียน CAS | |
PubChem CID | |
DrugBank | |
ChemSpider | |
UNII | |
KEGG | |
ChEBI | |
ChEMBL | |
PDB ligand | |
ECHA InfoCard | 100.036.106 |
ข้อมูลทางกายภาพและเคมี | |
สูตร | [Pt(NH3)2Cl2] |
มวลต่อโมล | 300.01 g/mol |
แบบจำลอง 3D (JSmol) | |
| |
| |
7 (what is this?) (verify) | |
ซิสพลาติน (Cisplatin) หรือชื่อในอดีตคือ เกลือเปรอน (Peyrone's salt)[1] เป็นยาเคมีบำบัด ออกฤทธิโดยไปยับยั้งการจำลองตัวเองของดีเอ็นเอ[2] ใช้ในการรักษาโรงมะเร็งต่างๆ คือ มะเร็งอัณฑะ, มะเร็งรังไข่, มะเร็งเต้านม, มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ, มะเร็งศีรษะและคอ, มะเร็งปากมดลูก, มะเร็งปอด, มีโซธีลิโอมา, มะเร็งหลอดอาหาร, เนื้องอกที่สมอง และ นิวโรบลาสโตมา สามารถรับยานี้ได้โดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ[2]
อาการข้างเคียงจากการใช้ยาซิสพลาตินได้แก่ เกิดการกดไขกระดูก, ได้ยินไม่ชัด, ปัญหาเกี่ยวกับไต และ อาเจียน อาหารข้างเคียงระดับรุนแรงได้แก่ อาการชา, เดินลำบาก, ภูมิแพ้ และเป็นโรคระบบหัวใจหลอดเลือด สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้
ซิสพลาตินถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1845 โดยนักเคมีชาวอิตาลีนามว่า มิเกลเล เปรอน ได้รับการอนุญาตให้ใช้เป็นยาในปี ค.ศ. 1978[3][2] เป็นหนึ่งในยาที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นยาหลักขององค์การอนามัยโลก[4]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Peyrone, M. (1844). "Ueber die Einwirkung des Ammoniaks auf Platinchlorür" [On the action of ammonia on platinum chloride]. Ann. Chem. Pharm. 51 (1): 1–29. doi:10.1002/jlac.18440510102.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "Cisplatin". The American Society of Health-System Pharmacists. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.
- ↑ Fischer, Janos; Ganellin, C. Robin (2006). Analogue-based Drug Discovery (ภาษาอังกฤษ). John Wiley & Sons. p. 513. ISBN 9783527607495.
- ↑ "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF). World Health Organization. April 2015. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016.