อันโตนีโอ กรัมชี
อันโตนีโอ กรัมชี | |
---|---|
อันโตนีโอ กรัมชี | |
เกิด | 22 มกราคม ค.ศ. 1891 เมือง Ales,Sardinia, ประเทศอิตาลี |
เสียชีวิต | 27 เมษายน ค.ศ. 1937 กรุงโรม , อิตาลี | (46 ปี)
สาเหตุเสียชีวิต | สุขภาพทรุดโทรม |
สัญชาติ | อิตาลี |
การศึกษา | Marxism |
มีชื่อเสียงจาก | hegemony (การครองความเป็นใหญ่) [1] |
อันโตนีโอ กรัมชี (อังกฤษ, อิตาลี: Antonio Gramsci) นักทฤษฎีการเมือง นักเศรษฐศาสตร์การเมืองชาวอิตาเลียนแนวมาร์กซิสม์และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์อิตาลี เกิดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1891 เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1937
อันโตนีโอ กรัมชี ได้ชื่อว่าเป็น มาร์กซิสต์บริสุทธิ์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เผยแพร่ลัทธิมาร์กซคนสำคัญในยุคศตวรรษที่ 20 ได้เขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่งชื่อ "บันทึกจากคุก" ในระหว่างที่ถูกจองจำ และเป็นเจ้าของทฤษฎีที่มีชื่อว่า Hegemony อันว่าถึงการก้าวขึ้นเป็นเจ้าและครอบครอง โดยกรัมชี่เชื่อว่า ผู้ที่ขึ้นมาเป็นชนชั้นปกครองได้นั้น ไม่อาจจะอาศัยภาวะทางเศรษฐกิจอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องได้รับการสนับสนุนและมีแนวร่วมจากมวลชนด้วย ซึ่งทฤษฎีนี้ได้ถูกนักวิชาการของไทย เช่น สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อ้างถึงในระหว่างการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี พ.ศ. 2549 โดยใช้อธิบายถึงพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมาในระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[2]
ประวัติ
[แก้]ชีวิตในซาร์ดิเนีย ค.ศ. 1891 - 1911
[แก้]อันโตนิโอ กรัมชี (เกิดวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1891) ที่เมือง Ales เกาะซาร์ดิเนีย ซึ่งเป็นแถบบริเวณยากจน และประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม. พ่อของอันโตนิโอ กรัมชี หาเลี้ยงครอบครัวด้วยการทำงานเป็นเสมียนให้กับรัฐบาล และต่อมาต้องถูกจับในข้อหาฉ้อราษฎร์บังหลวง ส่งผลให้แม่ของอันโตนิโอ ต้องประสบปัญหาอย่างมากในการเลี้ยงดูอันโตนิโอ และพี่น้องรวมอีก 6 คน โดยการหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นช่างตัดผ้า
ในวัยเด็กขณะที่เขามีวัยเพียง 4 ปี เขาได้พลัดตกจากอ้อมแขนของพี่เลี้ยง อุบัติเหตุในครั้งนั้นส่งผลส่งผลเสียต่อกระดูกสันหลังของเขา ซึ่งส่งผลให้เขาต้องกลายเป็นคนหลังค่อม และมีปัญหาทางสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรงนับแต่นั้นเป็นต้นมา. กรัมชีเป็นเด็กที่เรียนได้ดี แต่เนื่องจากสถานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่มีข้อจำกัดทำให้ครอบครัว ไม่สามารถส่งเขาให้เรียนต่อถึงระดับมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้นหากเขาต้องการเข้าเรียนต่อในระดับสูงเขาจะต้องสอบชิงทุนการศึกษาให้ได้ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้สำเร็จเมื่อสามารถสอบชิงทุนทั่วประเทศได้ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยตูริน ณ เมืองตูริน เมืองที่มีความเจริญทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก ที่ต่างไปจากซาร์ดิเนียแหล่งกำเนิดของเขา
ชีวิตในตูริน ค.ศ. 1911-1920
[แก้]กรัมชีเริ่มศึกษาที่มหาวิทยาลัยตูรินในปี ค.ศ. 1911 และได้ศึกษาทางด้านภาษาศาสตร์ (Linguistics) แต่ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ทำให้กรัมชีไม่สำเร็จการศึกษาดังที่ได้ตั้งใจไว้. ต่อมาในปี ค.ศ. 1913 กรัมชีได้เข้าร่วมกับพรรคสังคมนิยมอิตาลี (Italian Socialist Party หรือ PSI) และได้เริ่มมีบทบาทในการเริ่มงานเขียนให้กับหนังสือพิมพ์ของพรรค ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาในปี 1916 เขาก็ได้เริ่มทำงานด้วยการยึดอาชีพนักหนังสือพิมพ์ และเขียนให้กับ Il Grido del Popolo และ Avanti! เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1917 คือ ได้เกิดการปฏิวัติในรัสเซีย โดยพรรคบอลเชวิก ภายใต้การนำของวลาดีมีร์ เลนิน โดยในปีเดียวกันนั้น กรัมชีได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการให้กับ PSI สาขาตูรินด้วย. เหตุการณ์สำคัญนอกจากนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่ตูรินของกรัมชีได้แก่การที่ เบนิโต มุสโสลิได้ก่อตั้งพรรค Fasci Italiani di Combattimento ขึ้นที่มิลาน ในปี ค.ศ. 1919 และในปีเดียวกันได้มีการจัดการประชุมคอมมิวนิสต์สากล (Comintern) หรือสากลที่สามขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงมอ[3]
สมัยฟาสซิสต์ และพรรคคอมมิวนิสต์อิตาลี (Fascism and the PCI) ค.ศ. 1921-1926
[แก้]ชีวิตในช่วงเวลาต่อมาของกรัมชีเป็นยุคสมัยฟาสซิสต์เรืองอำนาจ โดยที่ในปี ค.ศ. 1921 พรรคคอมมิวนิสต์อิตาลี (PCI) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นไล่เลี่ยกันกับการเกิดขึ้นของพรรคฟาสซิสต์แห่งชาติ (National Fascist Party). ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 กรัมชีได้รับเลือกจากคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์อิตาลีให้เป็นตัวแทนไปในการประชุมผู้บริหารคอมมิวนิสต์สากล (สากลที่สาม) หรือ Comintern ที่มอสโก และอีกทั้งเขาได้พบกับภรรยาของเขาในเวลาต่อมา คือ Julia Schucht ขณะที่ในปีเดียวกันนั้น พรรคฟาสซิสต์ได้ขยายอำนาจยึดกรุงโรม และเบนิโต มุสโสลิก็ได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปีนี้ หลังจากที่ได้เป็นตัวแทนไปประชุมคอมมิวนิสต์สากลที่กรุงมอสโกในปี ค.ศ. 1922 ต่อมาคือในปี ค.ศ. 1924 กรัมชีได้เดินทางไปยังกรุงเวียนนาเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยของเขา และในปีนี้เองที่ลูกชายคนแรกของเขา "เดลิโอ" (Delio) ได้เกิด ก่อนที่ต่อมาในปี ค.ศ. 1925 ภรรยา และลูกได้ย้ายมาอยู่กับกรัมชีที่กรุงโรม
ชีวิตในคุก ค.ศ. 1926-1937
[แก้]ช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุดของกรัมชีคือช่วงชีวิตของการเป็นนักโทษการเมือง ในช่วงสมัยฟาสซิสต์ ทั้งนี้ในปี ค.ศ. 1926 กรัมชีและครอบครัวได้อพยพลี้ภัยการเมืองจากการคุกคามของฝ่ายฟาสซิสต์ไปยังชายแดนสวิตเซอร์แลนด์แล้ว แต่กรัมชีได้กลับไปยังกรุงโรมอีกครั้ง เนื่องจากการที่เขามองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ถูกจับเนื่องจากเขาได้รับสิทธิคุ้มกันเนื่องจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่กรัมชีก็ถูกจับโดยฝ่ายฟาสซิสต์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1926 และถูกส่งไปยังคุกต่างๆ และไม่ได้รับอิสรภาพอีกเลยจนวาระสุดท้ายของชีวิต. ปีเดียวกับที่กรัมชีถูกจับกุมนี้เองลูกชายคนที่สองของเขา "จูเลียโน" (Giuliano) ได้เกิด โดยที่กรัมชีจะไม่มีโอกาสได้เจอลูกชายคนที่สองของเขาเลย ต่อมาในปี ค.ศ. 1928 เขาถูกพิพากษาจำคุก 20 ปี 4 เดือน กับอีก 5 วัน กรัมชีใช้ชีวิตในเรือนจำหลายที่จนกระทั่งปี ค.ศ. 1933 เขาจึงได้ย้ายออกไปรักษาตัวที่คลินิกเล็กๆ ในเมืองฟอร์เมีย เนื่องจากอาการป่วย และสุขภาพทรุดโทรมอย่างหนัก เขาใช้เวลาช่วงไม่กี่ปีสุดท้ายของชีวิตไปกับการรักษาอาการป่วยที่คลินิกอีกหลายแห่ง จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขาได้มาถึงเมื่อวันที่ 27 เมษายน 1937 รวมอายุได้ 47 ปี
อ้างอิง
[แก้]- ↑ hegemony แปลเป็นไทยว่าอะไรบ้าง
- ↑ [ลิงก์เสีย] ชี้ ‘แม้ว’ ประกาศสงคราม ‘ผู้มีบารมี’- รุกคืบสถาปนาลัทธิ ‘ครองความเป็นเจ้า’ จากผู้จัดการออนไลน์
- ↑ อันโตนิโอ กรัมชี (Antonio Gramsci) นักมาร์กซิสต์ชาวอิตาเลียนผู้มีชื่อเสียง
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- อันโตนีโอ กรัมชี
- เว็บไซต์อันโตนีโอ กรัมชี (ภาษาอิตาเลียน)
- ปัญญาชนโดย อันโตนิโอ กรัมชี่แปลโดย ใจ อึ๊งภากรณ์
- กลุ่มประวัติศาสตร์ ปัญญาชน การครองอำนาจนำและการโต้ตอบต่อการครองอำนาจนำ: แนวความคิดของอันโตนิโอ กรัมชี่กับการอธิบายการเมืองไทยร่วมสมัย