มหาเวทย์ผนึกมาร

หน้าถูกกึ่งป้องกัน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

มหาเวทย์ผนึกมาร
หน้าปกมังงะ มหาเวทย์ผนึกมาร เล่ม 1 ในฉบับภาษาไทย
呪術廻戦
(Jujutsu Kaisen)
แนว
มังงะ
เขียนโดยเกเงะ อากูตามิ
สำนักพิมพ์ชูเอชะ
สำนักพิมพ์ภาคภาษาไทยสยามอินเตอร์คอมิก
ในเครือจัมป์คอมิกส์
นิตยสารโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์
กลุ่มเป้าหมายโชเน็ง
วางจำหน่ายตั้งแต่5 มีนาคม พ.ศ. 2561 – ปัจจุบัน
จำนวนเล่ม25
อนิเมะโทรทัศน์
กำกับโดย
เขียนบทโดยฮิโรชิ เซโกะ
ดนตรีโดย
สตูดิโอแมปปา
ถือสิทธิ์โดยเมเดียลิงก์
ฉาย 3 ตุลาคม พ.ศ. 2563 28 ธันวาคม พ.ศ. 2566
ตอน47
ภาคย้อนอดีต

มหาเวทย์ผนึกมาร (ญี่ปุ่น: 呪術廻戦 Jujutsu Kaisen) เป็นมังงะโดยเกเงะ อากูตามิ ตีพิมพ์ลงในโชเน็งจัมป์รายสัปดาห์ตั้งแต่มีนาคม 2018 และทำเป็นอนิเมะในปี 2020

เนื้อเรื่อง

เล่าถึง"อิตาโดริ ยูจิ"นักเรียนวัย 15 ปีผู้อาศัยอยู่ในเมืองเซ็นได แม้ว่าเขาเป็นนักเรียนจอมพลัง แต่ก็ปฏิเสธที่จะอยู่ชมรมกีฬาและมาสิงอยู่กับชมรมเรื่องเร้นลับ เขาเป็นคนไปหยิบวัตถุต้องสาปที่เก็บไว้ในศาลของโรงเรียนมาให้กับรุ่นพี่ในชมรมฯ ขณะเดียวกันก็มีนักเรียนไสยเวท"เมงุมิ"เดินทางมาที่โรงเรียนฯเพื่อรับวัตถุต้องสาปดังกล่าวได้ไปซ่อมผนึกใหม่แต่กลับหาวัตถุดังกล่าวไม่พบ เมงุมิสัมผัสได้ว่าเด็กที่ชื่อยูจิเป็นคนเอาไปและตามยูจิไปที่โรงพยาบาลที่ปู่ของยูจิรักษาตัวอยู่ แต่ยูจิกลับบอกว่าตนได้เก็บไว้แต่กล่อง ส่วนวัตถุในนั้นได้นำไปให้รุ่นพี่แล้ว ซึ่งพวกเขามีกำหนดการแกะผนึกในคืนนี้

ในคืนนั้น รุ่นพี่ในชมรมได้แกะผนึกออกมาจึงทำให้วิญญาณต้องสาปต่างพรั่งพรูออกมาทั่วทั้งโรงเรียน ยูจิและเมงุมิได้รีบกลับไปที่โรงเรียนและพบกับวิญญาณต้องสาปมากมายในตึกเรียน และสามารถช่วยรุ่นพี่ออกมาได้ แต่เมงุมิก็ถูกวิญญาณต้องสาปทรงพลังเล่นงานจนเจ็บตัวและอยู่ในสถานการณ์วิกฤต เมงุมิบอกว่าถึงยูจิจะแรงเยอะแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะคำสาปได้ เพราะไม่มีไสยเวทในตัว ยูจิจึงกลืนวัตถุต้องสาปนั้นเข้าไปและกลายเป็นภาชนะของ "สุคุนะ"

ตัวละครหลัก

อิตาโดริ ยูจิ (虎杖悠仁) อายุ 15 ปี
คุณไสย : ไม่มี เน้นคลุมพลังไสยเวทที่หมัด เตะต่อยศัตรู
เด็กหนุ่มผู้มี พลัง เหลือล้น เป็นที่หมายปองของกลุ่มชมรมกีฬา แต่กระนั้นตัวเขาเองกับเข้าชมรมเรื่องลึกลับซะนี่ เป็นตัวละครเอกที่มีพลังกายเยอะ มี ความสามารถพิเศษ ตามแบบฉบับ การ์ตูน สายโชเน็น นิสัยเป็นคนที่คิดและทำเลยออกจะตรงๆ หุนหัน ไปหน่อย มี ความสามารถพิเศษ ในการเป็นภาชนะดูดกลืนพลังคำสาป สามารถเปลี่ยนเป็นสุคุนะสองหน้า เทพอสูรเทียม(ราชาแห่งคำสาป) ผู้ทรง พลัง เมื่อพันปีที่แล้ว ข้อมูลเพิ่มเติม ตัวละคร ยูจิจะยึดมั่นในคำพูดสั่งเสียของปู่มากนั่นคือ “การใช้พลังของตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น” (ประวัติพ่อ แม่ ของยูจิยังเป็นความลับอยู่ต้องรอเปิดเผยอีกที่ในอนาคต) ตอนหลัง ได้รับการฝึกฝนการใช้ไศยเวทย์จากโกโจ ทำให้เขาสามารถใช้งานไศยเวทย์ได้ในที่สุด โดยส่วนใหญ่จะเน้นใช้ไศยเวทย์ออกไปทางเตะต่อย และด้วยพลังที่เหลือล้น จึงสามารถต่อสู้กับวิญญาณคำสาปได้อย่างไม่มีปัญหา
เรียวเมน สุคุนะ

คุณไสย : ฟาดฟัน,ธนูเพลิง,วิถีเงาชินิคามิ

เทพอสูรในตำนาน ปีศาจที่ถูกผนึกไว้มี2หน้า4แขน เป็นปีศาจที่แข็งแกร่งนิสัยดุร้าย ออกจะกวนๆไปหน่อย ถูกเหล่าผู้ผนึกมารปราบแต่ไม่สามารถทำลายได้จึงแยกเป็นชิ้นผนึกไว้กลายเป็นคำสาปพิเศษ ต่อมาถูก อิตาโดริ ยูจิ กินนิ้ว(1ในชิ้นส่วนที่ถูกแยกผนึก)เข้าไปเลยต้องจำใจทำข้อตกลงแต่ก็ยังรอโอกาสที่จะชิงร่าง อิตาโดริ ยูจิ มาเป็นของตัวเองต่อไป วิชาที่ถนัดคือกางอาณาเขต:อารามสงฆ์ซ่อนมาร รูปลักษณ์คือ อารามสงฆ์ของพระที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นที่สักการะบูชาปีศาจ เต็มไปด้วยหมอกสีเลือดและความตาย ศัตรูที่อยู่ในระยะจะถูกฟันและผ่าซีกโดยไม่สามารถตั้งรับอะไรได้เลย การโจมตีจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าศัตรูจะสิ้นลมหายใจ เรียวเมง สุคุนะ นั้นได้ มีการกล่าวถึงในตำนานพื้นบ้านตามแต่ละภูมิภาคของประเทศญี่ปุ่น อย่างแถบฮิดะนั้น เรียวเมง สุคุนะ ที่ถูกบันทึกว่าเป็นปีศาจร่างกายสูงใหญ่มี2หน้า4แขน พละกำลังมหาศาล ชมชอบการฆ่าฟัน ทำร้ายผู้คนที่พบเจอจนทำให้ จักรพรรดิ นินโตกุ ส่งยามาโตะ ทาเครุ โนะ มิโคโตะไปปราบ แต่ถ้ามาทางแถบกิฟุจะเปรียบ เรียวเมง สุคุนะเสมือนเทพเจ้ามี2หน้า4แขนเปรียบกับแสงสว่างและความมืด คอยกำจัดปีศาจร้าย หรือบางตำนานก็กล่าวว่า เรียวเมง สุคุนะ เป็นมนุษย์เกิดในตละกูลใหญ่ ชอบช่วยเหลือผู้คน เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้านในเวลานั้น เป็นเหตุให้คนใหญ่คนโตในตอนนั้น ไม่ชอบหาเรื่องกลั่นแกล้งและอ้างสุคุนะเป็นปีศาจเพื่อกำจัดทื้งเสีย ปัจจุบัน มีรูปบูชา เรียวเมง สุคุนะ อยุ่ที่วัดในจังหวัดกิฟุ
ฟุชิงุโระ เมงุมิ (伏黒 恵) อายุ 15 ปี
คุณไสย : วิถีเงาชินิคามิ คือการเรียกชินิคามิออกมา ตามสัญลักษณ์มือ มีลักษณะเป็นสัตว์ต่างๆ
เด็กหนุ่มผู้เงียบขรึม ออกจะเย็นชาดูไม่ยี่หระ หรือทุกข์ร้อนใจกลับเรื่องต่างรอบๆ ตัวนักเท่าไหร่แต่ลึกๆแล้วเป็นคนดีรักพวกพ้อง(สึนเดเระสินะ)จะช่วยเหลือคนที่คิดว่ามีค่าพอที่จะให้ช่วยซึ่งต่างจาก ยูจิที่อยากจะช่วยเหลือทุกคน เมงุมิ เป็นนักเรียนโรงเรียน จูจุทสึ(โตเกียว) ปี1 เป็นผู้มีพลังคุณไสยระดับ2 พลังของเขาคือ ใช้มือทำเป็นสัญลักษณ์เรียก ชิกิงามิ ออกมาจากเงา ชิกิงามิที่เมงุมิเรียกออกมามีความหลากหลาย พลิกแพลงได้ตามสถานการณ์มีพลังมากแต่ก็แลกมากลับที่เมงุมิไม่สามารถใช้อาวุธไสยเวทร่วมในการต่อสู้ได้(ในอนาคตไม่แน่อาจจะพัฒนาขึ้นใช้ร่วมได้) ข้อมูลเพิ่มเติม ฟูชิงุโระ เมงุมิ มีพ่อเป็นคนของตระกูลเซนอิน(1ใน3ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลมากในเหล่าจูจุทสึ)จึงทำให้เขามีสายเลือดที่พิเศษในวัยเด็ก เมงุมิ ถูกพ่อตัวเอง(โทจิ)ขายให้กับตระกูลเซนอินแต่ถูกอาจารย์โกะโจที่ไม่ต้องการให้เขาไปอยู่กับตระกูลเซนอินได้เข้ามาขอดูแลเขาเอง เมงุมิ ยังมีพี่สาว(ต่างสายเลือด)ที่ตอนนี้ถูกคำสาปเล่นงานให้อยู่ในสภาพเจ้าหญิงนินทราเมงุมิหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถลบล้างคำสาปและช่วยเหลือพี่สาวให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง
คุคิซากิ โนบาระ (釘崎野薔薇) อายุ 16 ปี
คุณไสย : ตุ๊กตาฟางสาปแช่ง
เด็กสาวผู้มีความมั่นอกมั่นใจเต็ม100 เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ชอบให้ใครมาดูถูกรูปร่างหรือหน้าตัวเอง -บุคลิคเป็นคนออกจะสนุกสานานเฮฮาแต่ขี้วีนหน่อยๆเป็นประเภทที่เวลาต่อสู้มักจะพูดแบบ น้ำไหลไฟดับ เข้ามาเรียนในโรงเรียนจูจุทสึ(โตเกียว) เป็นผู้ที่มีพลังอาคมระดับที่3 พลังในการต่อสู้ของโนบาระนั้นคือใช้หุ่นฟาง ตะปู และค้อน ในการสาปใส่ศัตรูด้วย โดยจะใช้เศษชิ้นส่วนหนึ่งของศัตรูเพื่อใช้เป็นสื่อนำให้กับหุ่นฟางและใช้ค้อนตอก ตะปู ลงไปในหุ่นเพื่อจัดการศัตรู ในระยะไกล โนบาระมีเพื่อนสาวที่เธอชอบคิดถึงอยู่คนหนึ่ง(ยังไม่เปิดแผยข้อมูลพื่อนสาวคนนี้) ที่จะชอบเล่าให้เธอฟังถึงโตเกียว จึงเป็นเหตุผลหลักๆให้โนบาระมาเรียนที่โตเกียวนี้ ข้อมูลเพิ่มเติม คำสาปที่ คุกิซาคิ โนบาระ นั้นใช้เป็นคำสาปที่มีอยู่จริงในประเทศญี่ปุ่น ชื่อคำสาปนั้นคือ“อุชิ โนะ โคะคุไมริ”หรือ “พิธีกรรมสาปแช่ง” ที่เกิดจากความเชื่อโบราณของคนญี่ปุ่น มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ (ค.ศ.1603 – 1868) เป็นพิธีที่ใช้สาปส่งคนที่ไม่ชอบ คนที่เกลียด คนที่เป็นศัตรู หรือคนที่มีความเครียดแค้นเป็นการส่วนตัว มุ่งหวังให้คนผู้นั้นได้พบเจอกับความโชคร้ายหรือถึงกับความตาย โดยการใช้เส้นผมหรือชิ้นส่วนต่างๆอาทิเช่นเล็บมือ เล็บเท้า ฟัน ของเหยื่อผูกกับตุ๊กตาฟางและใช้ค้อนตอกตะปูใส่ตุ้กตาฟางบนต้นไม้ที่ตั้งอยู่ในศาลเจ้าในช่วงเวลาตี 1 – 3 และต้องทำติดต่อกัน7วัน มิฉะนั้น คำสาปจะไม่ได้ผลและจะย้อนกลับมาหาคนที่ใช้อีกด้วย
โกะโจ ซาโตรุ (五条悟) อายุ 28 ปี
คุณไสย : ความว่างเปล่า ,คืนชีวิต
ชายมาดกวน ผมสีขาว ตาสีฟ้า แต่สวมใส่ผ้าปิดตาตลอดเวลา เป็นอาจารย์ของยูจิ เมงุมิ และโนบาระ เป็นอัฉริยะในรอบ 100 ปี จะมีคนนึง บุคลิกเป็นคนเฮฮาอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยรู้สึกทุกข์ร้อนหรือรู้สึกอะไร แต่ก็สามารถสอนนักเรียนให้เข้าใจได้ง่ายโดยการเปรียบเทียบกับอะไรง่ายๆ และหากเอาจริง เขาคือคนที่น่ากลัวที่สุดคนนึงเลย ในอดีตเคยทำงานคุ้มกันร่างสถิตเท็นเก็น ร่วมกับเกะโท แต่ด้วยภารกิจที่ล้มเหลว ประกอบกับถูกโทจิจู่โจมจนบาดเจ็บสาหัส ทำให้เขาสามารถใช้วิชาคืนชีวิตกับผสานแดงฟ้าได้สำเร็จ หลังชนะโทจิ รับเมงุมิมาเลี้ยง เพื่อไม่ให้ข้องเกี่ยวกับตระกูลเซนอินอีก และหลังจากเหตุการณ์นั้นไปหลายปี เขาก็กลายเป็นอาจารย์ของสถาบัน โดยมีศิทย์คนแรกคือยูตะ อาคมของซาโตรุนั้น อาคมแรก"ขีดจำกัดบน" คือการทำให้ทุกอย่างอยู่ในสภาวะหยุดนิ่ง คือสภาวะเป็นกลาง อาคมที่สองคือสร้างแรงดึงดูดขึ้นมา หรืออาคม"สีฟ้า" อาคมที่สามคือ การสร้างแรงดีดออก หรืออาคม"สีแดง" และอาคมที่สี่ ความขัดแย้ง หรือ"ม่วง" เกิดจากการนำอาคมสีฟ้าและอาคมสีแดงผสานกัน เกิดเป็นลูกบอลสีม่วง ที่มีพลังทำลายล้างสูงสุด นอกจากนี้ ยังใช้วิชาคืนชีวิต และวิชา "กางอาณาเขต:ขอบเขตไร้สิ้นสุด" วิชาขั้นสูงที่ผู้ถูกพลังคุณไสยของโกโจนั้น จะถูกบังคับให้รับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทุกอย่างจนไม่สามารถขยับได้

นักเรียนปี 2 โรงเรียนไสยเวทกรุงโตเกียว

ยูตะ โอคุทสึ

คุณไสย : คัดลอก,คำสาประดับพิเศษ ริกะ(วิญญาณคำสาปที่ไม่เกี่ยวข้องกับริกะ โอริโมโตะ)

ชายที่ดูมืดมน หน้านิ่งๆ เอกลักษณ์คือผมสีดำ สวมเสื้อสีขาว ปรากฎตัวครั้งแรกในมหาเวทย์ผนึกมาร 0 ในตอนแรก ยูตะเป็นเหยื่อของคำสาประดับพิเศษที่ชื่อริกะ โอริโมโตะ เพื่อนสมัยเด็กของเขาเอง สาเหตุมาจากตัวเขาเองที่ปฎิเสธการตายของริกะ โกโจรับผิดชอบคดีของริกะ กับพายูตะเข้าเรียนโรงเรียนไสยเวทย์โตเกียว สนิทกับมากิ อินุมากิ และแพนด้า หลังผ่านเรื่องราวมากมายจนคำสาปของริกะคลายออกแล้ว ยูตะยังคงมีพรสวรรค์ในด้านวิชาคุณไสย จากการฝึกฝนกับซาโตรุ และซาโตรุก็มองว่าเขามีพรสวรรค์พอจะเหนือกว่าเขา ปัจจุบันเป็นนักเรียนปีสอง และไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศอยู่

เซนอิน มากิ

คุณไสย :ไม่มี แต่ชดเชยจากข้อจำกัดสวรรค์ให้มีพละกำลังเหนือมนุษย์

สาวสวมแว่นมาดคูล นิสัยรอบคอบ แต่ก็พึ่งพาได้และเป็นกันเองกับทุกคน เธอถูกวางให้เป็นผู้นำตระกูลเซ็นอินเพราะเป็นลูกคนโต แต่ด้วยความเพราะไร้พลังไสยเวท ทำให้เธอกับเมย์ ที่เป็นน้องสาวเธอ ถูกลดขั้นให้เป็นเพียงคนรับใช้ในตระกูล ก่อนที่ต่อมา เธอออกจากตระกูล ไปศึกษาที่โรงเรียนไสทเวทย์กรุงโตเกียว เนื่องจากเธอไม่มีพลังไสทเวทย์แต่เกิด จึงต้องอาศัยแว่นที่สามารถมองเห็นคำสาปได้ กับฝึกฝนอาวุธไสทเวทย์จนชำนาญ อยู่รุ่นเดียวกันกับยูตะ

โทเกะ อินุมากิ

คุณไสย :วาจาคำสาป พูดสิ่งใด จะเกิดเหตุการณ์ตามที่พูดเมื่อนั้น

ชายปิดปาก พูดน้อย เวลาสื่อสารกับใครมักจะพูดถึงส่วนประกอบของข้าวปั้น (เช่น แซลม่อน หรือมากุโร่ เป็นต้น)เนื่องจากคุณไสยของเขารวมอยู่ในเสียงของเขา

แพนด้า

คุณไสย :ตุ๊กตาต้องสาป ตุ๊กตาที่ใส่แกนคำสาปไว้ ทำให้มีชีวิตและพลังคุณไสย กรณีปกติจะมีเพียงแค่แกนละตัวเท่านั้น แต่แพนด้ามีแกนคำสาปอยู่ในตัว 3 แกน ได้แก่แกนแพนด้า แกนกลอลิล่า และแกนไทเซอราท้อป

ตุ๊กตาคำสาปรูปร่างแพนด้า มีนิสัยเฮฮาและเป็นมิตร แต่บางทีก็ชอบพูดเหน็บแนมคนอื่นบ้างเหมือนกัน มักมองสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างเฉียบคมและรับมือได้ดี ในสมัยที่เขายังเด็ก สื่อสารได้เพียงตามคำสั่งเทานั้น พอโตมาเลยพูดได้เหมือนมนุษย์ มักมองมนุษย์ในเชิงอคติ แต่ก็ยังให้ความเคารพแก่คนอื่นๆในห้องบ้าง วิธีต่อสู้ของแพนด้าคือการเตะต่อยด้วยพลังอาคมเป็นหลัก แต่ถ้าสถานการณ์เลวร้าย แพนด้าจะสลับแกนของตัวเองจากแพนด้าโหมดที่เน้นสมดุล ไปเป็นกลอลิล่าโหมดที่เน้นพละกำลังเป็นหลัก ไทเซอราท้อปที่เน้นหลบหลีกมากขึ้น แต่แฝงไปด้วยพลังที่ร้ายกาจ ข้อดีคือประยุกต์ใช้ได้ตามสถานการณ์ตรงหน้า ข้อเสียคือหากแกนใดแกนหนึ่งเสียหาย แพนด้าจะไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นรูปร่างนั้นได้จนกว่าจะฟื้นตัว แพนด้าสามารถควบคุมพลังงานต้องสาปของเขาเพื่อปลอมตำแหน่งของแกนเหล่านี้ และชดเชยจุดอ่อนเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำศัพท์วิชาอาคมในเรื่องมหาเวทผนึกมาร

อาคม(Juryoku)
พลังที่เกิดจากความรู้สึกด้านลบของผู้ใช้ สามารถใช้ได้ทั้งการป้องกันและโจมตี ความแข็งแกร่งจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และจิตใจของผู้ใช้ ในเรื่องมีผู้ใช้อาคมเพียงหยิบมือเท่านั้น

คำสาป

คือกลุ่มก้อนของความรู้สึกด้านลบของมนุษย์มากองรวมกัน เกิดเป็นสัตว์ประหลาด โดยขั้นแรกของคำสาป จะอยู่ในสภาพตัวอ่อน เรียกว่าครรถ์คำสาป เมื่อครรถ์คำสาปเติบโตขึ้น จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดไล่กัดกินมนุษย์ โดยแต่ระตัว จะมีระดับของมันเอง ซึ่งระดับพิเศษ จะแข็งแกร่งที่สุด มีความสามารถทางกายภาพและพลังอาคมสูงมาก ผู้ใช้คุณไสยทั่วไปไม่สามารถปราบมันได้ สามารถใช้งานคุณไสยและกางอาณาเขตได้ กับสามารถพูดได้เหมือนมนุษย์ มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง สามารถกลับมาเกิดใหม่ได้ อีกกรณีคือผู้ใช้คุณไสยเสียชีวิต และยังไม่ได้ทำพิธีส่งวิญญาณ ก็สามารถกลายเป็นคำสาปได้เช่นกัน

คุณไสย(Jutsushiki)
วิชาที่สามารถใช้วิญญาณคำสาปสร้างรูปลักษณ์ขึ้นมา เพื่อสนับสนุนการต่อสู้ หรือใช้สำหรับสู้แทนเจ้าของคุณไศยได้ นอกจากนี้ยังรวมถึง การใช้เลือด การใช้เสียง หรือคำสาปแช่งได้อีกด้วย

ผู้ใช้คุณไสย

คือผู้ที่ใช้วิชาคุณไสยในทางปกป้อง หรือช่วยเหลือคนอื่น หน้าที่หลักคือการปราบปรามคำสาป หรือปราบปรามนักสาปแช่ง เพื่อไม่ให้คำสาปหรือนักสาปแช่งทำร้ายผู้คนได้

นักสาปแช่ง

คือผู้ที่ใช้วิชาคุณไสยในทางทำลาย มีจุดประสงค์เพื่อสังหารคนธรรมดาหรือผู้ใช้คุณไสยโดยเฉพาะ โดยมากนักสาปแช่งมักทำหน้าที่รับจ้างฆ่าจากใครซักคน หรือ จากความสมัครใจของตัวเอง กรณีนักคุณไสยที่ทำผิดต่อองค์กรไสยเวท แล้วกลายเป็นนักสาปแช่ง คือการประหารเท่านั้น

อาวุธไสยเวท หรือ อุปกรณ์ต้องสาป (Jugu)
คืออาวุธหรืออุปกรณ์ที่ถูกคำสาป มีหลายระดับ ใช้สำหรับสู้กับผู้ใช้คุณไสย หรือใช้สำหรับสู้กับวิญญาณคำสาป สามารถนำอาคมเคลือบอาวุธเพื่อเพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้นได้ ว่ากันว่าหากนำมันไปขาย หรือซื้อพวกมัน จะมีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านเยนเลยทีเดียว
กางอาณาเขต (Ryōiki Tenkai)
หนึ่งในวิชาขั้นสูงสุดของผู้ใช้คุณไสย วิชานี้เป็นการสร้างอาณาเขตที่เกิดจากการผลาญพลังไสยเวทย์ปริมาณมหาศาลเข้าไปและสามารถสร้างอาณาเขตเฉพาะตัวขึ้นมาได้ ซึ่งอาณาเขตนี้จะมีความแข็งแกร่งและทรงพลังมาก ทำให้ผู้ใช้ได้รับพลังเพิ่มขึ้นและบางอาณาเขตสามารถใช้อาคมโจมตีศัตรูได้แม่นยำแทบจะ 100% และด้วยความทรงพลังนี้ จึงมีความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน หากผู้ใช้คุณไสยใช้วิชานี้อย่างไม่ระมัดระวัง ผู้ใช้คุณไสยอาจถูกอาณาเขตของตัวเองทำร้ายได้ โดยวิชากางอาณาเขตนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ วิชากางอาณาเขตสายโจมตี (Attack Domain Expansion) วิชากางอาณาเขตสายป้องกัน (Defense Domain Expansion)

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 "The Official Website for Jujutsu Kaisen". Viz Media. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 3, 2019. สืบค้นเมื่อ October 3, 2019.
  2. Ressler, Karen (February 25, 2018). "3 New Manga Launch in Shonen Jump in March". Anime News Network. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 25, 2018. สืบค้นเมื่อ December 9, 2018.