ผลต่างระหว่างรุ่นของ "แอร์แบร์ที่ 2 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Potapt (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
{{เก็บกวาด}}
{{เก็บกวาด}}
'''แอร์แบร์ที่ 2''' ({{Lang-en|Herbert II}}) เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว, เคานต์แห่งโมซ์ และเคานต์แห่งซวยส์ซงส์ เป็นคนแรกที่ปกครองอาณาเขตที่จะกลายเป็น[[จังหวัดช็องปาญ]]
'''แอร์แบร์ที่ 2''' ({{Lang-en|Herbert II}}) เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว, เคานต์แห่งโม และเคานต์แห่งซัวซง เป็นคนแรกที่ปกครองอาณาเขตที่จะกลายเป็น[[จังหวัดช็องปาญ]]


== ชีวประวัติ ==
== ชีวประวัติ ==


แอร์แบร์เป็นบุตรชายของ[[แอร์แบร์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว]]<ref name=":0">Detlev Schwennicke, ''Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten'', Neue Folge, Band III Teilband 1 (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 49</ref> เป็นลูกหลานของ[[ชาร์เลอมาญ]]<ref name=":1">Jim Bradbury, ''The Capetians: Kings of France, 987-1328'' (London: Hambledon Continuum, 2007), p. 36</ref> แอร์แบร์สืบทอดต่อดินแดนของบิดาและได้วิหารแซ็งต์เมดาด์ในซวยส์ซงส์มาเพิ่มในปี ค.ศ. 907 ครองตำแหน่งเป็นอธิการฆราวาสซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์ในรายได้ของวิหารดังกล่าว<ref name=":0" /> การแต่งงานกับพระธิดาของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]ทำให้เขาได้เคานตีโมซ์มาอยู่ในการครอบครอง<ref name=":2">Emily Taitz, ''The Jews of Medieval France: The Community of Champagne'' (Westport CT: Greenwood Press, 1994), p. 42</ref>
แอร์แบร์เป็นบุตรชายของ[[แอร์แบร์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว]]<ref name=":0">Detlev Schwennicke, ''Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten'', Neue Folge, Band III Teilband 1 (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 49</ref> เป็นลูกหลานของ[[ชาร์เลอมาญ]]<ref name=":1">Jim Bradbury, ''The Capetians: Kings of France, 987-1328'' (London: Hambledon Continuum, 2007), p. 36</ref> แอร์แบร์สืบทอดต่อดินแดนของบิดาและได้วิหารแซ็ง-เมดาร์ในซัวซงมาเพิ่มในปี ค.ศ. 907 ครองตำแหน่งเป็นอธิการฆราวาสซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์ในรายได้ของวิหารดังกล่าว<ref name=":0" /> การแต่งงานกับพระธิดาของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]ทำให้เขาได้เคานตีโมมาอยู่ในการครอบครอง<ref name=":2">Emily Taitz, ''The Jews of Medieval France: The Community of Champagne'' (Westport CT: Greenwood Press, 1994), p. 42</ref>


ในปี ค.ศ. 922 เมื่อเซยุล์ฟกลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เพื่อเอาใจแอร์แบร์ที่ 2 เซยุล์ฟสัญญาว่าจะเสนอชื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง<ref name=":3">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 155</ref> ในปี ค.ศ. 923 แอร์แบร์จองจำ[[พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3]] ที่ถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 929<ref name=":2" /> เมื่อเซยุล์ฟเสียชีวิตในปี ค.ศ. 925 ด้วยความช่วยเหลือของ[[รูดอล์ฟ ดยุกแห่งเบอร์กันดี|พระเจ้ารุดอล์ฟ]] แอร์แบร์ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์มาให้บุตรชายคนที่สอง อูก ที่ตอนนั้นอายุห้าปี<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 14-15''</ref> แอร์แบร์เดินหน้าต่อด้วยการส่งคณะทูตไปโรมเพื่อขอการอนุมัติรับรองตำแหน่งจาก[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 10]] ที่ให้การอนุมัติในปี ค.ศ. 926<ref name=":3" /> ทำให้อูกน้อยผู้ได้รับเลือกถูกส่งตัวไปศึกษาเล่าเรียนที่[[โอแซร์]]<ref name=":1" />
ในปี ค.ศ. 922 เมื่อเซยุล์ฟกลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เพื่อเอาใจแอร์แบร์ที่ 2 เซยุล์ฟสัญญาว่าจะเสนอชื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง<ref name=":3">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 155</ref> ในปี ค.ศ. 923 แอร์แบร์จองจำ[[พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าชาร์ลที่ 3]] ที่ถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 929<ref name=":2" /> เมื่อเซยุล์ฟเสียชีวิตในปี ค.ศ. 925 ด้วยความช่วยเหลือของ[[รูดอล์ฟ ดยุกแห่งเบอร์กันดี|พระเจ้ารุดอล์ฟ]] แอร์แบร์ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์มาให้บุตรชายคนที่สอง อูก ที่ตอนนั้นอายุห้าปี<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 14-15''</ref> แอร์แบร์เดินหน้าต่อด้วยการส่งคณะทูตไปโรมเพื่อขอการอนุมัติรับรองตำแหน่งจาก[[สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 10]] ที่ให้การอนุมัติในปี ค.ศ. 926<ref name=":3" /> ทำให้อูกน้อยผู้ได้รับเลือกถูกส่งตัวไปศึกษาเล่าเรียนที่[[โอแซร์]]<ref name=":1" />


ในปี ค.ศ. 926 หลังการเสียชีวิตของเคานต์รอเชร์ที่ 1 แห่งล็อง แอร์แบร์เรียกร้องตำแหน่งเคานต์ให้กับอูด บุตรชายคนโต<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 15-16</ref> เขาท้าทายพระเจ้ารุดอล์ฟด้วยการยึดเมืองอันนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันระหว่างคนทั้งสองในปี ค.ศ. 927<ref name=":1" /> อาศัยการข่มขู่ว่าจะปล่อยตัวพระเจ้าชาร์ลส์ที่ตนจองจำอยู่ แอร์แบร์สามารถครองเมืองอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสี่ปี<ref name=":1" /> แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลส์ในปี ค.ศ. 929 รุดอล์ฟโจมตี[[ล็อง]]อีกครั้งในปี ค.ศ. 931 และปราบแอร์แบร์ได้สำเร็จ<ref name=":1" /> ในปีเดียวกันกษัตริย์ยกทัพเข้าสู่[[แร็งส์]]และปราบอาร์ชบิชอปอูก บุตรชายของแอร์แบร์<ref name=":4">''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), p. 21</ref> อาร์ทูต์กลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์คนใหม่<ref name=":4" /> จากนั้นในเวลาสามปี แอร์แบร์ที่ 2 เสียวิทรี, ล็อง, ชาโต-เธียร์รี และซวยส์ซงส์<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 20-24</ref> การยื่นมือเข้ามาแทรงแซงของพันธมิตรของแอร์แบร์ [[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชผู้เป็นพรานล่านก]] ทำให้แอร์แบร์ได้ดินแดลกลับคืนมา (ยกเว้นแร็งส์กับล็อง) แลกกับการสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ารุดอล์ฟ
ในปี ค.ศ. 926 หลังการเสียชีวิตของเคานต์รอเฌที่ 1 แห่งล็อง แอร์แบร์เรียกร้องตำแหน่งเคานต์ให้กับอูด บุตรชายคนโต<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 15-16</ref> เขาท้าทายพระเจ้ารุดอล์ฟด้วยการยึดเมืองอันนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันระหว่างคนทั้งสองในปี ค.ศ. 927<ref name=":1" /> อาศัยการข่มขู่ว่าจะปล่อยตัวพระเจ้าชาร์ลที่ตนจองจำอยู่ แอร์แบร์สามารถครองเมืองอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสี่ปี<ref name=":1" /> แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลในปี ค.ศ. 929 รุดอล์ฟโจมตี[[ล็อง]]อีกครั้งในปี ค.ศ. 931 และปราบแอร์แบร์ได้สำเร็จ<ref name=":1" /> ในปีเดียวกันกษัตริย์ยกทัพเข้าสู่[[แร็งส์]]และปราบอาร์ชบิชอปอูก บุตรชายของแอร์แบร์<ref name=":4">''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), p. 21</ref> อาร์ทูต์กลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์คนใหม่<ref name=":4" /> จากนั้นในเวลาสามปี แอร์แบร์ที่ 2 เสียวิทรี, ล็อง, ชาโต-เธียร์รี และซัวซง<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 916–966'', eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 20-24</ref> การยื่นมือเข้ามาแทรงแซงของพันธมิตรของแอร์แบร์ [[พระเจ้าไฮน์ริชที่ 1 แห่งเยอรมนี|พระเจ้าไฮน์ริชผู้เป็นพรานล่านก]] ทำให้แอร์แบร์ได้ดินแดนกลับคืนมา (ยกเว้นแร็งส์กับล็อง) แลกกับการสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ารุดอล์ฟ


ต่อมาแอร์แบร์จับมือกับ[[อูกมหาราช]]และ[[วิลเลียมดาบยาว]] ดยุคแห่งนอร์ม็องดีปราบ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าหลุยส์ที่ 4]] ที่มอบเคานตีล็องให้แก่รอเชร์ที่ 2 บุตรชายของรอเชร์ที่ 1 ในปี ค.ศ. 941 แอร์แบร์กับอูกมหาราชได้แร็งส์กลับคืนมาและจับกุมตัวอาร์ทูด์ได้<ref name=":5">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 157</ref> อูก บุตรชายของแอร์แบร์ ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปกลับคืนมาอีกครั้ง<ref name=":5" /> การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้งของกษัตริย์เยอรมนี [[ออทโทที่ 1 มหาราช|พระเจ้าอ็อตโทที่ 1]] ในวิซี ใกล้กับลิเอช ในปี ค.ศ. 942 ทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง
ต่อมาแอร์แบร์จับมือกับ[[อูกมหาราช]]และ[[วิลเลียมดาบยาว]] ดยุคแห่งนอร์ม็องดีปราบ[[พระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าหลุยส์ที่ 4]] ที่มอบเคานตีล็องให้แก่รอเฌที่ 2 บุตรชายของรอเฌที่ 1 ในปี ค.ศ. 941 แอร์แบร์กับอูกมหาราชได้แร็งส์กลับคืนมาและจับกุมตัวอาร์ทูด์ได้<ref name=":5">Eleanor Shipley Duckett, ''Death and life in the tenth century'' (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 157</ref> อูก บุตรชายของแอร์แบร์ ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปกลับคืนมาอีกครั้ง<ref name=":5" /> การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้งของกษัตริย์เยอรมนี [[ออทโทที่ 1 มหาราช|พระเจ้าอ็อตโทที่ 1]] ในวิซี ใกล้กับลิเอช ในปี ค.ศ. 942 ทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง


== การเสียชีวิตและมรดก ==
== การเสียชีวิตและมรดก ==


แอร์แบร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943 ที่แซ็งต์คอนแต็งในเอส์น (เมืองหลวงของเคานตีแวร์ม็องดัว) บุตรชายของเขาแบ่งทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกัน<ref name=":6">Kate Norgate, 'Odo of Champagne, Count of Blois and Tyrant of Burgundy', ''The English Historical Review'', Vol. 5, No. 19 (Jul., 1890), p. 488</ref> แวร์ม็องดัวกับแอเมียงส์ตกเป็นของสองบุตรชายคนโต ขณะที่รอแบร์กับแอร์แบร์ สองบุตรชายคนเล็ก ได้ครอบครองที่ดินที่กระจายตัวอยู่ทั่วช็องปาญ<ref name=":6" /> เมื่อรอแบร์เสียชีวิต พี่ชายของเขา แอร์แบร์ที่ 3 สืบทอดต่อที่ดินทั้งหมด บุตรชายคนเดียวของแอร์แบร์ สตีเฟน เสียชีวิตโดยไร้บุตรในปี ค.ศ. 1019 – 1020 จึงเป็นการสิ้นสุดสายตระกูลทางเพศชายของแอร์แบร์ที่ 2<ref name=":6" />
แอร์แบร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943 ที่แซ็ง-ก็องแต็งในแอน (เมืองหลวงของเคานตีแวร์ม็องดัว) บุตรชายของเขาแบ่งทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกัน<ref name=":6">Kate Norgate, 'Odo of Champagne, Count of Blois and Tyrant of Burgundy', ''The English Historical Review'', Vol. 5, No. 19 (Jul., 1890), p. 488</ref> แวร์ม็องดัวกับอาเมียงตกเป็นของสองบุตรชายคนโต ขณะที่รอแบร์กับแอร์แบร์ สองบุตรชายคนเล็ก ได้ครอบครองที่ดินที่กระจายตัวอยู่ทั่วช็องปาญ<ref name=":6" /> เมื่อรอแบร์เสียชีวิต พี่ชายของเขา แอร์แบร์ที่ 3 สืบทอดต่อที่ดินทั้งหมด บุตรชายคนเดียวของแอร์แบร์ สตีเฟน เสียชีวิตโดยไร้บุตรในปี ค.ศ. 1019–1020 จึงเป็นการสิ้นสุดสายตระกูลทางเพศชายของแอร์แบร์ที่ 2<ref name=":6" />


== ครอบครัว ==
== ครอบครัว ==
บรรทัด 20: บรรทัด 20:
แอร์แบร์แต่งงานกับอาเดล พระธิดาของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 919–966'', eds. Steven Fanning; Bernard S. Bachrach (Toronto: University of Toronto Press Inc., 2011), p. 21 n. 77</ref> ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ
แอร์แบร์แต่งงานกับอาเดล พระธิดาของ[[พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส]]<ref>''The Annals of Flodoard of Reims, 919–966'', eds. Steven Fanning; Bernard S. Bachrach (Toronto: University of Toronto Press Inc., 2011), p. 21 n. 77</ref> ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ


* อูดแห่งแวร์ม็องดัวซ์ เคานต์แห่งแอเมียงส์และเวียน (ค.ศ. 910 – 946)<ref name=":0" />
* อูดแห่งแวร์ม็องดัว เคานต์แห่งอาเมียงและเวียน (ค.ศ. 910–946)<ref name=":0" />
* อาดัลแบต์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 915 – 987) แต่งงานกับแชแบชแห่งลอร์แรน<ref name=":0" />
* อาดัลแบต์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 915–987) แต่งงานกับแชแบชแห่งลอร์แรน<ref name=":0" />
* [[อาเดลาแห่งแวร์ม็องดัว]] (ค.ศ. 910 – 960) แต่งงานในปี ค.ศ. 934 กับ[[อาร์นูล์ฟที่ 1 เคานต์แห่งฟลานเดอส์]]<ref name=":0" />
* [[อาเดลาแห่งแวร์ม็องดัว]] (ค.ศ. 910–960) แต่งงานในปี ค.ศ. 934 กับ[[อาร์นูล์ฟที่ 1 เคานต์แห่งฟลานเดอส์]]<ref name=":0" />
* แอร์แบร์ผู้ชรา (ค.ศ. 910 – 980) เคานต์แห่งโอมัวส์, โมซ์ และทรัวส์ และพระอธิการแห่งแซ็งต์เมดาด์ในซวยส์ซงส์ แต่งงานในปี ค.ศ. 951 กับ[[อีดจิฟูแห่งเวสเซ็กซ์]] พระธิดาของ[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส]] กษัตริย์แห่งอังกฤษ พระมเหสีม่ายของ[[พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3]] กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส<ref name=":0" />
* แอร์แบร์ผู้ชรา (ค.ศ. 910–980) เคานต์แห่งโอมัว, โม และทรัวส์ และพระอธิการแห่งแซ็ง-เมดาร์ในซัวซง แต่งงานในปี ค.ศ. 951 กับ[[อีดจิฟูแห่งเวสเซ็กซ์]] พระธิดาของ[[พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้อาวุโส]] กษัตริย์แห่งอังกฤษ พระมเหสีม่ายของ[[พระเจ้าชาร์ลที่ 3 แห่งฝรั่งเศส|พระเจ้าชาร์ลที่ 3]] กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส<ref name=":0" />
* สโปรตา อาเดล เดอ ซ็องลีส์ (ค.ศ. 913 – 945) นักโทษของ[[วิลเลียมดาบยาว|วิลเลียมที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]<ref name=":0" /> ที่เป็นบิดาของ[[รีชาร์ที่ 1 แห่งนอร์ม็องดี|ริชาร์ดที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]
* สโปรตา อาเดล เดอ ซ็องลีส์ (ค.ศ. 913–945) นักโทษของ[[วิลเลียมดาบยาว|วิลเลียมที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]<ref name=":0" /> ที่เป็นบิดาของ[[รีชาร์ที่ 1 แห่งนอร์ม็องดี|ริชาร์ดที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]
* รอแบร์แห่งแวร์ม็องดัว เคานต์แห่งโมซ์และชาลงส์ (เสียชีวิต ค.ศ. 967)
* รอแบร์แห่งแวร์ม็องดัว เคานต์แห่งโมและชาลง (เสียชีวิต ค.ศ. 967)
* ลุตการ์ดแห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 915 – 978) แต่งงานในปี ค.ศ. 940 กับ[[วิลเลียมดาบยาว|วิลเลียมที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]<ref name=":0" /> แต่งงานครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 943/44 กับ[[ธีโอบอลด์ที่ 1 เคานต์แห่งบลัวส์|ธีโอบอลด์ที่ 1 แห่งบลัวส์]]<ref>Detlev Schwennicke, ''Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten'', Neue Folge, Band II (J. A. Stargardt, Marburg, Germany, 1984), Tafel 46</ref> มีบุตรชายด้วยกันคือ[[โอโดที่ 1 เคานต์แห่งบลัวส์|โอโดที่ 1 แห่งบลัวส์]]<ref name=":6" />
* ลุตการ์ดแห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 915–978) แต่งงานในปี ค.ศ. 940 กับ[[วิลเลียมดาบยาว|วิลเลียมที่ 1 ดยุคแห่งนอร์ม็องดี]]<ref name=":0" /> แต่งงานครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 943/44 กับ[[ธีโอบอลด์ที่ 1 เคานต์แห่งบลัว|ธีโอบอลด์ที่ 1 แห่งบลัว]]<ref>Detlev Schwennicke, ''Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten'', Neue Folge, Band II (J. A. Stargardt, Marburg, Germany, 1984), Tafel 46</ref> มีบุตรชายด้วยกันคือ[[โอโดที่ 1 เคานต์แห่งบลัว|โอโดที่ 1 แห่งบลัว]]<ref name=":6" />
* อูกแห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 920 – 962) อาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์<ref name=":0" />
* อูกแห่งแวร์ม็องดัว (ค.ศ. 920–962) อาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์<ref name=":0" />
* กีย์ที่ 1 เคานต์แห่งซวยส์ซงส์ (เสียชีวิต ค.ศ. 986)<ref>Marignan et al. 1906, p. 28.</ref>
* กีย์ที่ 1 เคานต์แห่งซัวซง (เสียชีวิต ค.ศ. 986)<ref>Marignan et al. 1906, p. 28.</ref>


== อ้างอิง ==
== อ้างอิง ==

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:47, 25 พฤศจิกายน 2561

แอร์แบร์ที่ 2 (อังกฤษ: Herbert II) เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว, เคานต์แห่งโม และเคานต์แห่งซัวซง เป็นคนแรกที่ปกครองอาณาเขตที่จะกลายเป็นจังหวัดช็องปาญ

ชีวประวัติ

แอร์แบร์เป็นบุตรชายของแอร์แบร์ที่ 1 เคานต์แห่งแวร์ม็องดัว[1] เป็นลูกหลานของชาร์เลอมาญ[2] แอร์แบร์สืบทอดต่อดินแดนของบิดาและได้วิหารแซ็ง-เมดาร์ในซัวซงมาเพิ่มในปี ค.ศ. 907 ครองตำแหน่งเป็นอธิการฆราวาสซึ่งทำให้เขาได้สิทธิ์ในรายได้ของวิหารดังกล่าว[1] การแต่งงานกับพระธิดาของพระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศสทำให้เขาได้เคานตีโมมาอยู่ในการครอบครอง[3]

ในปี ค.ศ. 922 เมื่อเซยุล์ฟกลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เพื่อเอาใจแอร์แบร์ที่ 2 เซยุล์ฟสัญญาว่าจะเสนอชื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง[4] ในปี ค.ศ. 923 แอร์แบร์จองจำพระเจ้าชาร์ลที่ 3 ที่ถูกจองจำจนสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 929[3] เมื่อเซยุล์ฟเสียชีวิตในปี ค.ศ. 925 ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้ารุดอล์ฟ แอร์แบร์ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์มาให้บุตรชายคนที่สอง อูก ที่ตอนนั้นอายุห้าปี[5] แอร์แบร์เดินหน้าต่อด้วยการส่งคณะทูตไปโรมเพื่อขอการอนุมัติรับรองตำแหน่งจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์นที่ 10 ที่ให้การอนุมัติในปี ค.ศ. 926[4] ทำให้อูกน้อยผู้ได้รับเลือกถูกส่งตัวไปศึกษาเล่าเรียนที่โอแซร์[2]

ในปี ค.ศ. 926 หลังการเสียชีวิตของเคานต์รอเฌที่ 1 แห่งล็อง แอร์แบร์เรียกร้องตำแหน่งเคานต์ให้กับอูด บุตรชายคนโต[6] เขาท้าทายพระเจ้ารุดอล์ฟด้วยการยึดเมืองอันนำไปสู่การกระทบกระทั่งกันระหว่างคนทั้งสองในปี ค.ศ. 927[2] อาศัยการข่มขู่ว่าจะปล่อยตัวพระเจ้าชาร์ลที่ตนจองจำอยู่ แอร์แบร์สามารถครองเมืองอยู่ได้เป็นเวลานานกว่าสี่ปี[2] แต่หลังการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าชาร์ลในปี ค.ศ. 929 รุดอล์ฟโจมตีล็องอีกครั้งในปี ค.ศ. 931 และปราบแอร์แบร์ได้สำเร็จ[2] ในปีเดียวกันกษัตริย์ยกทัพเข้าสู่แร็งส์และปราบอาร์ชบิชอปอูก บุตรชายของแอร์แบร์[7] อาร์ทูต์กลายเป็นอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์คนใหม่[7] จากนั้นในเวลาสามปี แอร์แบร์ที่ 2 เสียวิทรี, ล็อง, ชาโต-เธียร์รี และซัวซง[8] การยื่นมือเข้ามาแทรงแซงของพันธมิตรของแอร์แบร์ พระเจ้าไฮน์ริชผู้เป็นพรานล่านก ทำให้แอร์แบร์ได้ดินแดนกลับคืนมา (ยกเว้นแร็งส์กับล็อง) แลกกับการสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้ารุดอล์ฟ

ต่อมาแอร์แบร์จับมือกับอูกมหาราชและวิลเลียมดาบยาว ดยุคแห่งนอร์ม็องดีปราบพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 ที่มอบเคานตีล็องให้แก่รอเฌที่ 2 บุตรชายของรอเฌที่ 1 ในปี ค.ศ. 941 แอร์แบร์กับอูกมหาราชได้แร็งส์กลับคืนมาและจับกุมตัวอาร์ทูด์ได้[9] อูก บุตรชายของแอร์แบร์ ได้ตำแหน่งอาร์ชบิชอปกลับคืนมาอีกครั้ง[9] การเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยอีกครั้งของกษัตริย์เยอรมนี พระเจ้าอ็อตโทที่ 1 ในวิซี ใกล้กับลิเอช ในปี ค.ศ. 942 ทำให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติสุขอีกครั้ง

การเสียชีวิตและมรดก

แอร์แบร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 943 ที่แซ็ง-ก็องแต็งในแอน (เมืองหลวงของเคานตีแวร์ม็องดัว) บุตรชายของเขาแบ่งทรัพย์สินที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลกัน[10] แวร์ม็องดัวกับอาเมียงตกเป็นของสองบุตรชายคนโต ขณะที่รอแบร์กับแอร์แบร์ สองบุตรชายคนเล็ก ได้ครอบครองที่ดินที่กระจายตัวอยู่ทั่วช็องปาญ[10] เมื่อรอแบร์เสียชีวิต พี่ชายของเขา แอร์แบร์ที่ 3 สืบทอดต่อที่ดินทั้งหมด บุตรชายคนเดียวของแอร์แบร์ สตีเฟน เสียชีวิตโดยไร้บุตรในปี ค.ศ. 1019–1020 จึงเป็นการสิ้นสุดสายตระกูลทางเพศชายของแอร์แบร์ที่ 2[10]

ครอบครัว

แอร์แบร์แต่งงานกับอาเดล พระธิดาของพระเจ้ารอแบร์ที่ 1 แห่งฝรั่งเศส[11] ทั้งคู่มีบุตรธิดาด้วยกัน คือ

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6 1.7 1.8 Detlev Schwennicke, Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten, Neue Folge, Band III Teilband 1 (Marburg, Germany: J. A. Stargardt, 1984), Tafel 49
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 Jim Bradbury, The Capetians: Kings of France, 987-1328 (London: Hambledon Continuum, 2007), p. 36
  3. 3.0 3.1 Emily Taitz, The Jews of Medieval France: The Community of Champagne (Westport CT: Greenwood Press, 1994), p. 42
  4. 4.0 4.1 Eleanor Shipley Duckett, Death and life in the tenth century (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 155
  5. The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 14-15
  6. The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 15-16
  7. 7.0 7.1 The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), p. 21
  8. The Annals of Flodoard of Reims, 916–966, eds & trans. Steven Fanning: Bernard S. Bachrach (New York; Ontario, Can: University of Toronto Press, 2011), pp. 20-24
  9. 9.0 9.1 Eleanor Shipley Duckett, Death and life in the tenth century (Ann Arbor: University of Michigan Press, 1967), p. 157
  10. 10.0 10.1 10.2 10.3 Kate Norgate, 'Odo of Champagne, Count of Blois and Tyrant of Burgundy', The English Historical Review, Vol. 5, No. 19 (Jul., 1890), p. 488
  11. The Annals of Flodoard of Reims, 919–966, eds. Steven Fanning; Bernard S. Bachrach (Toronto: University of Toronto Press Inc., 2011), p. 21 n. 77
  12. Detlev Schwennicke, Europäische Stammtafeln: Stammtafeln zur Geschichte der Europäischen Staaten, Neue Folge, Band II (J. A. Stargardt, Marburg, Germany, 1984), Tafel 46
  13. Marignan et al. 1906, p. 28.